จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อและแม่เป็นคนร้ายในสายตาของกลุ่มผู้จัดการเเข่งขัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาเป็นที่สังเกตของเหล่าผู้จัดรวมถึงเบื้องหลัง…เเละพวกเขาบังคับให้ฉันส่งมอบงานวิจัยของเเม่เเละพ่ออกไป
ความกังวลนับไม่ถ้วนวนเวียนอยู่ในใจของกู้จวิน ในตอนนี้เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตัวเองมีสายเลือดหรือพ่อแม่ของเขาอยู่จริงๆรึเปล่า!? พวกท่านเป็นพ่อเเม่ของเขาจริงๆใช่ไหม!? เพราะเขานั้นไม่รู้นิสัยของพ่อเเม่ตัวเองเลย สถานะพ่อเเม่ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้เเน่ ส่วนเรื่องเป็นคนดีไหม…กู้จวินเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ในขณะนี้มีเพียงหนึ่งสิ่งที่เขาทำได้ ก็คือปรับตัวและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้อะไรเลย เมื่อเขาเข้าสู่แวดวงลึกลับนี้ได้สำเร็จเ ขาก็สามารถลองตรวจสอบว่าองค์กรไล่เฉิงนั่นคืออะไร และค้นหาว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไปน่าจะดีที่สุด
ส่วนเรื่องร่างกายของตนเองนั้น…ตอนนี้เนื้องอกที่ก้านสมองของกู้จวินอยู่ในระยะการเปลี่ยนเเปลงขั้นที่สองเเล้ว
กู้จวินไม่รู้ว่าแผนกจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเนื้องอกที่ร้ายแรงนี้ได้หรือไม่!? ในขณะนี้มีบันทึกทางการแพทย์เพียงหนึ่งฉบับในฐานข้อมูลส่วนหลังของโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเท่านั้น
เเละมีเพียงโรงพยาบาลเท่านั้นที่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ได้ แต่เขายังต้องเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถหลีกหนีการตรวจร่างกายโดยละเอียดก่อนเข้าร่วมแผนกได้ ปัจจุบันเนื้องอกในก้านสมองของเขา…ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้ “ครอบครองพื้นที่” ส่วนใหญ่ในสมองไปเเล้ว เเละในการเอกซเรย์สมอง เขาก็ไม่มีทางซ่อนมันได้
ตอนนี้กู้จวินเดินไปที่หลังเวทีของสนามพร้อมกับคนอื่น ๆ เพื่อทำการผ่าตัดต่อไป กรงเหล็กของมนุษย์ต้นไทรที่เอาออกมาตอนเเรกนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงกลิ่นฉุนที่พิสูจน์ได้มามันเคยอยู่ตรงนี้ก็เท่านั้น
หกชั่วโมงนับตั้งเเต่เวลา 11.00 น. ถึง 17.00 น. กู้จวินอยู่ในโหมดคนฆ่าสัตว์ผู้บ้าคลั่งของเขาอีกครั้ง ใ
นช่วงนี้เขาไม่เคยออกจากโต๊ะผ่าเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทีมของเขานำอวัยวะต่างๆออกอย่างระมัดระวัง จนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุดและละเอียดอ่อนที่สุด แม้แต่เส้นเลือดก็ไม่ได้รับการยกเว้น เมื่อเวลาผ่านไประดับความสำเร็จของภารกิจก็เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จาก 35% เป็น 50% จากนั้นเป็น 85% และสุดท้ายเป็น 99% เมื่อเขาผ่าเส้นเลือดอีกเส้นที่หน้าอก…
เสียงระฆังที่เเสดงถึง ‘โชคลาภ’ เเละ ‘กรอวยพร’ ก็ดังขึ้นในความคิดของเขา จากนั้นกระดานข้อความของระบบที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
[ความคืบหน้าในการผ่าปัจจุบัน: 100%, ภารกิจยาก สถานะ…ภารกิจเสร็จสมบูรณ์!]
[มือแห่งความชำนาญได้ยกระดับเพิ่มขึ้น! ระดับปัจจุบันคือระดับที่สอง (ความชำนาญ 1000/30000)]
[รางวัลภารกิจ…กำลังรอรวบรวม : วารสารการวินิจฉัยและการรักษาที่สมบูรณ์ 3 หน้า คลิกเพื่อรับรางวัลของคุณ]
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ กู้จวินไม่ได้รับรางวัลของเขาในทันที เขาจำได้ว่าคราวที่เเล้ว การอ้างอิงทางกายวิภาคที่ไม่สมบูรณ์นั้นค่อนข้างเหมือนกับการฉายภาพดิจิตอลในความคิดของเขา แต่ก็ยังมีโอกาสที่หน้าวารสารและหน้าบันทึกการรักษาเหล่านี้เป็นสำเนาทางกายภาพ
เกิดมีกระดาษโผล่มาทางอากาศเเละคนอื่นเห็นเข้า จุดจบคงยากที่จะคิด!
