“ มันอาจดูเงอะงะเเละน่าเกลียดไปหน่อย…แต่สิ่งที่ฉันเห็นเบื้องหน้าก็คือการออกแบบที่ประณีตและรอบคอบ แขนขาทั้งสี่ของพวกเขาชี้ยืดออกไปด้านนอก อ่า! ใช่! เช่นเดียวกับลักษณะของกิ่งไม้ ร่างกายของพวกเขาเหมือนลำต้นของต้นไม้ ในทำนองเดียวกัน…ท่อและเส้นประสาทที่กำลังเลื้อยเป็นทางยาวเหล่านี้ก็เหมือนกับราก สุดท้ายหัวของพวกเขา…อืม! มันกล่าวได้ว่าเป็นหลักฐานของการหลอมรวมร่างกายของพวกเขา ฉันคิดว่าสิ่งนี้เติบโตขึ้นโดยผ่านการหลอมรวมที่ต่อเนื่องกัน บางทีอาจไม่ใช่แค่กับมนุษย์ แต่รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีเลือดเนื้อด้วย” กู้จวินกล่าวด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย..เเต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าเขาเเอบยิ้มมุมปากด้วย
“ ต้นไทรสามารถสร้างป่าได้ด้วยตัวของมันเอง ในทำนองเดียวกันสิ่งมีชีวิตประเภทนี้…” เสียงของเขาหยุดลง สมองของเขาพยายามที่จะหาคำพูดเพื่ออธิบายให้ครอบคลุมถึงสิ่งมีชีวิตที่เเปลกประหลาดนี้อย่างเหมาะสม “ มันเป็นสิ่งมีชีวิต…ที่สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง”
ทันใดนั้นทั้งสนามก็ไร้ซึ่งเสียง…ไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้อีก
ต้นไทร? คำตอบนี้ทำให้ความภาคภูมิใจและวิจารณญาณการคิดวิเคราะห์ของพวกเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ถูกจำกัดไว้อย่างสิ้นเชิง
พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่สิ่งมีชีวิตเบื้องหน้านั้น ยิ่งพวกเขาสังเกตมันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็เริ่มตระหนักมากขึ้นเท่านั้น เเม้การเปรียบเทียบเเบบนี้จะดูแปลกประหลาด แต่มันก็…เหมาะสมจริงๆ
ก้อนเนื้อนั่น…มันมีลักษณะเหมือนต้นไทรจริงๆ!!
ยิ่งไปกว่านั้น!! สมมติฐานสุดท้ายของกู้จวินเเทบทำให้พวกเขาผมร่วง ไม่เพียงแต่ความสยองขวัญนี้จะหลอมรวมกับมนุษย์เท่านั้น แต่มันยังสามารถหลอมรวมกับสัตว์อื่น ๆ ได้อีกด้วย? บ้าไปเเล้ว!!
“ กู้จวิน คุณเป็นหน่ออ่อนมีความคิดที่ดี” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวชื่นชมกู้จวินด้วยประโยคที่อ่อนโยนอย่างน่าเหลือเชื่อ! นักศึกษาทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง…พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างกู้จวินจะถูกคนระดับนี้ชื่นชมได้
ขณะที่ฝูงชนพยายามย่อยสิ่งที่พวกเขาได้ยินและเห็นทั้งหมดเข้าสู่สมอง ดวงตาของกู้จวินก็หันไปมองที่กรงที่ใส่สิ่งมีชีวิตอันน่าสะอิดสะเอียนไว้ ตัวของกรงมีสีขาวคล้ายกับถังเก็บศพ ตั้งแต่เริ่มต้นเขาก็งงงวยกับสีของกรงนี่เเล้ว
ทำไมถึงต้องใช้พ่นสีขาวขนาดนี้? มันจะไม่โดดเด่นไปเหรอ?
ทันใดนั้นความคิดเเปลกๆ มันก็เข้ามาหาเขา…
“ สีขาวนี่ คือน้ำปูนใสใช่ไหม?”
