“ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกคุณทุกคนจะได้เป็นเด็กฝึกหัดของเเผนกศึกษาเรื่องลึกลับเฟคต้า หรือจะเรียกว่า ‘เฟคต้า’ สั้นๆก็ได้!! เเต่อย่าเพิ่งดีใจ พวกเธอจะได้เป็นเพียงเด็กฝึกหัดในระยะสั้นเท่านั้น เเต่ก็ถือว่าเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งอย่างเป็นทางการ การฝึกอบรมของพวกคุณจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ที่สาขาของจังหวัดทางภาคตะวันออกของเฟคต้า เเละพวกคุณทุกคนจะได้รับมอบหมายให้ทำงานในแผนกการศึกษาทางการแพทย์ของเฟคต้าไปก่อน”
เฟคต้า!?
เเผนกศึกษาเรื่องลึกลับ?
ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้จักชื่อที่เเท้จริงของแผนกลึกลับนี้เสียที กู้จวินกำลังสงสัยว่าชื่อนี้ได้รับอิทธิพลมาจากคำพูดของในนิยายเรื่อง [ความฝันในหอเเดง] หรือเปล่าที่ว่า “ความลับของสวรรค์จะไม่มีวันเปิดเผย” ใช่หรือไม่?
ศาสตราจารย์ฉินไม่มีท่าทีต่อปฏิกิริยาของเหล่านักศึกษา เขากล่าวต่ออย่างรวดเร็ว
“ พรุ่งนี้พวกคุณทุกคนจะเริ่มการฝึกอบรมแบบระยะสั้นเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากเลิกการประชุมนี่ ทางเราจะให้ยานพาหนะที่เราจัดเตรียมไว้พาพวกคุณกลับไปที่มหาวิทยาลัยของคุณ สิ่งที่ต้องทำมีอยู่เเค่ไม่กี่อย่าง อย่างเเรกแพ็คสิ่งของจำเป็น สองเตรียมของที่ต้องการทั้งหมด จงเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเดินทางไปสำนักงานใหญ่ นอกจากนี้อย่าลืมแจ้งให้สมาชิกในครอบครัวของคุณทราบเรื่องนี้ด้วย เพราะในเดือนนี้ทางเราจะไม่อนุญาตให้มีการสื่อสารโทรคมนาคมใดๆเด็ดขาด โดยเฉพาะในระหว่างที่คุณอยู่ที่บ้านอย่าเปิดเผยความลับใด ๆ เกี่ยวกับเเผนก ถ้าเข้าใจแล้วเรามาเริ่มกันเลย”
ทุกคนพยักหน้ารับทราบอย่างเคร่งขรึม หลังจากพูดคุยกันพักใหญ่ นักศึกษาทั้งหมดก็ออกจากห้องไป ศาสตราจารย์ฉินเรียกกู้จวินที่กำลังจะออกจากห้องพร้อมกับคนอื่นๆ ให้มาพูดคุยกับเขาอีกครั้ง
“ กู้จวิน เธอมาตรงนี้ฉันมีอะไรจะบอกเธอ!”
ในไม่ช้า ก็เหลือพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ในห้อง
ศาสตราจารย์ฉินมองกู้จวินอีกครั้งและถอนหายใจยาว ๆ ใส่เขาทันที
“ เนื้องอกในก้านสมองของเธอยังอยู่ในช่วงอาการที่คงที่และคณะกรรมการการแพทย์เชื่อว่าเธอยังพอจะทำงานได้ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอจะได้รับการสแกนสมองเป็นประจำ หากอาการของเธอแย่ลง เธอจะหยุดทำงานทันที เข้าใจหรือเปล่า!?”
