สิ่งที่ต้อนรับกู้จวินเเละผองเพื่อนก็คือ เสียงคำรามที่แปลกประหลาดและบ้าคลั่ง เสียงนั้นดังก้องไปทั่วโสตประสาทหู ทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่เริ่มตกใจกลัว เหมือนกับว่าที่พวกเขากำลังจะไป ไม่ใช่การไปหาสัตว์ทดลอง! เเต่เป็นการเข้าบ้านผีสิงที่มีสัตว์ประหลาดมากกว่า
กู้จวินยังคงมีสีหน้าปกติเหมือนทุกๆครั้ง เขาเดินตามพี่ชายเฉียงและนักศึกษาทุกคนออกจากลิฟต์อย่างว่าง่าย เเละไม่ได้พูดอะไร เเต่เขาก็รู้สึกว่าอากาศบนชั้น 5 นั้นค่อนข้างที่จะหนาวจัดอย่างผิดปกติ คล้ายกับว่า…เขากำลังเดินอยู่ในห้องรักษาอุณหภูมิของห้างสรรพสินค้าก็ไม่ปาน
ด้านในของชั้น 5 นั้นต่างจากชั้นอื่นๆ ของอาคารอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีการแบ่งห้อง หรือมีโต๊ะทดลองใดๆ มันเป็นเพียงห้องกว้างที่หนาวเย็นและมีกรงต่างๆหลายขนาดวางเอาไว้เรียงรายในห้องนั้น กู้จวินและผองเพื่อนค่อยๆเดินเข้าไปในชั้น 5 อย่างช้าๆ เเละตามพี่ชายเฉียงที่กำลังนำทางอยู่ด้วยความเงียบสงบ
เหล่านักศึกษาที่เดินเข้าไปในชั้น 5 ทุกคนต่างมองเข้าไปในกรงสัตว์ขนาดกลางที่มีลักษณะแตกต่างกัน ในกรงนั้นติดลวดเอาไว้เซฟตี้ป้องกันความปลอดภัยอีกที กรงเหล่านี้มันถูกใช้เพื่อกักขังสัตว์ทั่วไปหลายชนิด เช่น กระต่าย สุนัข แมว ลิง … เเละอื่นๆ ที่ทุกคนก็รู้จัก
พอมองเข้าไปภายในกรงสัตว์ที่มีแต่สัตว์ทั่วไป กู้จวินและพรรคพวกก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเดินอยู่ในตลาดค้าขายสัตว์เลี้ยงที่เต็มไปด้วยรูปสัตว์นานาพันธุ์ เสียงร้องของมันจ๊อกแจ๊กจอแจเหมือนเสียงที่อยู่ในตลาดไม่มีผิด แต่ต่างกันที่มันไม่มีราคาติดไว้ก็เท่านั้นเอง
กู้จวินเดินผ่านกรงกระต่ายเเละกรงลิง จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ จากนั้นเขาสังเกตเห็นร่างของผู้ดูแลท่ามกลางกรงเหล่านั้น อย่างไรก็ตามเสียงแปลก ๆ ดังมาจากส่วนลึกของทางเดินทำให้พวกเขาละสายตาจากผู้ดูเเลชั้นนี้ไปทันที
ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ด้านในมากเท่าไหร่ เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ยิ่งชัดเจน และดังขึ้นตามลำดับ และอาการหวาดกลัวจนขนเเขนลุกก็ค่อยๆปกคลุมผิวหนังเเละจิตใจของพวกเขา
“ พะ–พี่ชายเฉียงนั่นคือเสียงอะไรคะ?” เจียงปันเซี่ยอดไม่ได้ที่จะเป็นคนแรกที่ถามคำถามนี้ออกมา เธอรู้คนอื่นกลัวเหมือนกับเธอ เเต่ทุกคนล้วนเเต่ปากหนักไม่ยอมพูด เเต่เธอทนต่อเสียงหวยโหนนั่นไม่ไหวเเล้ว เกิดภายในมีก็อตซิลล่าอยู่เธอจะทำยังไง
“ สัตว์!” โจวเจียเฉียงตอบสั้นๆ ได้ใจความ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก…นั่นทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความตกใจกลัวยิ่งกว่าเดิม หัวใจของพวกเขาเริ่มเต้นดังขึ้น เเละอากาศภายในก็เริ่มจะเย็นกว่าทุกๆที
พี่ชายเฉียงไม่สนใจเหล่าเด็กใหม่ด้านหลัง เขาพาทุกคนไปที่มุมของทางเดินที่อยู่ลึกเข้าไปอีก คอกสัตว์ทั้งสองด้านของทางเดินแคบลงจนกลายเป็นกรงเล็ก ๆ และมี “สิ่งมีชีวิต” อยู่ข้างใน …
เหล่านักศึกษาเมื่อเห็นเข้าก็อุทานร้องด้วยเสียงต่ำด้วยความตกใจ เเละกู้จวินเองก็ไม่ต่างกัน หัวใจของเขาก็เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น เพราะ “ สิ่งมีชีวิต” ที่อยู่ในกรงนั้นประหลาดมาก ประหลาดจนสามารถตราตรึงสายตาเเละหัวใจของทุกคนเอาไว้อย่างอยู่หมัด!
ดูเหมือนว่า ‘สิ่งมีชีวิต’ นี้มันจะเป็นตระกูล ‘สุนัข’ เพราะเเทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างหน้าท้องและแขนขาของสุนัขทั่วไปไเท่าไหร่นัก แต่ศีรษะของพวกมันนั้นมีลักษณะทางกายวิภาคที่บิดเบี้ยวที่ปรากฎขึ้นมาเเบบรางๆ ดังนั้นทุกคนจึงคาดเดาลักษณะใบหน้าของมนุษย์จากใบหน้าของมันได้!