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คณะกรรมการประหลาดใจอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่กู้จวินราวกับว่าพวกเขาได้กลายเป็นฝูงแมวจรจัดที่เพิ่งเดินผ่าน ‘เสต็กเนื้อ A5 ’ อันน่าเอร็ดอร่อยมาหมาดๆ กู้จวินที่เเค่ยืนเฉยๆก็โดนสายตาประดุจจะกลืนกินเหล่านี้จับจ้องจนเขาเเทบเสียวสันหลังจากหัวไปจรดรูตูด
เเต่กู้จวินก็ยังคงนำเสนอสมมติฐานของเขาต่อไป
“นี่อาจจะเคลือบต้นไม้ด้วยน้ำปูนใสเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและสังหารแมลงซึ่งอาจกลายเป็นกาฝากให้ตัวทดลองได้ เมื่อผมลองเปรียบเทียบสีขาวของถังเก็บศพกับกรงเหล็ก ผมคิดว่าพวกมันถูกใช้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การรักษาความสะอาดและทำให้ปราศจากเชื้อ ผมสงสัยว่าสิ่งที่ถูกเก็บไว้ในกรงเหล็กนี้ เมื่อมันยังมีชีวิตมันจะหลอมรวมกับจุลินทรีย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเติบโตอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ไม่สิ! สีขาวนี่อาจจะไม่ใช่การป้องกันได้ทั้งหมด เเต่อย่างน้อยมันก็เพียงพอที่จะเป็นการป้องกันการหลอมรวมเเบบเบื้องต้นได้…”
สมมติฐานของเขาสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามมันทำให้นักศึกษาทั้งหมดตกตะลึงจนเกินคำบรรยาย
นี่เจ้านั่นมันรู้ได้อย่างไร? น้ำนั่นมันไม่มีกลิ่นฉุนนะ ที่สำคัญนี่ไม่ใช่สีขาวเพื่อการตกแต่งเท่านั้นหรอกหรือ?
“กู้จวิน คุณเป็นคนช่างสังเกต มีจินตนาการเลิศล้ำและมีวิจารณญาณที่เฉียบคม” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวชมกู้จวินอีกครั้ง ครั้งนี้มีความเมตตาและความอบอุ่นบนใบหน้าของเขามากขึ้น
ในทำนองเดียวกัน ความประหลาดใจที่น่ายินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคณะกรรมการคนอื่น ๆ หลายๆคนมีรอยยิ้มที่กว้างเเละสดใสอย่างเหลือเชื่อ พวกเขาพยักหน้าด้วยการให้การยอมรับ
ความตกตะลึงที่เงียบงันทำให้ฝูงชนเเทบลุกด้วยความเเปลกใจ! ไม่มีใครที่นั่งที่นี่เป็นคนโง่ทั้งนั้น พวกเขาเห็นได้อย่างง่ายดายว่าศาสตราจารย์ฉินพอใจกับกู้จวินมาก ความเห็นของเขาดูเหมือนจะได้รับการยอมรับอย่างสูง
นักศึกษามหาวิทยาลัยอีสเทิร์นยืดหลังของพวกเขาให้ตรงนิ่งเเละเชิดหน้าด้วยความหยิ่งผยอง พวกเขามองไปที่ที่นั่งของมหาวิทยาลัยชิงหยุน ทางด้านฝั่งตรงข้าม จากนั้นพวกเขาก็ยิ้มกว้างเเละอวดอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้
พวกนายเห็นไหม? ให้ฉันแนะนำเขาให้พวกนายรู้จัก ผู้ชายคนนี้คืออาวุธลับของพวกเรา ‘กู้จวิน’!
ในอีกด้านหนึ่งหัวหน้าของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหยุนก็ก้มหน้าต่ำลง ครั้งนี้มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นมีชัยชนะที่สมบูรณ์เเบบไปเเล้ว แล้วอีกอย่าง….กู้จวินคนนี้คือใคร ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยเห็นหน้าเขาในการแข่งขันทักษะทางคลินิกอื่นๆเลย
ภายในทีมพิเศษที่น่าภูมิใจของมหาวิทยาลัยอันประกอบด้วย ซุนอี้เหิง หยางหมิง และคนอื่น ๆ แลกเปลี่ยนสายตาที่สับสน กู้จวินเห็นต้นไทรภายในความยุ่งเหยิงนี้ได้อย่างไร?
เช่นเดียวกับ ‘พ่อบุญธรรม’ ที่ภาคภูมิใจในตัวลูกชายบุญธรรมอย่างศาสตราจารย์กู้…ตอนนี้เขาก็นั่งเชิดหน้าด้วยเช่นกัน เขาพูดกับนักศึกษาที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความภาคภูมิใจ “เด็กน้อย! ฉันได้ยินว่าเธอกล่าวว่ากู้จวินว่าติดสินบนฉันอย่างนั้นเหรอ?”