เเกร๊ง! กู้จวินวางคีมเส้นเลือดลงบนโต๊ะผ่าเบาๆ และถอดถุงมือกับหน้ากากออก เขาหันไปหาหวังรั่วเซียงเเละไช่ฉีซวนแล้วพูดอย่างสบายใจ “พวกนายผ่าต่อไปนะ ฉันจะกลับไปก่อน”
“ฮะ!?” ไช่ฉีซวนมองกู้จวินด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า ความเหนื่อยล้าที่รุนแรงสั่งสมทำให้เขารู้สึกงุนงง เนื่องจากเขาได้กินขนมปังเพียงไม่กี่ชิ้นในตอนเช้า ทำให้พลังงานในสมองเริ่มไม่เพียงพอ “ จะให้เราผ่าต่อเเล้วนายกลับเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้กร๊วกอย่างนาย พวกเราก็ไม่มาช่วยผ่าหรอก ไปๆ กลับๆ”
หวังรั่วเซียงที่เพิ่งพักเพียงไม่กี่นาทีที่ม้านั่ง พอได้ยินประโยคนี้ก็พลันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “ กู้จวิน ศาสตราจารย์กู้บอกว่าให้รอทุกคนก่อน เพราะว่าเขาต้องการพาพวกเราไปเลี้ยงอาหารน่ะ”
“ งั้นพวกนายรอพวกเขาก็เเล้วกัน ถ้ามาพร้อมเมื่อไหร่เพียงแค่เธอส่งข้อความถึงฉันภายหลังบนวีเเชท ฉันจะรีบไปทันที เเต่ตอนนี้ฉันมีธุระ” กู้จวินล้างมือข้างอ่างล้างมืออย่างเร่งรีบ
ตอนนี้กู้จวินได้รับข้อเสนอตามแผนการณ์แล้ว เเละหลังจากนี้ตัวตนของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาก็ทำบางอย่างเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น
เจ้าหน้าที่บางคนจากฝ่ายผู้จัดพาเขาออกจากสนามกีฬาและได้จัดรถพิเศษเพื่อพาเขากลับไปที่คณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น
เเละด้วยระเบียบการณ์ตามปกติ โทรศัพท์ 2 เครื่องของเขาที่ถูกเก็บไปโดยเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้จะถูกส่งคืน กู้จวินพอได้โทรศัพท์คืน เขาก็ลงมือตรวจสอบอย่างละเอียด ถือว่าโชคยังดีที่โทรศัพท์ของเขายังอยู่ดี ไม่มีใครกล้าเเตะต้องมัน
ระหว่างทางกลับ เจ้าหน้าที่ได้เตือนอย่างจริงจังว่าอย่าให้ข้อมูลที่เขาเห็นและได้ยินในสนามรั่วไหลออกไปภายนอกเป็นอันขาด หากมีความลับภายในรั่วไหลล่ะก็…ไม่เพียงเเต่ข้อเสนอรางวัลจากการเเข่งขันถูกยกเลิก เเม้เเต่ตัวของกู้จวินเองก็จะเอาตัวไม่รอดด้วย
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเก็บมันไว้เป็นความลับ” กู้จวินเอ่ยคำสัญญาออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม กู้จวินสัญญาอย่างจริงจังว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะเปิดเผยรายละเอียดภายในงานเเข่งขันออกไปเลย
กู้จวินชะโงกหน้าออกไปที่ประตูรถ เเล้วมองออกไปยังเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเเต่ก็ดูสงบสุข ในเวลานี้ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ายังคงส่องแสงสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า
ในสายตาของกู้จวิน เขาเห็นเมืองที่พลุกพล่าน ผู้คนใช้ชีวิตเเบบล้มลุกคลุกคลานไปเรื่อย ๆ
เบื้องหน้าเขาตอนนี้มีภาพของแม่ที่เข็นรถเข็นเด็กไปตามท้องถนนและวัยรุ่นที่ขี่จักรยานเเละมีคนซ้อนท้ายกันหลายๆคน นอกจากนี้ยังมีลุงเดินจูงหมาและยายลากหลานไปที่ไหนสักเเห่ง….มันดูเป็นธรรมชาติเเละสงบสุขอย่างมาก
ฉันยังหวังว่าสิ่งที่น่ากลัวเหล่านั้นจะถูกเก็บเป็นความลับตลอดไป…เขาไม่อยากให้ภาพที่น่ากลัวนั่นทำให้ความสงบทั้งหมดของโลกนั้นเลือนหายไป
กู้จวินคิดกับตัวเองเเละสัญญาอย่างมุ่งมั่น
ทันทีที่กู้จวินกลับไปถึงที่คณะเเพทย์ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น เขาลงจากรถและดูรถที่ขับออกไปก่อนที่จะเดินออกไป หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครติดตามเขา กู้จวินก็ไปที่ศูนย์วิจัยสัตว์ทดลองทันที และมุ่งตรงไปที่ห้องหนูทดลองของเขาที่ถูกเตรียมเอาไว้เมื่อนานมากเเล้ว
เขาคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดความจริงเกี่ยวกับเนื้องอกในสมอง และเป็นการดีกว่าที่เขาจะเริ่มต้นสารภาพกับทุกคน มากกว่าการปกปิดเเล้วถูกเปิดเผยความจริงในที่สุด
แม้ว่าเนื้องอกจะอยู่ในระยะลุกลามเเล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าแต่ละคนจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ในกรณีนี้การมีชีวิตอยู่ได้อีกสองหรือสามปีเป็นกรณีที่หายากมาก ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ..กู้จวินคงไม่มีหวัง เเต่ตอนนี้ประเทศกำลังต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน เเละมีความเป็นไปได้มากที่เเผนกลึกลับนั่นจะจ้างเขาต่อเนื่องจากอาการของเขายังคงทรงตัวดี ไม่ได้ใกล้ตายอย่างที่คิด
นอกจากนี้เมื่อเทียบความยากในการรักษาโรคของเขากับโรคลึกลับมนุษย์ต้นไทรต้นไม้อะไรนั่น และโรคผิดปกติอื่น ๆ อีกมากโข ความเจ็บป่วยของเขาเองก็ดูเหมือนเป็นของง่ายไปเลย ถึงยังไงโรคของเขาก็อาจจะมีทางรักษาให้หาย
อย่างไรก็ดี…ในสายงานที่อันตรายเช่นนี้ ทางแผนกจะมั่นใจได้หรือไม่ว่าทุกคนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองหรือสามปีในอนาคต แม้ว่าเขาจะไม่มีอาการป่วยระยะสุดท้ายก็ตาม…งานยิ่งยากมันก็ยิ่งเสี่ยง
กู้จวินรู้สึกว่านี่เป็นไปไม่ได้ หากมีสัญญาจ้างแรงงานจะต้องมีข้อหนึ่งในสัญญาที่ระบุว่าการเสียชีวิตเป็นความสมัครใจของลูกจ้าง
ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องเนื้องอกในสมองของเขา แต่การทดลองเกี่ยวกับยารักษาจากระบบของเขานั้นยังไม่สามารถเปิดเผยให้ใครทราบได้ในขณะนี้ เพราะเขาจะไม่สามารถอธิบายได้ และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้หนูเหล่านั้นมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขาด้วย
กู้จวินไปที่ห้องที่เก็บหนูทดลองของเขา ขั้นตอนเเรกของการเข้าห้องนี้ เขาต้องได้รับการฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตก่อน และสวมชุดป้องกันทั้งตัว
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ชั้นวางที่มีกรงหนูในห้องด้านหลังเพื่อดึงกรงของหนูสองสามตัวออกมาและวางไว้บนโต๊ะทดลอง ขนาดเนื้องอกของหนูทดลองของเขานั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับหนูตัวที่ได้รับยา ส่วนหนูที่ไม่ได้รับยาก็ตายไปทีละตัว
เขามองหนูทดลองทั้งสิบห้าตัวเบื้องหน้าและขอบคุณพวกมันอย่างเงียบ ๆ “ ขอบคุณเพื่อนหนู ขอบคุณที่ทดลองยาให้ฉัน ชาติหน้าขอให้พวกนายได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์”
กู้จวินหยิบหนูที่ป่วยและกำลังจะตายขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หยิบศีรษะของหนูระหว่างนิ้วหัวแม่มือซ้ายและนิ้วชี้ เขาจับรากหางของมันด้วยมืออีกข้างแล้วดึงอย่างแรงจนมีเสียงกระดูกดังกร็อบออกมา
ไขสันหลังและไขกระดูกของหนูทดลองโดนดึงจนแยกออกจากกัน มันตายทันทีโดยไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ นี่คือวิธีการ ‘ผ่าตัดกระดูกคอ’
กร็อบ! หนึ่ง กร็อบ! สอง กร็อบ! สาม …
กร็อบ! กร็อบ! กร็อบ! กร็อบ! หลังจากนั้นไม่นานหนูทดลองทั้งสิบห้าตัวก็ถูกกำจัดออกไป ศพของพวกเขาถูกวางเรียงกันในแนวนอนบนโต๊ะทดลองเป็นแถวตรง ศพนั้นเย็นชืดไร้สัญญาณแห่งชีวิต
“ขอขอบคุณในการเสียสละนะเจ้าหนู” กู้จวินรวบรวมศพทั้งหมดไว้ในถุงการแพทย์ที่ใช้แล้วทิ้งสีเหลือง และดึงผงยาจากระบบเก็บไว้ในกระเป๋า จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องหนูพร้อมกระเป๋าและถุงออกจากศูนย์วิจัย