“ เข้าใจแล้วครับศาสตราจารย์” กู้จวินสามารถรับรู้ได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในน้ำเสียงของศาสตราจารย์ฉินเเม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เเละมีสิ่งหนึ่งที่กู้จวินพอจะรู้! ดูเหมือนเฟคต้าจะไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพียงพอที่จะรักษาเนื้องอกบนก้านสมองของเขา หรืออีกนัยหนึ่งจะพูดได้ว่า เฟคต้าไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะสู้พลังของระบบของเขาได้
อย่างน้อยระบบก็สามารถให้ยาแก่เขาในขณะที่แผนกนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลยและยังคงมองว่าเขาเป็นแค่เครื่องจักรตัวหนึ่งที่ทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีชีวิต และถ้าแผนกมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถรักษาได้ ไม่มีทางที่เเผนกจะปล่อยให้คนมีความสามารถอย่างกู้จวินตายอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าศาสตราจารย์ฉินดูเหมือนจะไม่อยากพูดถึงพ่อแม่ของเขา กู้จวินจึงริเริ่มเอ่ยถามเเบบตรงๆ “ ศาสตราจารย์ฉินครับ คุณรู้เรื่องพ่อแม่ของผมไหม?”
“ เกี่ยวกับบริษัทไล่เฉิง และพ่อแม่ของคุณ เอกสารข่าวกรองเหล่านี้จะรู้เฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น เเละไม่ใช่สำหรับเธอ!”
คำพูดเเละการแสดงออกของศาสตราจารย์ฉินดูแข็งกร้าวและน้ำเสียงของเขาก็ดุดันมาก จากน้ำเสียงของเขาทำให้กู้จวินรู้ได้อย่างชัดเจนว่าต่อให้เขาใช้วาทศิลป์อย่างไรก็ไม่สามารถล้วงความลับจากชายคนนี้ได้อย่างเเน่นอน
“ อย่าถามเรื่องนี้อีกต่อไป เข้าใจไหม? และอย่าคุยกับคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากสักวันหนึ่งเธอมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูล ในอนาคตคุณจะพบกับเรื่องนี้เอง ฉันพูดได้แค่ว่าฝ่ายตรวจสอบคิดว่าคุณได้รับข้อมูลไม่ดีเกี่ยวกับคดีนี้ พวกเขาสรุปได้ว่าเธอนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรในคดีนั้นมากเเละค่อนข้างจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เเละเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่องานของเธอในเฟคต้าเเน่นอน อย่างไรก็ตามเธอจะได้รับการจับตาดูบ่อยกว่าคนอื่น ๆ และยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากขึ้นเเบบมหาศาลในอนาคตด้วย ไม่เเน่ว่าความก้าวหน้าของงานเเละเลื่อนอันดับขึ้นไปในอนาคตอาจจะค่อนข้างยากหน่อย!”
กู้จวินพยักหน้าเข้าใจอย่างเงียบ ๆ ความจริงเรื่องนี้เขาคาดเดาได้เกือบทั้งหมดแล้ว
เขาสงสัยว่าคำถามและการทดสอบจำนวนมากผิดปกติที่เขาต้องเผชิญนั้นเกิดจากความกังวลและความสงสัยที่ฝังรากลึกของผู้สัมภาษณ์หรือเปล่า?
เป็นไปได้มากว่ากิจกรรมวาดภาพอันนั้นที่เกิดจากภายในจิตใต้สำนึกของเขาจะทำให้ทุกคนคาดเดาว่าเขามีความผิดปกติทางจิต…ใช่! นั่นอาจจะทำให้พวกเขาคิดว่ากู้จวินมีปัญหา
เมื่อเห็นว่าพวกเขารู้สึกหวาดหวั่นในการยอมรับเขาเข้าสู่เฟคต้า เขาก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่าบริษัทไล่เฉิงไม่ใช่พันธมิตรอย่างแน่นอน เเละมีเเนวโน้มจะเป็นศัตรูของประเทศด้วย!
