ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 52

“ก่อนที่เราจะพูดถึงสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เรามาพูดถึงศพที่มีรูปร่างผิดปกติซึ่งเราส่งมาให้คุณเมื่อสองสามวันก่อน”

 

 

 

การแสดงออกของศาสตราจารย์ฉินนั้นเรียบง่าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเรียบเฉยไร้อารมณ์ เเม้กระทั่งน้ำเสียงของเขาก็ธรรมดา ไม่มีจุดใดเน้นเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามคำพูดที่เขากล่าวออกมานั้นกลับสร้างเเรงกดดันหากเเต่เต็มไปด้วยเเรงดึงดูด ไม่มีนักศึกษาคนใดเลยที่กล้าไม่ฟังคำพูดของเขา

 

 

 

“ คนเหล่านั้นเป็นโรคที่เราเรียกกันว่า “โรคมนุษย์ต้นไม้” ส่วนชื่อนั้น…เเน่นอนว่าตั้งตามลักษณะของโรคที่เป็น…เเละลักษณะภายนอกที่ปรากฎ โรคมนุษย์ต้นไม้นั้นจะเเบ่งลำดับขั้นตามความรุนเเรงของโรคได้ถึง 3 ขั้น ขั้นแรกคือระยะที่ไม่มีอาการ…เเน่นอนว่าระยะนี้จะไม่มีสิ่งใดปรากฏขึ้นกับผู้ป่วย ดังนั้นระยะเวลานี้จะสั้นมากและไม่เกิน 15 วัน” เสียงศาสตราจารย์ฉินยังคงเรียบเฉยดังเดิม หากเเต่เสียงพึมพำของเหล่านักศึกษานั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อย่างเเรงกล้า

 

 

 

 

 

“ ขั้นที่ 2 ก็คือเป็นขั้นที่อาการของโรคเริ่มเเสดงออกมาเเล้ว กล่าวก็คือเป็นระยะที่แขนของผู้ป่วยเริ่มผิดรูป ในระดับนี้เซลล์จะเริ่มมีรูปร่างผิดปกติและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายกับเซลล์มะเร็ง มันจะทำลายโครงสร้างเซลล์แบบเดิมภายในไม่กี่วัน ความแตกต่างก็คือ เซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะในระดับที่รุนแรง ภายในสองสามวันร่างกายของผู้ป่วยจะกลายเป็นเหมือนลักษณะของศพที่พวกคุณได้ลองผ่า ทว่าหากทำการตัดแขนขาที่ผิดปกติออกอย่างทันท่วงที และดูเเลอย่างเหมาะสมโรคนี้ก็สามารถหายได้ ดังนั้นจึงนับว่าโรคนี้มีความหวังในการรักษาอยู่”

 

 

 

 

 

ในขณะที่ศาสตราจารย์ฉินพูด ทีมงานได้ฉายวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหน้าสนามกีฬา เหล่าเด็กนักศึกษาหรือเเม้กระทั่งคณาจารย์หลายร้อยคนที่มารวมตัวกัน ต่างก็เฝ้าดูอย่างตั้งใจราวกับว่าพวกเขากำลังฟังบรรยายหนังผีเเสนสนุกอยู่

 

 

 

 

ตัวของกู้จวินเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขารู้สึกสนใจเรื่องนี้มากกว่าใครในที่นี้ทั้งสิ้น

 

 

 

 

ในวิดีโอแสดงขั้นตอนการตัดแขน ตัดขาจากมุมมองบนลงล่าง ขั้นตอนการผ่าตัดนี้ทำโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางซึ่งพวกเขาลงมือผัดตัดกำจัดบริเวณแขนหรือขาที่ติดเชื้อจาก ‘โรคมนุษย์ต้นไม้’ ออกอย่างระมัดระวังและแม่นยำมาก หลังจากผ่าตัดเอาแขนขาที่มีรูปร่างผิดปกตินี้ออกไปแล้วผู้ป่วยก็จะรอดชีวิต

 

 

 

 

กู้จวินก็ทราบดีถึงความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อของการผ่าตัดที่ท้าทายเเละซับซ้อนเเบบนี้

 

 

 

 

