ในขณะนี้กู้จวินกำลังยืนอย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ในกรงเหล็กสีขาว และอยู่ข้างต้นไม้ที่สร้างจากชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวคล้ายหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญ มันมีกลิ่นอายของความตายคละคลุ้ง ชวนให้ผู้คนรู้สึกกดดันถึงขีดสุด
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกกดดันทางจิตใจ…
กู้จวินไม่ใช่คนเหล็กไร้จิตใจ เขาเป็นเเค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ เเละมีจิตใจ ดังนั้นถ้าจะไม่ให้มีความรู้สึกอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้
กลับมาที่ความเป็นจริง…เสียงเสียดสีกันจากภายในกรงเหล็กและความรู้สึกที่ตัวเขาได้ใกล้ชิดของต้นไม้ที่ทำจาก ‘มนุษย์’ มันช่างน่าขะเเขยงจนเส้นประสาทในตัวทุกเส้นกระตุกอย่างรุนเเรง หัวใจดวงเล็กๆของเขาก็เต้นระส่ำอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ ความความรู้สึกเเปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ทำให้เขาอยากจะหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ
เเต่โชคดีที่กู้จวินไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะนั่นเป็นความคิดที่จะทำให้เกิดหายนะอย่างแน่นอน คิดดูสิ! ท่ามกลางกรงเหล็กเเละสัตว์ประหลาดชุบฟอร์มาลินกลิ่นคละคลุ้ง ตอนที่อยู่ห่างๆเขายังได้กลิ่นชัดเจน ทว่าตอนนี้เขามาอยู่ใกล้ชิดตัวเเทบจะติดต้นไม้เลย กลิ่นฟอร์มาลินเเละกลิ่นซากศพไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะเเรงเเค่ไหน เกิดเขาหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ…เขาอาจจะเป็นคนเเรกของประวัติศาสตร์นักเรียนเเพทย์ที่สูดฟอร์มาลินจนเป็นลม!
ศาสตราจารย์ฉินและคณะกรรมการคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองมาที่เขาอย่างตั้งใจ หากเเววตาของพวกเขาเป็นมีด ไม่เเน่ว่ากู้จวินอาจจะถูกสายตาเหล่านี้เเทงตายไปหลายต่อหลายรอบเเล้ว
กู้จวินรู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สามารถลังเลได้ เขาจึงต้องสังเกตต้นไม้อวัยวะมนุษย์ต้นนี้อย่างจริงจัง
ภายใต้ผิวหนังของซากศพที่บิดเบี้ยวคล้ายต้นไม้ กู้จวินเห็นสารสีดำที่ไหลผ่านเส้นเลือดท่อน้ำเลี้ยงของ ‘ต้นไม้’ อย่างเห็นได้ชัด เขาเดาว่าถ้าเป็นมนษย์ปกติ นี่อาจจะเป็น ‘เลือด’ ของมันก็เป็นไปได้
เเต่ที่ผิวหนังโดยรอบทั้งหมดนั้นเป็นผิวหนังที่ตายแล้ว มันมีลักษณะเป็นสีเดียวกับต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ไม่มีสัญญาณของเเมลงหรือปรสิตใดๆ บนผิวหนังนั้น เเค่มองด้วยตากู้จวินก็รู้! ว่านี่ต้องเป็นผิวหนังที่แปลกประหลาดและแปดเปื้อนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
เขาคิดว่าถ้าสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ของเหลวสีดำก็เหมือนน้ำในแม่น้ำที่ไหลเวียนไปมา เเละคงทำให้ ‘ต้นไม้’ ต้นนี้เติบโตได้อย่าราบรื่น
กู้จวินมองไปที่ศีรษะบน “ลำต้นของต้นไม้” ดวงตาที่ไร้ก้นบึ้งคู่หนึ่งดูเหมือนกำลังจ้องมองกลับมาที่เขา
การเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ‘ดวงตา’ จริงๆมันก็เหมาะสม…เเม้ว่าต้นไม้ของจริงนั้นจะไม่มีดวงตาสักข้างเลยก็ตาม…..