นักศึกษาคนนั้นสะอึกเล้วหันกลับมาจ้องมองศาสตราจารย์กู้พร้อมกับหัวเราะทันที “ ฮ่าฮ่า! ศาสตราจารย์กู้ ผมจะกล้าคิดอย่างนั้นได้ยังไงกันครับ…”
จากที่นั่งของพรรคพวกของกู้จวิน ไช่ฉีซวนส่งเสียงเชียร์กู้จวินเบา ๆ ข้างๆเขาหวังรั่วเซียงรู้สึกราวกับว่าเธอกลายเป็น ‘หวังเฉินเซียง’ ไปเเล้วเธอทำได้เเค่ยิ้มอย่างอบอุ่นในขณะที่เธอหันมองเขาด้วยสายตาเเสดงความยินดีด้วย
อั้ยโยว!!! ช่างเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดีจริงๆ นี่เป็นอุบัติเหตุที่บังเอิญเกิดขึ้นมาอย่างแท้จริง! อัจฉริยะ…เขาคืออัจฉริยะชัดๆ
“ กู้จวิน เธอมีความสามารถมากจริงๆ” ศาสตราจารย์ฉินเดินเข้าไปใกล้ ๆ และชื่นชมกู้จวินด้วยคำสรรพนามเเทนตัวที่เปลี่ยนไป
ภายในใจของเขาตอนนี้ เขาต้องการทดสอบขีดจำกัดของความแข็งแกร่งทางจิตใจของกู้จวิน
ท้ายที่สุดความสามารถในการต้านทานความเครียดและความกลัวการไม่ทรุดตัวเป็นลม หรือการคลั่งไคล้เกินเหตุจากแรงกดดันเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญในการเลือก ‘เพชรเเท้’ เเห่งวงการเเพทย์อย่างเเท้จริง
ในกรณีนั้นศาสตราจารย์ฉินตัดสินใจที่จะทดสอบระดับเขาในระดับที่สูงขึ้น
“ ทำไมเธอไม่เข้าไปในกรงเพื่อดูมันให้ใกล้กว่านี้ล่ะ แต่ขอเตือนไว้ก่อน มันอาจมีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของคณะกรรมการคนอื่น ๆ ก็ซีดขาวทันควัน
เดี๋ยวก่อน!! หยุดก่อนดีไหม!? เฮ้!! คุณฉิน การทำให้เขากลัวจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับแผนกของเรานะ!
ทุกคนนิ่งงัน…กู้จวินได้เเผนการณ์ที่ยอดเยี่ยมว่าหลังจากนี้เขาจะขออนุญาตเพื่อมาดูต้นไทร…ทว่าเขาไม่นึกเลยว่าศาสตราจารย์ฉินจะ …
“ได้ครับ” กู้จวินไม่ลังเลเลย เขาหยิบหน้ากากและถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งจากในกระเป๋าเสื้อโค้ทโดยไม่รอช้า
เขามาที่นี่ในวันนี้เพื่อคว้าตำแหน่งสูงสุด ไม่มีอะไรต้องกลัว
เเกรกกกก! เจ้าหน้าที่เปิดกรงทันที
กู้จวินก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล เขาก้าวเข้าไปในกรง ในทุกย่างก้าวของเขาก็เข้าใกล้สิ่งที่น่ารังเกียจน่าสะอิดสะเอียนนี้มากขึ้น
ฝูงชนเฝ้าดูกู้จวินและกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของนักศึกษาบางคนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ความวิตกกังวลทำให้ลมหายใจของคนอื่นหยุดลงกะทันหัน
เมื่อพิจารณาดูแล้ว การที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปใกล้มันก็ดี เพราะอย่างน้อยจิตใจของพวกเขาก็ไม่ต้องเคร่งเครียดเหมือนกู้จวิน เเต่การมองเห็นกู้จวินเข้าไปในนั้น พวกเขาก็อดจะขยะเเขยงไม่ได้ หลายคนกดดันถึงขนาดอาเจียนเเห้งออกมา…เสียงสะอึกของเขานั้นดังไปทั่วสนาม เเละเจ้าของเสียงนั่นก็คือ ซูไห่!!
เปง! ประตูกรงปิดดังสนั่น แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยกระเพื่อมไปทั่วกรงทำให้ต้นไม้ประหลาดเบื้้องหน้าสั่นเล็กน้อย
ในขณะนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่กู้จวินที่ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางสัตว์ประหลาด
กู้จวินรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของดวงตาแปลก ๆ 10 คู่ ที่มาจากต้นไทร…