หากผู้ป่วยมีจำนวนมากจึงไม่น่าแปลกใจที่แผนกพิเศษนี้จะต้องมีการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถมาสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน เพราะกระบวนการทางกายวิภาคและการผ่าตัดมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก ดังนั้นการสรรหาคนที่เก่งเเละมีความสามารถเพื่อมาเป็นผู้ช่วยในทุกกระบวนการจึงสำคัญมาก

 

 

 

 

ขณะที่หน้าจอกำลังเล่นวิดีโอไปเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อก็ค่อยๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากของผู้ชม เด็กนักศึกษาหลายคนมองดูวีดีโอเเล้วค่อยๆ อ้าปากค้างด้วยความตกใจ แม้แต่ศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงอย่างอาจารย์ในมหาลัยก็ยังอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของศัลยแพทย์ในวิดีโอนั้นน่าตื่นตาตื่นใจ ทักษะของศัลเเพทย์ในวีดีโอนั้นเมื่อกับพวกเขาเเล้ว….เอาเป็นว่าพวกเขาไม่สิทธิริอาจจะไปเทียบก็เเล้วกัน ศัลยเเพทย์เหล่านั้นมีฝีมือมากจริงๆ

 

 

 

 

“ว้าว.” ซูไห่ จางห้าวหลัน และคนอื่น ๆ พวกเขาตกตะลึงจนไม่สามารถเอ่ยคำชื่นชมใดได้นอกจาก….สุดยอด!! เทคนิคระดับเฟิร์สคลาสที่พวกเขาเห็นนี้ นับว่าเป็นบุญจริงๆที่ได้เห็น วิดีโอนี้ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาอย่างมาก

 

 

 

กู้จวินเองก็ผงะด้วยความไม่อยากจะเชื่อความจริงของฝีมือศัลยเเพทย์ในวีดีโอเช่นกัน แม้กู้จวินจะได้รับประโยชน์จาก ‘มือเเห่งความชำนาญ’ ระดับ 2 แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาแทบจะเทียบไม่ได้เลยกับเหล่าศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์โชกโชนเหล่านี้

 

 

 

 

วิดีโอการผ่าตัดถูกข้ามไปบางส่วน และรวมเเล้ววีดีโอผ่าตัดเล่นเพียง 10 นาทีเท่านั้น ในฉากถัดไปก็พลันปรากฎภาพผู้ป่วยที่ถูกตัดเเขนเเละขาตรงส่วนที่ผิดปกติออกไป

 

 

 

 

เช่นเดียวกับผู้พิการทั่วไป ทางโรงพยาบาลมีการติดแขนเทียมเเละขาเทียมให้ผู้ป่วยเพื่อทดเเทนอวัยวะที่ตัดขาดไป นอกจากนี้ยังมีการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องอีกครั้งด้วย แม้ว่าหลังจากการตัดแขนขาที่ติดเชื้อออกไปเเล้ว เเต่กู้จวินก็เชื่อว่า….บรรดาศัลยเเพทย์พวกนี้คงไม่ได้ปล่อยผู้ป่วยไปง่ายๆ พวกเขาคงจะกักตัวคนพวกนี้เอาไว้เพื่อศึกษาอาการอีกนานทีเดียว

 

 

 

“ เกี่ยวกับข้อมูลของผู้ป่วย พวกเขาอาจมีอาการกำเริบและอายุขัยโดยรวมที่น้อย…เเต่ไม่ก็ยังไม่เเน่ชัด เพราะยังไม่มีการสรุปเป็นข้อมูลที่เป็นทางการ ดังนั้นพวกเราจะต้องสังเกตเเละบันทึกอาการต่อไป”

 

 

 

 

ศาสตราจารย์ฉินกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ ศพที่คุณผ่านั้นอยู่ในขั้นตอนที่สอง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม สุดท้ายจึง……”

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้ปกปิดรายละเอียดที่สำคัญบางอย่าง คำพูดของศาสตราจารย์ฉินนั้นเต็มไปด้วยความน่าสงสัย เเต่พอทุกคนอยากรู้ เขาก็ทำตัวเงียบขรึมทันที

 

 

 

 

“ เมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม ขั้นตอนนี้พวกเราเรียกว่า ‘ขั้นปลิดชีพ’ เพราะเซลล์ที่ผิดปกตินั้นจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ยกเว้นที่ศีรษะ เเค่มองจากภายนอกก็จะเห็นการบิดเบี้ยวของโครงสร้างร่างกายและแผลที่ผิวหนังก็ปรากฎเยอะมากขึ้น ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง พวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน ละเมอเพ้อภพและคลุ้มคลั่ง หลังจากที่ปวดไม่นานอาการเจ็บจะยกระดับขึ้น…ผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อทั่วร่างกายกระตุกและถึงขั้นเกิดอาการกล้ามเนื้อตึงได้”