ความจริงที่ว่าเฟคต้าเลือกที่จะรับเขาเข้าทำงานในเเผนกทั้งๆที่รู้ว่าน่าสงสัยแสดงให้เห็น 2 สิ่ง
ประการแรก พวกเขามีความมั่นใจว่าสามารถควบคุมคนอย่างกู้จวินได้
ประการที่สอง ผลลัพธ์ของความสามารถของกู้จวินนั้นผ่านเกณฑ์ของพวกเขา อาจเป็นไปได้ว่าในแง่มุมอื่น ๆ ที่เขายังไม่รู้ ตัวตนของเขาอาจจะถือเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอย่างมาก
“ ศาสตราจารย์ฉินครับ พวกเราสามารถดูผลการสัมภาษณ์ของเราเองได้ไหมครับ!?” กู้จวินเลี่ยงไปถามคำถามอื่น เเต่เอาจริงๆ เเล้วเขาก็อยากรู้เกี่ยวกับประเภทบุคลิกภาพของเขาเช่นกัน มันก็เหมือนกับการลงมือเสี่ยงทายเซียมซี มีใครเสี่ยงทายเเล้วไม่อยากจะรู้ผลบ้าง!
“ ผลการสัมภาษณ์ของเธอถือเป็นเอกสารที่ถูกจำกัด ” ศาสตราจารย์ฉินใช้น้ำเสียงที่เข้มงวดอธิบายต่อเขา เเละเมื่อเห็นใบหน้ากู้จวินที่กำลังงงอย่างน่าสงสาร เขาจึงพูดเพิ่มเติมเล็กน้อย
“ มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปดูได้ ส่วนตัวฉันนั้นก็พอมีความสามารถเพียงพอที่จะทำได้ เเต่เธอนั้นไม่…เเละเพื่อนๆ ของเธอก็เช่นกัน ดังนั้นพวกเธอทุกคนไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ เเต่อนาคตอาจจะไม่เเน่ อีกอย่างหนึ่งเฟคต้ามีหน่วยงานย่อยหลายหน่วยงานซึ่งแยกกันอยู่ พวกเราร่วมมือกันทำงาน แต่พวกเราไม่ก้าวก่ายกัน ผู้สัมภาษณ์ที่มาสัมภาษณ์เธอนั้นมาจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล และเหตุการณ์ที่ทะเลลองกานอยู่ภายใต้เขตอำนาจของฝ่ายสืบสวน ในขณะที่พวกเรา…ใช่ ฉันเเละเธอมาจากกรมการแพทย์ใช่ไหม ดังนั้นเรื่องของเธอนั่นจะไม่เกี่ยวข้องกับการเเพทย์”
“ เข้าใจแล้วครับศาสตราจารย์” กู้จวินพยักหน้าเข้าใจอีกครั้ง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดอีกครั้ง “ แล้วนักเก็บศพล่ะครับ” นักเก็บศพที่น่ากลัวนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเขาไม่รู้ลืม…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขากลัวนักเก็บศพหรือกลัวบรรยากาศตอนนักเก็บศพมากันเเน่
“ อ๋อ พวกเขามาจากกรมการแพทย์เหมือนพวกเรา” ตอนนี้รอยยิ้มที่อบอุ่นและใจดีที่เเสนจะคุ้นเคยกลับคืนมาสู่ใบหน้าของศาสตราจารย์ฉินอีกรอบเเล้ว “ พอเเล้วเจ้าเด็กหน้าเหม็น! เลิกถามสักที ต่อไปเธอจะได้รู้เอง เมื่อเธอก้าวหน้าในสายอาชีพมากขึ้น…เเต่ตอนนี้เธอจงตั้งใจเเละเรียนรู้จากเฟคต้าซะ”
“ ได้ครับ…ได้เลย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเเน่นอนครับ”
“ งั้นก็ไปซะ!”
