“ ฉันคิดว่ากู้จวินควรจะได้รับการฝึกอบรมของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่…หรือว่า หน่วย [Mobile Task Force] จะดีที่สุด” ศาสตราจารย์ฉินเปล่งเสียงเเห่งการตัดสินใจของเขาออกมา เเละถอนหายใจเเรงเเบบปลงตกออกมาด้วย
นั่นก็เพราะอาการของกู้จวินนั้นทรงตัวอยู่ ไม่มีวี่เเววของลางมรณะเเต่อย่างใดและเขาต้องการใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเพื่อทำบางสิ่งเพื่อโลกนี้ ศาสตราจารย์ฉินจึงพยายามทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเขา ยิ่งไปกว่านั้นหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ยังขาดกำลังพล…เเละมีเเนวโน้มจะขาดคนมากกว่าเเผนกอื่นๆอีกด้วย เเม้หนทางจะลำบาก เเต่สุดท้ายเเล้วเพื่อความปราถนาของตัวกู้จวินเอง ศาสตราจารย์ฉินตัดสินใจที่จะให้เขาได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เเละปล่อยวันเวลาที่เหลืออยู่ของเขาเป็นไปตามโชคชะตา
เมื่อได้ยินคำตัดสินของศาสตราจารย์ฉิน ใบหน้าเเละการแสดงออกของคณะกรรมการทุกคนในห้องประชุมเปลี่ยนไปอย่างมาก บางคนถึงกับฉีกยิ้มอย่างตื่นตระหนก ในขณะที่บ้างคนก้มหน้าต่ำอย่างสิ้นหวัง เเละหนึ่งในนั้นก็คือ ผู้อาวุโสเจิ้ง ที่นั่งอยู่ข้างๆ ศาสตราจารย์ฉิน ใบหน้าของเขามืดมัวประดุจจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวัง “ ผู้อาวุโสฉิน!! นี่ไม่ยุติธรรมเลยกับแผนกวิจัยของฉันเลย”
“ ผู้อาวุโสฉิน! นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากครับ!” เเต่ในทางกลับกัน ผู้อาวุโสชิวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เเละดีใจอย่างออกหน้าออกตา
[หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] หรือ หน่วย [Mobile Task Force] ส่วนใหญ่จะปฏิบัติภารกิจนอกสำนักงานใหญ่เป็นหลัก พวกเขาไม่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ของห้องปฏิบัติการ แต่ทุกคนใน [Mobile Task Force] หรือ [หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] ทุกคนต้องมีความสามารถและเก่งภายใต้เงื่อนไขทุกประเภท
นั่นก็เพราะว่าสถานที่ปฏิบัติภารกิจเเต่ละครั้งล้วนมีสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติเเบบรุนแรงมากๆ อีกทั้งการทำงานยังต้องทำภายใต้แรงกดดันของเหตุฉุกเฉินรูปเเบบต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการขาดการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ และรูปแบบอื่น ๆ อย่างหนักหน่วงสมาชิก[หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] ทุกคน พวกเขาจะต้องสามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้ผู้ป่วย และแม้กระทั่งทำการผ่าตัดต่างๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เยือกเย็นเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้ตามระบบการฝึกอบรมเเบบปกติ กู้จวินที่ถูกกำหนกให้เข้า [หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] จึงต้องไปเยี่ยมชมแผนกต่างๆ ที่ใช้มีดผ่าตัด เช่นทีมคลินิกและทีมผ่าตัด เป็นพิเศษเพื่อรองรับการพัฒนาความสามารถสู่ [หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] ในตอนท้าย
ผู้อาวุโสชิวพูดอย่างตื่นเต้น “ คุณกำลังให้กู้จวินเข้าทีมคลินิกก่อนเป็นอันดับเเรกใช่ไหมครับ?”