 

 

 

 

 

การพัฒนาของ ‘กล้ามเนื้อตึง’ นั้นเกิดจากภาวะการเคลื่อนไหวในข้อต่อมากเกินไปและเกิดอาการเกร็งอย่างรุนแรง ในสภาวะนี้ศีรษะ คอและกระดูกสันหลังของแต่ละคนเข้าสู่ขั้นตอน“การเชื่อม” หรือ “โค้งงอ” ที่สมบูรณ์ นั่นเป็นต้นเหตุของเเขนที่ปกติของศพเหล่านั้น….

 

 

 

 

ในขณะที่ศาสตราจารย์ฉินพูดอธิบายถึงขั้นตอนการเป็นโรคมนุษย์ต้นไม้อย่างละเอียด วิดีโออันอื่นก็เล่นบนหน้าจอขนาดใหญ่ทันที

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่น่าตกใจก็ดังก้องไปทั่วทั้งสนามกีฬา จนเหล่าเด็กนักศึกษาถึงกับเหงื่อเเตกท่วมใบหน้าเเละหัวใจเกือบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

 

 

 

 

เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของห้องขังสีขาว ในห้องนั้นแคบและเล็กมาก เท่าที่ดูมันน่าจะมีพื้นที่ขนาดเล็กกว่า 5 ตารางเมตร และไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ในห้องนั้นเลย

 

 

 

 

ในห้องมีเพียงผู้ป่วยนอนอยู่บนพื้น หลังของเขาโค้งไปข้างหลังเหมือนคันธนู มันเป็นภาพที่น่าสยดสยอง ศีรษะของผู้ป่วยงอโค้งไปด้านหลังจนสุดและหัวก็ไปติดอยู่ที่หลังของเขา หน้าท้องของเขายื่นออกมา

 

 

 

ณ จุดๆ นี้เขาแทบจะไม่เรียกว่า ‘มนุษย์’ อีกต่อไป!!

 

 

 

 

 

 

เป็นอีกครั้งที่เกิดภาพสยดสยอง…เหล่านักศึกษาที่มีประสบการณ์เจอมนุษย์ต้นไม้มาเเล้ว พวกเขาอัพเกรดขึ้น ไม่ร้องโวยวายเเบบครั้งก่อน พวกเขามองซ้ายเเลขวาเเล้วหยิบถุงอาเจียนขึ้นมาเงียบๆ

 

 

 

 

 

 

ศาสตราจารย์ฉินอธิบายเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ“ สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงปลิดชีพ พวกเขาจะสูญเสียความรู้สึกที่มีในฐานะมนุษย์ทั้งหมดไปแล้ว หากมีผู้ป่วยอีกคนหนึ่งที่อยู่ในช่วงปลิดชีพในบริเวณใกล้เคียงกัน พวกเขาจะเข้าสู่ภาวะบ้าคลั่งและย่ำเเย่ไปด้วยกันทันที เนื้อของพวกเขาจะติดกันเหมือนกาวและไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ถ้าคุณยังจำได้…คุณจะรู้ว่าเมื่อขั้นที่เเล้วของผู้ป่วยร่างกายของพวกเขามีเเต่บาดเเผล ดังนั้นเมื่อพวกเขาตัวติดกัน เเผลพวกนั้นจะถูกสมานเเละหลอมรวมกับเเผลของอีกคน หลังจากนั้นผู้ป่วยทั้งสองจะเชื่อมต่อกันเหมือนฝาแฝดสยาม เเละถ้ามีคนอยู่ด้วยกันมากกว่าสองคน พวกเขาจะถูกดูดเข้าหากัน จากนั้นก็หลอมรวม….สุดท้ายพวกเขาก็จะกลายเป็นต้นไทร เเบบที่พวกคุณเห็นในกรงนั่น!”

 

 

 

 

ในขณะที่ศาสตราจารย์ฉินพูดประโยคนี้ออกมา เสียงกรีดร้องภายในจิตใจของพวกเขาก็เริ่มดังขึ้น

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset