“ นี่คือตัวอย่างมนุษย์หรือเปล่า” นักศึกษาผู้ผ่านเข้ารอบคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นในขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปตามจุดสังเกตต่างๆของศพ เพื่อขอความเห็นจากเพื่อนร่วมทีมให้ช่วยกันพิจารณาดู ส่วนตัวของเขานั้นคิดว่าเป็นไปได้ที่ศพนี้จะเป็นศพของมนุษย์…. อย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ที่มีความผิดปกติแบบเดียวกับผู้ป่วยโรคต้นไทร
“ หืม!? ส่วนไหนของมันดูเหมือนผิวหนังมนุษย์งั้นเหรอ?” นักศึกษาอีกคนหนึ่งได้ยินเพื่อนร่วมทีมของเขาพูดแบบนั้น เขาก็เถียงกลับไปในทันทีเพราะเขามั่นใจว่าอวัยวะแบบนี้มันไม่เหมือนมนุษย์ บางทีอาจจะเป็นไปได้ว่ามันไม่ใช่มนุษย์หรือบางทีก็เป็นมนุษย์…เพียงแต่มันหลุดวงโคจรของคำว่ามนุษย์ไปแล้ว
นักศึกษาหัวกะทิสิบกลุ่มสนทนากันอย่างครึกครื้น พวกเขาเเอบหันมาดูตัวอย่างศพของกลุ่มอื่น ซึ่งศพที่อยู่ในตู้เย็นของทุกกลุ่มนั้นก็มีกายวิภาคที่แทบจะเหมือนกัน
ศพนั้นมีรูปร่างประหลาด ผิดจากศพมนุษย์ต้นไทรอย่างสิ้นเชิง มันมีลำตัวที่ใกล้เคียงกับรูปทรงสี่เหลี่ยมยาวๆ เเละผิวหนังของมันที่สัมผัสนั้นมีสีคล้ำและดูเหมือนว่ามันจะใกล้เน่าเเล้วเล็กน้อย แม้แต่กลิ่นฉุนของฟอร์มาลีนก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพของตัวอย่างนี้ได้
“ เฮ่! เสียกู้ นายคิดว่าศพนี่เป็นยังไง?” ไช่ฉีซวนกล่าวถามทันทีที่เห็นตัวอย่างศพ เขาเองก็เหลือบมองศพของกลุ่มอื่นเช่นกันเเละก็พบว่าศพของกลุ่มอื่นนั้นเเทบจะไม่ต่างกับศพกลุ่มเขาเลย อีกอย่างหนึ่ง…เขาได้ยินกลุ่มอื่นเริ่มวิเคราะห์ศพก่อนผ่ากันเเล้ว เเต่กลุ่มเขายังเงียบประดุจเป่าสาก เขาเลยอยากรู้ความคิดเห็นของกู้จวินเพื่อนรักของเขาก่อน
กู้จวินจ้องมองศพเเปลกประหลาดที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะกายวิภาค ในสายตาคนอื่นเเน่นอนว่าศพชนิดนี้เป็นศพที่มีรูปร่างเเปลกประหลาด เเต่สำหรับกู้จวินเเล้ว เขามองมันด้วยสายตาที่หลงใหลเเละรู้สึกว่าลักษณะของศพตนน้มันช่าง ‘คุ้นเคย’ กับเขาเสียจริงๆ
“ ฉันคิดว่านี่เป็นบริเวณหน้าอกของสิ่งมีชีวิตบางชนิดน่ะ….” กู้จวินกล่าวข้อวิเคราะห์ของเขาให้ไช่ฉีซวนเเละหวังรั่วเซียงฟัง เเน่นอนว่าตามหลักการวิเคราะห์ของนักศึกษาเเพทย์เเล้ว เขาย่อมต้องตอบคำถามพร้อมอธิบายเหตุผลให้คนอื่นๆฟังให้ละเอียดด้วย ไม่เช่นนั้นมันจะไม่น่าเชื่อถือ
“พวกนายดูตรงนี้เเละตรงนี้ด้วย…” เขาชี้ไปที่จุดตัดระหว่างสี่เหลี่ยมที่คล้ายกับลำตัว เเละชี้เลื่อนไปยังมุมของสี่เหลี่ยมทางด้านบนทั้งด้านซ้ายเเละด้านขวาอย่างถ้วนทั่วราวกับกลัวว่าเพื่อนทั้งสองจะไม่เข้าใจ
“ฉันคิดว่าสี่เหลี่ยมหน้าตัดเหล่านี้เดิมเชื่อมต่อกับคอ แขนส่วนบนและหน้าท้องเเน่ๆ !” กู้จวินอธิบายพร้อมกับชี้ที่ร่างกายของศพด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยวิจารณญาณ
“ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนายพูด….” หวังรั่วเซียงฟังกู้จวินอธิบายอย่างตั้งใจ เขาอธิบายชัดเจนมากจนเธอมองมันออก เเต่เมื่อหวนคิดถึงสรีระหวังรั่วเซียงก็อดที่จะขมวดคิ้วด้วยความกังวลไม่ได้ “ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์เหรอ!?”