“ เฮ้ๆ อาวุโสชิว ทีมผ่าตัดของเราก็ขาดกำลังคนเหมือนกันนะครับ!” เมื่อคำนึงถึงความจริงที่ว่า ‘นกตื่นเช้าย่อมได้กินหนอนก่อน’ หัวหน้าเเผนกคนอื่น ๆ ต่งกระโจนเข้าร่วมการทะเลาะวิวาทเพื่อเเย่งชิง ‘หนอนน้อยกู้จวิน’ โดยไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาไม่มีใครอยากจะปล่อยกู้จวินไปหรอก เด็กที่เก่งเเบบนี้พวกเขาจะใช้งานให้คุ้มไปเลย จะยอมให้คนอื่นมาเเย่งเขาไปได้อย่างไร
“ตกลงๆ ใจเย็นเพื่อนร่วมงานที่รักของฉันทุกท่าน” ศาสตราจารย์ฉินยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียงของทุกคน
“อ่า! ฉันวางเเผนที่จะจัดการแข่งขันคัดเลือกผู้มีความสามารถอีกรอบ คราวนี้นักเรียนเเพทย์จากเมืองโดยรอบของจังหวัดทางตะวันออกจะถูกรวบรวมและคัดกรองใหม่อีกครั้งเพื่อหาดาวเด่น ฉันรับประกันว่าแต่ละเเผนกจะได้รับสมาชิกใหม่เพิ่มในอัตราที่เพียงพอที่จะเติมเต็มช่องว่างที่พวกคุณอยากจะได้ เเต่ขอล่ะ! ในตอนนี้อย่าเพิ่งต่อสู้กันเพื่อเอาชนะในเรื่องไร้สาระเลย”
เเน่นอนว่าภายนอกไม่มีใครกล้าที่จะตำหนิศาสตราจารย์ฉิน อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังบ่นอยู่ในใจเเละเเอบยกนิ้วกลางให้ศาสตราจารย์ฉินเเล้ว ด้วยความสามารถสะท้านฟ้าของกู้จวินนั้นหายากยิ่ง…ต่อให้ขุดดินลึก 3 ฉื่อเพื่อควานหาทั้งประเทศก็ไม่เเน่ว่าจะได้พบ! อะไรคือความเป็นไปได้ที่นักเรียนเเพทย์คนอื่นๆ จะมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับเขา…ผายลมน่ะสิ!
ศาสตราจารย์ฉินเห็นสีหน้าที่เเม้ไม่พูดก็เดาได้ของบรรดาคณะกรรมการเเละเพื่อนร่วมงาน เขาก็ถอนหายใจเเละพูดต่ออีกครั้ง
“เอาล่ะ! อีกเรื่องสำหรับกู้จวิน ฉันอยากให้เพิ่มเนื้อหาการฝึกอบรมให้เข้มงวดขึ้น เเละจับตาดูในช่วงการฝึกอบรมอย่างละเอียด เเละอย่าลืมเพิ่มเนื้อหาเฉพาะให้เขาฝึกฝนเพื่อเตรียมพร้อมด้วย ทีนี่พวกเราก็มาดูความสามารถของเขาในระดับลึกกัน และค่อยมาตัดสินว่าเขาคือ อัจฉริยะกู้จวิน หรือ เสี่ยกู้ กันเเน่! เเละถ้าเขามีความเชี่ยวชาญในระดับนั้นจริงๆ จากนั้นฉันจะจัดให้มีการฝึกอบรมหมุนเวียนไปที่ทีมคลินิก ทีมผ่าตัด … พวกคุณจะได้มีโอกาส ‘ดูเเล’ เขาอย่างเท่าเทียมกัน ดีไหม!?”
เมื่อได้ยินคำยืนยันของศาสตราจารย์ฉิน ผู้อาวุโสชิวและคนอื่น ๆ ก็สงบลงในที่สุด
จากศักยภาพของกู้จวินที่ปรากฏในระหว่างการแข่งขัน พวกเขาเพียงเเค่ฝึกฝนกู้จวินให้รู้งานอีกเพียงเล็กน้อย…เเค่นั้นเขาก็น่าจะทำงานได้เเล้ว เพียงแค่จินตนาการถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ รอยยิ้มที่สดใสและกว้างจนเเทบเห็นลิ้นไก่ก็ส่องประกายบนใบหน้าของพวกเขาจนดูน่าเกลียดน่ากลัว
“ ศาสตราจารย์ฉินครับ เเล้วเขาจะหมุนเวียนมาที่ทีมวิจัยของฉันไหม?” ขณะที่ผู้อาวุโสเจิ้งถาม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาเเห่งความเศร้าโศก
“ สำหรับเรื่องนั้น…เอาไว้ดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันจำเป็นหรืออะไรก็ตัดสินใจใหม่ ณ ตอนนั้น” ศาสตราจารย์ฉินอธิบายเเบบเลี่ยงๆ จากนั้นเขาก็อธิบายเพิ่มเติมอีก “ หัวหน้าทีมเจิ้งเหอ ฉันจะต้องทำความเข้าใจจากคุณในเรื่องนี้ ตอนนี้เป็นช่วงที่ยากลำบากมากนะ หัวหน้าใหญ่บอกว่าพวกเราต้องการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนทางคลินิกมากขึ้นกว่านี้โดยเร็วที่สุด นั่นทำให้พวกเราไม่มีเวลาฝึกคนอย่างช้าๆเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ในตอนนี้สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดก็คือ พลังการต่อสู้ในทันที!! ดังนั้นเราต้องใช้ความสามารถในปัจจุบันของเด็กรุ่นใหม่ให้เต็มที่ที่สุดต่างหาก”
ฝูงชนเห็นด้วยกับคำพูดของศาสตราจารย์ฉิน และแม้แต่ผู้อาวุโสเจิ้งที่กำลังออดอ้อนก็เข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เริ่มจะเลวร้าย เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ
ทีมวิจัยของเขามักมีส่วนร่วมในทุกๆ งานเเบบเงียบ ๆ แต่อนิจจาทีมของเขามักจะถูกจัดให้อยู่ในอันดับสุดท้ายในหลาย ๆ เรื่อง … ช่างน่าเศร้าจริงๆ เเม้กระทั่งกู้จวินคนเดียวก็คว้ามาไม่ได้!
