“ฮ่าๆ นั่นคือโชคชะตา…” หัวใจของของไช่ฉีซวนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เเปลกๆ มันอยู่กึ่งกลางระหว่างความดีใจเเละความ…หวาดกลัวอย่างท่วมท้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เเละใช้มือลูบหัวเหม่งๆของตนเองเบาๆ จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปในท้องกว้างที่กว้างไกลเเล้วคร่ำครวญด้วยเสียงเเสนเศร้า
“ว่าเเต่คราวนี้….โชคชะตาจะพาฉันไปไหนกันเเน่นะ?”
รายชื่อของไช่ฉีซวนที่ผ่านเข้ารอบทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยประหลาดใจ พวกเขามองหน้าไช่ฉีซวนด้วยความงุนงง เหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นไม่คาดคิดมาก่อนว่าไช่ฉีซวนที่ดูธรรมดาจะมีจิตใจที่กล้าหาญเเละเเข็งเเกร่งถึงเพียงนี้
“เด็กๆของฉัน ใจเย็นๆ นั่นก็เเค่รายชื่อคนที่ผ่านการคัดเลือกรอบเเรกเท่านั้น ไม่ใช่รายชื่อผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต!! อย่าให้ความผิดหวังเเละอารมณ์ในทางลบมาครอบงำจิตใจของพวกเธอ…ตั้งสติซะ!”
นี่เป็นอีกครั้งที่ศาสตราจารย์กู้พูดมุกตลกเเบบเเป้กๆ ออกมา เเต่ก็เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
“บางทีที่พวกเธอไม่ผ่านอาจจะไม่ใช่ความสามารถเเละความกล้าไม่ถึง เเต่เป็นเพราะบุคลิกของพวกเธอมันไม่เอาไหน เเม้เเต่จิตใจตนเองก็ควบคุมเอาไว้ไม่ได้!” ศาสตราจารย์กู้กล่าวด้วยวาจาเคร่งขรึมเเละหันไปตำหนิปนปลอบใจเหล่าลูกศิษย์ของตนเอง
หวังรั่วเซียงที่นั่งอยู่ข้างๆ กู้จวิน พอได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์เธอก็ต้องหลุดหัวเราะเเละหันมามอง ‘คนกล้า’ เช่นกู้จวิน เเต่ในคำหัวเราะนั้นกู้จวินอาจจะไม่ทราบว่ามันเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือที่หวังรั่วเซียงมีให้เขาด้วย
กู้จวินครุ่นคิดถึงตัวเองเเละก็หัวเราะเจื่อนๆออกมา ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายเสียจริง…เขากลายเป็นวีรบุรุษจริงๆไปเเล้ว
นั่นทำให้กู้จวินฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาลองนึกย้อนไปตอนที่ยกมือตอบคำถามศาสตราจารย์ฉินจนไปถึงอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไปภายภาคหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้กู้จวินอดไม่ได้ที่จะหายใจไม่ทั่วท้อง เขาคิดว่าบางทีในไม่ช้าความสงบสุขของเขาจะต้องพังทลาย เเละเขาก็ต้องเผชิญกับความโกลาหลโดยที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยง
ในเวลาเดียวกันที่เหล่าเด็กนักศึกษากำลังพูดคยกันอย่างครึกครื้น ในเลานจ์กว้างขวางด้านหลังเวทีก็มีเสียงพูดคุยดังเจื้อยเเจ้วออกมาเช่นกัน นั่นคือเสียงของเหล่าคณะกรรมการทีมจัดการแข่งขัน พวกเขาทั้งหมดมานั่งรวมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนักศึกษาทั้งหมดด้วยความเคร่งเครียด แน่นอนว่าบรรยากาศการพูดคุยของเขาต้องแตกต่างอย่างมากกับการพูดคุยของนักศึกษาที่อยู่ด้านนอก อย่างน้อยภาษาทั้งหมดก็เป็นภาษาทางการ ทุกคนพูดคุยกันเเละจะมีหลักฐานประกอบการพูดคุยด้วย!
แม้ว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ แต่ทุกๆคนเเละทุกๆ ฝ่ายก็ให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้วมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อเรื่องการแพทย์ทั้งสี่แห่งในภาคตะวันออก ก็เป็นมหาวิทยาลัยหลักในการฝึกอบรมความสามารถทางการแพทย์ให้กับประเทศโดยเฉพาะ ทั้งมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น และมหาวิทยาลัยชิงหยุนก็ล้วนเเต่มีนักศึกษาที่เก่งกาจเหนือความคาดหมาย พวกเขาล้วนเเต่ผ่านการคัดกรองจากเบื้องต้นได้อย่างสมบูรณ์เเบบ
เเละสิ่งที่ศาสตราจารย์ฉินพูดก่อนหน้านี้เป็นเพียงการทำให้นักศึกษาพวกนั้นตกใจ พวกเขาไม้ได้จะเลือกเเค่คนหรือสองคน ในความเป็นจริงเป้าหมายของพวกเขาคือคนหกคนต่างหาก!