กระจกตาของดวงตาของต้นไม้ต้นนี้มันขุ่นมัวมาก มากจนไม่สามารถแยกแยะรูม่านตาเเบบเดียวกับของมนุษย์ได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในรูใหญ่บนต้นไม้อันมืดมิดได้อย่างชัดเจน และบางสิ่งที่ว่านั้นก็จ้องมองเขาผ่านดวงตาคู่นี้
“ …” กู้จวินรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเเละสูญเสียคำพูดไปทั้งหมด
ทันใดนั้นกู้จวินก็รู้สึกถึงแรงกระตุ้นในใจที่ทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกนั้นกระตุ้นให้ตัวเขายื่นมือออกไปแตะต้นไม้ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์อย่างกะทันหัน
เมื่อเห็นกู้จวินยกมือขึ้นช้าๆ เหล่านักศึกษาทุกมหาลัยที่สังเกตการณ์พฤติกรรมของกู้จวินก็เริ่มกระวนกระวายใจ ผู้ชายคนนี้เขาวางแผนจะทำอะไรกันเเน่? จู่ๆ ยกมือเพื่ออะไรกัน!? นี่เขาไม่กลัวต้นไม้ตกใจเเล้วกระโดดมากินเขาเหรอ?
ในขณะนั้นเองดวงตาคู่หนึ่งที่กู้จวินกำลังเผชิญอยู่ก็ดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่ารูม่านตาที่สั่นไหวเมื่อครู่ที่เขาเห็นนั้นเป็นภาพหลอนหรือไม่ แต่เขาสังเกตเห็นได้ชัดว่าปากของศีรษะอันหนึ่งบนต้นไม้เปิดออกเล็กน้อยและก็เริ่มส่งเสียงทันที!
มันไม่ใช่เสียงของอากาศที่ไหลผ่านเเล้วเสียดสีกับต้นไม้เเละทำให้เกิดเสียงเหมือนต้นไม้ทั่วไป แต่มันเป็นผลมาจากเสียงจาก ‘อากาศ’ ในคำคอที่ออกมาจากปากจนทำให้เกิดเสียง
เสียงนั้นแหบเเห้ง และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่กู้จวินก็ฟังความหมายได้ชัดเจน “ ช่วยฉันหน่อย…ช่วยฉันด้วย!!”
เมื่อได้ยิน ‘คำพูด’ นี้ กู้จวินก็รู้สึกหายใจไม่ออกทันที มือของเขาแข็งตัวกลางอากาศในขณะที่ตัวของเขาก็สั่นอย่างที่ควบคุมไม่ได้ เขาเกือบจะถอยไปสองสามก้าวอย่างหวาดกลัวไปเเล้ว
อย่างไรก็ตามเขาพยายามที่จะต่อต้านความน่ากลัวเบื้องหน้าตามสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ เหตุผลที่เขาทนต่อความกลัวได้ก็เพราะเขาได้ยินเสียงคล้าย ๆ กันเมื่อเขาโทรไปที่หมู่บ้านกูหรงเมื่อวานนี้
ใช่! เสียงที่ได้ยินหลังจากโทรติด….
หัวอันอื่น ๆ บนต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ก็เริ่มขยับเช่นกัน ใบหน้าที่ตายไปแล้วหลายสิบคนส่งเสียงครวญครางอย่างบ้าคลั่ง“ ฉัน ฉันยังไม่ตาย…ช่วยที”
“ อ๊ะ ไม่!”
“มันเจ็บมากกกกก…”
“ช่วยฉันที!”
“ทำไมถึงเป็นเเบบนี้…”
เสียงร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งทั้งหมดพุ่งเข้ามาในหูของกู้จวินราวกับพายุไต้ฝุ่น ร่างกายของกู้จวินเเข็งค้างอยู่พักหนึ่ง…เเต่ไม่ใช่ว่าเขากลัว เขากำลังครุ่นคิดปริศนาที่อยู่เบื้องหลัง
เมื่อวานคนที่คุยโทรศัพท์กับฉัน … เป็นแค่ชาวบ้านจริงๆเหรอ?
เเล้วเสียงในวันนั้น…..