หลังจากดูรายงานการสัมภาษณ์ทั้งเก้าฉบับแล้ว ศาสตราจารย์ฉินก็ประกาศอย่างจริงจัง โดยให้ทุกคนต้องปฎิบัติตามคำสั่งของเขา
“ หม่าเจียหัวและหยางหมิงจะถูกส่งไปยังทีมวิจัยของอาวุโสเจิ้ง เพราะพวกเขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในด้านวิทยาศาสตร์ เเละการแพทย์ขั้นพื้นฐาน ดังนั้นถ้าไม่ผิดพลาดอะไร พวกเขาควรปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งที่ได้รับได้อย่างรวดเร็วเเน่นอน ส่วนเฉิงอี้เฟิงและโจวอี้ พวกเขาจะถูกส่งไปยังทีมหมายเหตุเพื่อทำการฝึก ในขณะที่หวังรั่วเซียง ซุนอี้เหิงเเละเจียงปันเซี่ย จะได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมทีมคลินิค เเละสุดท้ายกู้จวินจะถูกมอบหมายให้กับ [หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่] ภายหลังการฝึกอบรม นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะพูดเเล้ว”
นั่นคือการจัดเตรียมขั้นสุดท้ายของเขา เมื่อเผชิญหน้ากับคำขาด ทุกคนยกเว้นผู้อาวุโสเจิ้งล้วนเเต่ยินดี หลังจมบ่อน้ำตาอย่างสิ้นหวัง เขาพลาดจากกู้จวิน! เเละที่เลวร้ายกว่านั้นเขาไม่เเม้เเต่จะคว้าไช่ฉีซวนเอาไว้ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ
ตรงกันข้ามกับอาวุโสชิว พอเขาได้ยินคำตัดสิน เขาก็นั่งยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข ในที่สุดสถานการณ์เร่งด่วนของเขาก็มีความหวังเเล้ว เเถมยังเป็นความหวังคุณภาพสูงด้วย โดยเฉพาะ หวังรั่วเซียง…อันดับ 2 เเละซุนอี้เหิงอันดับ 4 ทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างเเน่นอน
เเต่สำหรับอัจฉิยะอย่างกู้จวิน พวกเขามีสิทธิใช้ได้เเค่ชั่วคราวก่อนส่งให้หน่วยงานอื่น เเต่ถึงจะอย่างนั้น พวกเขาก็เเอบหวังในใจเงียบ ๆ ทุกคนแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเด็กๆของเขาการพัฒนาหลังการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด
***
เมื่อย่างเข้าในเวลากลางคืนอันมืดมิด รถโดยสารขนาดเล็กก็หยุดที่หอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น และส่งนักศึกษามหาวิทยาลัยอีสเทิร์น 4 คนจนถึงหน้าหออย่างสวัสดิภาพ
ทั้งหม่าเจียหัวเเละหวังรั่วเซียงจากโบกมือลาให้กู้จวิน จากนั้นก็เเยกกลับหอของตนเองอย่างเงียบๆ ในขณะที่สองหนุ่มอย่างกู้จวินเเละไช่ฉีซวนหัวเราะให้กันเเล้วเดินขึ้นไปบนหอพักอย่างร่าเริง
พอกกลับไปถึงห้องของทั้งสองคน พวกเขาก็พบว่าตนเองไม่มีอะไรให้เก็บมากนัก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือการหาจุดซ่อนที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับการ์ด SD และกล่องใส่ยาจากระบบ
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาดเลยที่จะนำสิ่งของที่น่าสงสัยและอธิบายไม่ได้เหล่านี้ไปที่เฟคต้า กู้จวินตัดสินใจหยิบถุงพลาสติกหลายใบ จากนั้นก็เอาการ์ด SD และกล่องใส่ยาจากระบบมาห่อหุ่มด้วยถุงอย่างแน่นหนา และผลักเข้าไปในมุมที่ไม่โดดเด่นและเงียบสงบ เเม้จะมีคนเข้ามา เเต่พวกเขาก็จะหาไม่เจออย่างเเท้จริง!
จากนั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากไช่ฉีซวน กู้จวินก็จำต้องไปเก็บของอย่างอื่นต่ออย่างช่วยไม่ได้ เขาเลือกที่จะเอาเเล็บท็อป เสื้อผ้าเเละหนังสือบางส่วนยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ เพราะนอกนี้เขาก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรอีกเเล้ว…พอนึกได้ว่าตนเองไม่มีทรัพย์สิน กู้จวินก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาลืมไปได้ยังไงว่าตอนนี้เขาถังเเตกเเล้ว เงินเเทบจะหมดบัญชี
จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางสองใบที่มีแล็ปท็อปเสื้อผ้าและหนังสือแล้วลงไปชั้นล่างพร้อมกับไช่ฉีซวน