เเต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเพียงอย่างเดียวคือ กู้จวิน พวกเขาตัดสินใจคัดเลือกเด็กหนุ่มคนนี้เข้ารอบโดยไม่คำนึงถึงทักษะทางเทคนิคของเขาด้วยซ้ำ! เพราะว่าพวกเขาประทับใจกับผลงานและความกล้าหาญของกูจะวิ่งอย่างมาก
ดังนั้นพวกเขาจึงลงคะแนนให้กู้จวินผ่านรอบแรกโดยที่ไม่ต้องดูทักษะอะไรเพิ่มเติมเลย เเม้เเต่หลักฐานการสมัคร พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะสนด้วย และนี่ก็ทำให้กู้จวินผ่านเข้ารอบทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาไม่ได้มีประวัติการฝึกฝนอย่างโชกโชนเหมือนกลุ่มของหวังรั่วเซียงเลย เขาเพียงแค่ติดตามศาสตราจารย์กู้มาแข่งขันก็เท่านั้น หากว่าเขาไม่ได้แสดงความกล้าเหมือนตอนแรกล่ะก็ เขาอาจจะต้องลงเอยด้วยการกลับไปที่มหาลัยและตกรอบเหมือนคนอื่นๆ
เเต่! การผ่านในรอบแรกนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการคัดเลือกรอบ 2 เพราะการคัดเลือกรอบที่ 2 นั้นจะต้องตัดสินจากความเชี่ยววชาญด้านการแพทย์ และลำดับทั้งหมดจะต้องถูกจัดอันดับตามผลงาน
ไม่มีความชอบส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวอีกเป็นครั้งที่ 2 และคณะกรรมการทุกคนก็เต็มไปด้วยความสงสัย เขาอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มมหัศจรรย์คนนี้จะมีทักษะทางการแพทย์ได้ดีเพียงไร และจะสามารถผ่านไปได้หรือเปล่า
คณะกรรมการหลายคนรู้สึกกังวลกลัวเด็กหนุ่มคนนี้จะสอบไม่ผ่านและพวกเขาจะเสียหน่อทางการแพทย์ที่ดีไปอีก 1 ต้น
“ ฉันไม่คิดว่าพวกเราต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เด็กคนนั้นเป็นนักศึกษาปีที่ 8 ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น ทักษะของเขาจะห่วยเเตกได้อย่างไร? เพราะปีหน้าเขาก็จะเรียนจบ…” คณะกรรมการคนหนึ่งพูดออกมา ในขณะที่พูด เขาก็หยิบเอกสารของกู้จวินขึ้นมาด้วย ในนั้นระบุคุณสมบัติของกู้จวินรวมถึงการศึกษา เขายืนยันมันด้วยหลักฐานที่มีและคิดว่ากู้จวินนั้นจะต้องผ่านรอบที่ 2 ไปได้อย่างแน่นอน และความคิดเห็นของเขาก็ทำให้คณะกรรมการคนอื่นรู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก
“ แน่นอน! เขาดูเหมือนศัลยแพทย์ที่มีศักยภาพสูงมาก ใครจะรู้! บางทีเขาอาจมีคุณสมบัติเข้าร่วม [Mobile Task Force] ด้วยซ้ำ เมื่อวานคนที่เเผนกนั้นทักมาว่าเขาอยากได้คนเก่งไปฝึกฝนสักคน…ไม่เเน่กู้จวินคนนี้อาจจะฉลาดล้ำเหนือกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก็ได้” คณะกรรมการคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ เขามองเห็นอนาคตทางการเเพทย์ที่กว้างไกลจากตัวของกู้จวิน เขาคิดว่าเด็กคนนี้อาจจะนำความแปลกใหม่มาสู่วงการแพทย์ และทำให้เส้นทางแห่งการแพทย์นั้นสูงส่งและดียิ่งกว่าเดิม แม้เขาจะไม่รู้จักกับเด็กคนนี้ แต่อย่างน้อยสัมผัสพิเศษของเขาก็บอกว่าเด็กคนนั้นต้องเป็นผู้มีความสามารถมากแน่นอนถ้าไม่เลือกเขาตอนนี้จะเสียใจในภายหลัง
“อะไรของนาย!? พูดแบบนี้หมายความว่าจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้คนเดียวหรือยังไง พวกเราต้องตกลงกันก่อนสิ ผู้มีความสามารถพิเศษเเบบนี้จำเป็นต้องอยู่ที่กรมการแพทย์ของเราเท่านั้น แม้จะในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม” คณะกรรมกรอีกคนพูดขึ้น เขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คนมีความสามารถเช่นนี้จะปักหลักอยู่ที่เดิมตลอดไป เขาย่อมต้องมีการก้าวหน้าในชีวิตและในที่สุดก็จะบินจากรังที่ฟูมฟักเลี้ยงดูเขามา ดังนั้นถ้าเป็นไปได้….อยู่แค่พักเดียวก็เพียงพอแล้ว