“กรี๊ดดดดดด!!!” ในสถานที่จัดงานปรากฎเสียงกรีดร้องดังสนั่นขึ้นมาทันทีจากนั้นเสียงกรีดร้องที่สับสนวุ่นวายก็ตามมาสารพัดเสียง
นักศึกษาหลายคนเมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็ตัวเเข็งประดุจเป็นอัมพาต พวกเขาได้เเต่นั่งเฉยๆ ในที่นั่งของพวกเขาเอง
ในขณะที่อีกหลายๆ คนกระโดดโหยงด้วยความตกใจ พวกเขาอุตส่าห์อดทนนิ่งๆมานาน เเต่เสียง ‘ครวญคราง’ ของต้นไม้ปีศาจ ทำให้เส้นอดทนขีดสุดท้ายของพวกเขาขาดผึง เเละอาละวาดในฉับพลัน ตอนนี้พวกเขากำลังจะเสียสติอยู่เเล้ว
ทางด้านคณะกรรมการ พวกเขานั้นมีเกณฑ์การตัดสินที่เข้มงวด พวกเขาให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างเเละพฤติกรรมของนักศึกษาทั้งหมดอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นนักศึกษาที่หวาดกลัวจนถึงขั้นไร้เหตุผล ต่างก็ถูกกาหัวด้วยปากกาสีเเดงไปเรียบร้อย นั่นก็เเปลว่าถูกคัดออกอย่างสิ้นเชิง ถึงเเม้เด็กหนุ่มที่หวาดกลัวเหล่านั้นในภายหลังพวกเขาอาจจะสงบสติอารมณ์และทนต่อความกลัวได้มากขึ้นก็เถอะ
อย่างไรก็ตามแผนกของพวกเขาไม่ต้องการคนไร้คุณภาพ เเม้พวกเขาจะคัดคนออกอย่างต่อเนื่อง เเต่พวกเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะไม่ตกอยู่ในความเลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก เพราะมันจะทำใน ‘คน’ ไม่เพียงพอ
หลังจากเสร็จสิ้นการคัดกรองที่เข้มงวด มีนักศึกษาเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่ยังคงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการคัดเลือกในรอบต่อไป
แม้ว่าอาจารย์ของมหาลัยที่มาควบคุมเด็กๆ จะสามารถรักษาความสงบได้ แต่คณะกรรมการนั้นไม่ได้นับ เพราะพวกเขาไม่เคยถือว่าอาจารย์เหล่านั้นเป็นผู้สมัครตั้งแต่แรกเเล้ว
พวกเขาจะเอาคนเเก่ๆ เข้าไปทำมะเขืออะไร!? สอนเด็กต่อไปเถอะ!
นั่นเป็นเพราะแผนกของพวกเขาต้องการคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวเท่านั้นที่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่ผิดปกติเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ตำแหน่งงานทั่วไปในสังคมการเเพทย์จำนวนมากก็ต้องการครูและอาจารย์ที่มีประสบการณ์เหล่านี้ไว้คอยสอนนักศึกษารุ่นต่อไปให้เติบโตมาเป็นเสาหลักของสังคม
ศาสตราจารย์ฉินเฝ้าดูกู้จวินมาตลอด เขาให้ความสำคัญกับทุกการเคลื่อนไหวของกู้จวินอย่างใกล้ชิด
ในเวลานี้ต้นไม้มนุษย์กำลังปล่อยเสียงกรีดร้องที่รุนแรง! อีกทั้งยังยาวนานกว่า 10 ลมหายใจ ไม่ว่าใครได้ยินก็ต่างหัวใจระส่ำเต้นระรัวไม่หยุดทั้งนั้น
เสียงกรีดร้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามันมาจากส่วนลึกของขุมนรก และพลังเสียงของมันดูเหมือนจะต้องการฉีกสนามกีฬาทั้งหมดให้เป็นจุล!
“ผีหลอกจ้าาาาาาา…” นักศึกษาจำนวนมากกลัวจนหมดสติและบางคนถึงกับน้ำตานองหน้าอย่างน่าสงสาร