ไช่ฉีซวนรู้สึกประหลาดใจกับเเนวคิดของกู้จวินเเละข้อวิเคราะห์ของหวังรั่วเซียงก็เลยเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“อาจจะเป็นมนุษย์ก็ได้…ไม่เเน่ว่าอาจจะคล้ายโรคมนุษย์ต้นไทร เเต่อาจจะเป็นโรคระบาดไม่ก็โรคทางพันธุกรรมอย่างอื่นรึเปล่า?” ไช่ฉีซวนเอ่ยปากคัดค้านข้อวิเคราะห์ของกู้จวินกับหวังรั่วเซียง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าศพเบื้องหน้านั้นไม่ใช่ของมนุษย์
นักศึกษาเเพทย์คนอื่น ๆ ก็มีความคิดเช่นนี้เช่นกัน นั่นรวมถึงซุนอี้เหิงและ หยางหมิงจากทีมพิเศษของมหาวิทยาลัยรู้สึกแบบนี้ พวกเขาเดาว่าศพนี้อาจจะเป็นศพของผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับโรคภัยร้ายเเรงที่เเปลกประหลาดอย่างมาก ซ้ำร้ายพวกเขาถึงกับเริ่มสันนิฐานโรคชนิดใหม่!
“ เอาเถอะ! บางทีมันอาจจะเป็นโรคใดโรคหนึ่งก็ได้…ยังไม่ผ่าก็ไม่รู้นี่นา พวกนายว่างั้นไหม!?” กู้จวินกล่าวคำตอบที่ถนอมน้ำใจเพื่อนฝูง ในขณะที่มือขวาของเขากำลังแยงเข้าไปในหน้าอกของศพเล็กน้อย ทันทีที่ได้สัมผัส เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นหน้าอกที่มีสัมผัสแย่ที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้สึกมา เเย่กว่าศพปกติเเละหน้าอกสาวๆในผับเป็นไหนๆ
ชั้นผิวหนังกำพร้าของมันอาจกล่าวได้ว่าเป็นผิวหนังคล้ายปกติ แต่เขารู้สึกเหมือนว่าผิวหนังของมันนั้นถูกหุ้มด้วยไฮเปอร์พลาสติกเคราตินที่หนาเตอะทำให้รสการสัมผัสนั้นย่ำเเย่อย่างมาก ถ้าเขากดมันแรงขึ้น เขาจะรู้สึกได้ถึงแรงต้านเบาๆ ด้านในของผิวที่น่าขยะเเขยงก็คือกระดูก เเถมยังเป็นกระดูกเเบนๆ ชิ้นใหญ่…ซึ่งน่าจะเป็นกระดูกหน้าอก
กู้จวินครุ่นคิดจากนั้นก็หลับตาและเข้าสู่พื้นที่ภายในจิตใจ เเล้วเปิดดูข้อมูลอ้างอิงทางกายวิภาคที่ไม่สมบูรณ์ในใจของเขาทันที เมื่อเปรียบเทียบระหว่างภาพในจิตใจเเละศพแล้ว พวกมันดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน
“เอ่อ! กลุ่มอื่นเริ่มลงมือเเล้ว แล้วเราจะเริ่มยังไงดี?” หวังรั่วเซียงเอ่ยปากถามด้วยความงุนงง ตอนนี้เเม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร หรือกำหนดตำเเหน่งใดๆในกลุ่มเป็นพิเศษ เเต่พวกเขาทั้งสามก็รู้ได้เองโดยธรรมชาติ นั่นคือหวังรั่วเซียงเป็นผู้ช่วยคนแรก ไช่ฉีซวนเป็นผู้ช่วยคนที่สองและกู้จวินเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์
นับตั้งแต่กู้จวินแสดงทักษะผ่าตัดระดับที่ปรมาจารย์ยังเขินอายของเขาในห้องปฏิบัติ เขาก็ถูกโยนให้เป็นหัวหน้าเเก๊งผ่าตัดไปโดยปริยาย
“เริ่มจากดูกายภาพของศพก่อนเป็นไง” กู้จวินยังคงมองไปที่หน้าอกในแบบแผนกายวิภาคในจิตใจอยู่เหมือนเดิม เเต่เขาไม่ได้เเตะต้องศพตรงหน้าเเม้เเต่นิด ทำเอาเพื่อนร่วมทีมของสองเริ่มตื่นตระหนก