กู้จวินออกจากห้องรอ และตามหวังรั่วเซียงเเละไช่ฉีซวนออกจากอาคารสำนักงานเก่าแห่งนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถและมุ่งหน้ากลับไปที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์น
หลังจากออกจากห้องรอแล้ว ศาสตราจารย์ฉินก็มาที่ห้องเก็บเอกสารชั่วคราวที่ชั้นสามของอาคาร เขาหยิบผลการสัมภาษณ์ของเด็กนักศึกษาทั้งเก้าคนขึ้นมาและไปที่ห้องให้คำปรึกษาที่อยู่ข้างๆ
เเละผู้คนที่เดินตามหลังเขาอยู่ ก็คือผู้ตัดสินห้าคนจากการแข่งขันครั้งก่อนซึ่งทุกคนเป็นสมาชิกอาวุโสของแผนกการแพทย์ เช่นเดียวกับศาสตราจารย์ฉิน
พวกเขาทุกคนมีอำนาจเพียงพอที่จะดูการคลิปวีดีโอการสัมภาษณ์ของนักศึกษาใหม่เหล่านี้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ไฟล์ที่สมบูรณ์ เนื่องจากบางอย่างยังคงถูกจำกัดเพื่อไม่ให้ดูความลับระดับสูงยิ่งไปกว่านี้
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่ระดับสูงที่สุดในเเผนก…ดังนั้นถ้าอยากจะเข้าถึงข้อมูลที่มากกว่านี้ ตำเเหน่งก็ต้องมีระดับมากเพียงพอ
ในบรรดานักศึกษาที่ได้รับคัดเลือกเหล่านี้มีเก้าคน เเบ่งเป็นเพศชายหกคน ได้เเก่ กู้จวิน ไช่ฉีซวน หม่าเจียหัว ซุนอี้เหิง หยางหมิงและเฉิงอี้เฟิง
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงที่ผ่านการคัดเลือกถึงสามคนด้วยกัน ได้เเก่ หวังรั่วเซียง โจวอี้ เเละเจียงปันเซี่ย
ศาสตราจารย์ฉินและคนอื่น ๆ นั้นเดินตามกันมาเเละนั่งปรึกษากันในห้องประชุมที่ดูเรียบง่ายเเละสบายตา พวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่บนโต๊ะยาว ดื่มชาและดูเอกสารเก้าฉบับด้วยกัน
เเละคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หลัก ก็คือชายชราที่สุดของกลุ่ม หรือก็คือศาสตราจารย์ฉินนั่นเอง เขาดูเคร่งขรึมในขณะที่เขาอ่านทุกรายการในเอกสารอย่างละเอียด
ในบรรดาเด็กรุ่นใหม่เก้าคน หม่าเจียหัว หยางหมิงเเละเฉิงอี้เฟิง พวกเขาคือนักศึกษาเเพทย์ที่มีความสามารถโดดเด่นท่ามกลางการแข่งขันที่หนักหน่วงและเป็นคนที่มีฝีมือในระดับสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามหากเทียบกับสมาชิกของเฟคต้าเเล้ว พวกเขาอยู่ในระดับปานกลางและปานกลางค่อนไปทางล่างมากที่สุด ตลอดทั้งการเเข่งขันตัวเขาไม่ค้นพบพรสวรรค์พิเศษใด ๆในตัวเด็กสามคนนี้ อีกทั้งจากผลในระหว่างการทดสอบจิตวิทยายังได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้พวกเขาเหมาะที่จะเป็นสมาชิกธรรมดาเท่านั้น
ส่วนซุนอี้เหิงนั้นมีความมั่นใจ เขามีระเบียบวินัย เป็นคนกล้าเปิดเผยและแสดงความสามารถในด้านต่างๆ เขาเป็นต้นกล้าที่มีศักยภาพสำหรับการฝึกฝน บางทีเขาอาจได้รับการพัฒนาให้เป็นผู้นำในอนาคตด้วยซ้ำ…นี่ถือเป็นขุมทรัพทย์ที่หาได้ยากอย่างเเท้จริง