เพราะความเห็นทางตรงกันและไม่ตรงกันเยอะมากเกินไป พวกเขาก็รวมตัวกันกล่าวถึงเรื่องราวที่ได้พบเเละเกี่ยวข้องกับการทดลองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และพูดคุยถึงเด็กอัจฉริยะหน่ออ่อนทางการแพทย์ที่กำลังจะรับเข้ามา
แต่ละคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าใครเล็งเด็กคนไหนเอาไว้บ้าง พอได้คุยกันและรู้ความคิดเห็นของกันและกัน คณะกรรมการหลายคนเริ่มนั่งไม่ติด พวกเขาเดินวนไปรอบๆด้วยความกังวล แต่อย่างน้อยการแข่งขันในการแย่งเด็กก็ทำให้ผู้คนโดยรอบเหมือนได้รับอะดีนาลินเข้ามาสูบฉีดในร่างกาย ทำให้คึกคักและมีพลังงานตลอดทั้งวัน
และเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ทำให้พวกเขาด้วยค้นพบผู้มีความสามารถยอดเยี่ยมอย่างกู้จวิน นั่นทำให้คณะกรรมการทุกคนรู้สึกอิ่มเอมใจและรู้สึกมีความสุขมาก ความร่าเริงในการค้นหาผู้มีความสามารถพิเศษสำเร็จได้ถูกส่งผ่านเข้าไปถึงในเส้นเลือดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เด็กที่ว่ามีพรสวรรค์ก็คือเด็กหนุ่มรูปหล่อ หน้าตาดีและมีความฉลาดอย่างยิ่งยวดในสายตาของพวกเขากู้จวินไม่ต่างอะไรจากหยกที่กำลังรอวันเจียระไน และจะกลายเป็นหยกราคาแพงชั้นดีในวันข้างหน้า
“ ทุกคนอย่าเพิ่งดีใจกันเกินไป….” ศาสตราจารย์ฉินเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในหมู่พวกเขา เเม้ว่าเข้าจะชอบกู้จวินเหมือนกัน เเต่เขาก็ยังคงรักษามุมมองอันยุติธรรมของเขาไว้อย่างเต็มที่ แม้ในช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นสุดขีดนี้เขาก็ยังทำตัวเยือกเย็นดุจน้ำเเข็ง
“ การมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ มีจิตใจที่แข็งแกร่งและความฉลาดสูง แต่การขาดทักษะการผ่าตัด เเละการรักษาทุกรูปเเบบจะทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งผู้ดูแลระบบของเเผนกเเทน อย่าลืม! เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ความสามารถที่หน่วยงานเรานั้นต้องการน่ะหายากมาก ดังนั้นพวกเราต้องเลือกเเละตัดสินให้ดี” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทุกคำที่พูดไม่ใช่เรื่องโกหก เด็กหลายคนที่มีพรสวรรค์เเบบนี้ เพียงแต่พรสวรรค์ของพวกเขาไม่ได้ครอบคลุมถึงทักษะการแพทย์ ทำให้เด็กที่เขาคัดเลือกมาเหล่านี้สุดท้ายต้องไปทำงานฝ่ายบริหารแทน ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาก็ไม่แตกต่างอะไรจากเลขาหรือธุรการธรรมดา พรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และจิตใจที่กล้าแกร่งสุดท้ายก็ถูกผลักลงไปในกล่องเอกสารแทบท่วมหัว หลายคนต้องทำงานแบบนี้ไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา
ประโยคเดียวนั้นทำให้ทุกคนกลับมามีสติสัมปชัญญะตามเดิม มันเป็นไปตามที่ศาสตราจารย์ฉินกล่าว
หลังจากทำการเเสวงหาคนทั้งประเทศแล้ว พวกเขาก็ได้คัดเลือกเด็กที่มีพรสวรรค์มามากมาย อย่างไรก็ตามบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าร่วม[ Mobile Task Force] นั้นสามารถนับได้ด้วยมือเดียว ภารกิจนี้มันเหมือนกับการพยายามหาเข็มในกองหญ้า