ทางด้านผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน พวกเขามองศพครู่หนึ่งจากนั้นก็เลิกลั่กพักใหญ่ก่อนที่จะตั้งสติเเล้วจัดลำดับเเบ่งหน้าที่ในกลุ่มตามความเหมาะสม ในจังหวะนั้นเองคนที่อยู่วงนอกอย่างเพื่อนๆของพวกเขาเเละอาจารย์ต่างก็ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันอุ่นหนาฝาคั่ง
ขั้นตอนแรกของการผ่าคือการเปิดแผลก่อน และแยกชั้นของเนื้อเยื่ออวัยวะและโครงสร้างของจุดที่ผ่าทีละขั้นตอน…ทุกอย่างจะต้องทำอย่างปราณีตเพื่อไม่ให้อวัยวะเสียหาย
หากคุณแทงมีดผ่าตัดเข้าไปโดยตรงเพื่อเปิดแผล…นั่นไม่ใช่การผ่าตัด เเต่จะเรียกว่าการ ‘ชำเเหละ’ เเทน ซึ่งมันไม่มีศิลปะเเละผิดจากจรรยาบรรณเเพทย์โดยสิ้นเชิง
เเละถ้าจะผ่าตัดเพื่อศึกษาอวัยวะที่ผิดปกติ เเละร่างกายของศพที่ผิดประเภทนั้นจะต้องระวังเเละปราณีตยิ่งกว่านั้นเป็นเท่าตัว เพราะศพนั้นจะมีความแตกต่างในขนาดรูปร่าง ความเเตกต่างด้านโครงสร้างพื้นผิวและลักษณะอื่น ๆ เมื่อเทียบกับสภาวะปกติเเล้ว นี่เป็นวิธีเดียวที่ศัลยเเพทย์ฝึกหัดอย่างพวกเขาจะสามารถลงมือเพื่อผ่าเพื่อพิสูจน์ได้
การผ่าพิสูจน์นั้น…จุดประสงค์ก็ตามนั้นเลย ก็คือการผ่าตัดเพื่อที่จะค้นหาสรีระโครงสร้างและอวัยวะทั้งหมด ทันทีที่พวกเขาผ่าตัดเสร็จ พวกเขาก็จะค้นพบความลับของสรีระที่แท้จริงและจะสามารถบอกได้ว่าศพที่ผิดปกตินี้เป็นโรคหรือมีลักษณะอย่างไรกันแน่…ทั้งหมดนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่าผ่าพิสูจน์
ผู้เข้าแข่งขันบางคนเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที พวกเขาเเทบจะกระอักเลือดเมื่อได้ยินลิมิตเวลา มีเวลาเพียงสองชั่วโมง? นี่เป็นเวลาที่สั้นกว่าการผ่ากายวิภาคตามปกติทั่วไปหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ! ใครจะทำได้ ้บ้ารึ!!
คณะกรรมการทั้งหลายไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ของฝูงชน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการประเมินดังกล่าว โดยพื้นฐานแล้วนักศึกษาจะต้องแยกชิ้นส่วนศพออกก่อน เเละขั้นตอนนี้เอง…ขึ้นอยู่กับว่าใครมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่ากัน พวกเขาจะได้เห็นทักษะการผ่าตัดของเเต่ละคน เเละใครกันเเน่ที่มีความพลิกเเพลงมากที่สุด
สายตาของพวกเขากวาดไปรอบ ๆ แม้ว่าพวกเขาจะรู้เเล้วว่ากู้จวินเป็นเเค่ทองคำของคนโง่ แต่พวกเขาก็ยังอยากเห็นว่าเด็กคนนี้จะทำจำอวดอะไรอีก
ทว่าตอนนั้นพวกเขาก็เห็นว่ากู้จวินกำลังยืนนิ่งอยู่ที่โต๊ะผ่าตัด คณะกรรมการหลายคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบกัน
“ เด็กคนนั้นตกตะลึงมากเลย เห็นไหม!?” คณะกรรมการคนหนึ่งบ้องปากเเล้วพูดเบาๆ ขึ้น