สัตว์ ‘หน้า’ มนุษย์หรือจินเมนเคน คือสิ่งมีชีวิตที่มีมาอย่างยาวนานในตำนานของญี่ปุ่น มันคือ เทพเจ้า…บ้างก็ว่ามันคืออสูร มันเป็นรู้จักดีในฐานะปีศาจเเละเทพพิทักษ์ ทว่า…มันก็เเค่ตำนานถูกไหม?
เเต่ใครจะรู้ว่าตำนาน…จะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้!
“ พวกเธอไม่ต้องกลัวหรอก” ใบหน้าของโจวเจียเฉียงที่เต็มไปด้วยรอยสิวยังคงมีรอยยิ้มที่มีความสุขปนเยาะเย้ย แต่มีร่องรอยของความจริงจังในคำพูด
“ เจ้าพวกนี้เป็นสุนัขที่กลายพันธุ์ทางพันธุกรรมน่ะ กล่าวกันว่าหมาป่าและสุนัขมีพื้นเพมาจากสายพันธุ์เดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีการแยกการสืบพันธุ์จนถึงขณะนี้ เเต่หมาป่าและสุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่มีนิสัยและลักษณะที่แตกต่างกันอยู่แล้ว หมาป่าอาร์กติกกับชิวาวา….พวกเธอพอจะนึกออกไหมว่าพวกมันเป็นสายพันธุ์เดียวกัน? อย่างไรก็ตามพวกมันยังคงสามารถแพร่พันธุ์ลูกหลานได้ เเละสุนัขเหล่านี้หรือจินเมนเคนเหล่านี้ยังคงเป็นสุนัขอยู่….”
กู้จวินจ้องมองไปที่ใบหน้าที่น่ากลัวและแปลกประหลาดของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ หัวของเขารู้สึกมืดหม่นเเละว่างเปล่าเล็กน้อย ส่วนภายในหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความรู้สึกนี้กลับมาปรากฏอีกครั้งหลังจากหายไปหลายวัน
เขามองเข้าไปในส่วนลึกของทางเดินนี้ เเต่มันดันมีประตูสแตนเลสปิดกั้นสายตาของเขาอยู่ กู้จวินเริ่มสงวัยว่ามี “สิ่งมีชีวิต” อะไรอีกบ้างที่อยู่หลังประตูนั้น?
นี่ไม่ใช่ศูนย์ให้อาหารสัตว์ของกระทรวงแพทย์ และเป็นเพียงห้องวิจัยสัตว์ทดลองในศูนย์ฝึก
เขายังให้ความสนใจกับการแสดงออกของทุกคน เห็นได้ชัดว่า ‘สัตว์หน้ามนุษย์’ เป็นภาพที่มีผลกระทบต่อจิตใจพวกเขาเป็นอย่างมาก เเม้มันไม่ได้น่ากลัวเท่ากับ ‘โรคมนุษย์ต้นไทร’ ที่ผิดรูปแบบ แต่มันก็ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเเละจิตใจของพวกเขาเริ่มเศร้าหมอง
“ พี่ชายเฉียงครับ เจ้าสัตว์..เอ่อ สัตว์หน้ามนุษย์ตัวเเรกเกิดเมื่อไหร่เหรอครับ?” ซุนอี้เหิงถามพี่ชายเฉียง เเน่นอนว่าคำถามนี้ก็อยู่ในใจของทุกคนเช่นกัน เพียงเเต่พวกเขาไม่ว่องไวพอที่จะถามพี่เฉียงตัดหน้าอี้เหิง จึงได้เเต่เงี่ยหูฟังอยู่เเบบนั้นอย่างเงียบๆ
“อ่าเรื่องนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นฉันยังไม่เกิดด้วยซ้ำ” โจวเจียเฉียงพยายามนึก เเละรู้ก็พบว่าข้อมูลส่วนนี้มันลึกเกินไป เขาชั่งใจชั่วครู่ก่อนที่จะโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ พวกเธอเป็นเพียงเด็กฝึกหัด ยังไม่มีอำนาจเพียงพอในการเข้าถึงข้อมูลของ ‘สัตว์หน้ามนุษย์หรือว่าจินเมนเคน’ ดังนั้นอย่าไปรู้จะดีกว่า…ถ้าไม่เชื่อพวกเธอก็ลองคิดดู เฟคต้านั้นไม่ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพียงเพราะโรคมนุษย์ต้นไทร เเละฉันจะบอกอะไรให้ พวกนายรู้ไหม!? ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นในประเทศ ทำไมเหตุการณ์พวกนั้นถึงได้จบลงไปแบบเงียบๆและหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน และปัญหาพวกนั้นถูกแก้ได้ยังไง… แม้ระดับของพวกนายจะไม่ถึง แต่พวกนายก็น่าจะเดาได้ว่าเฟคต้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีนี้… ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนจะจบลงง่ายๆได้ยังไง”
บอกตามจริงระดับการอนุญาตเข้าถึงข้อมูลของพี่ชายเฉียงนั้นไม่ได้สูงขนาดนั้น เขาทำได้เพียงเกรด F เมื่อเทียบกับชั้นเรียนฝึกงานแล้วมีเพียงเกรด G เท่านั้น ดังนั้นที่เขารู้จึงเเทบจะไม่เเตกต่างกับพวกกู้จวินเลย ดังนั้นคำพูดของเขาจึงเอาข้อมูลที่มีอยู่มาใส่สีตีไข่เลยฟังดูโอ้อวดอยู่บ้าง
เมื่อทุกคนได้ฟัง พวกเขาก็ตระหนักถึงความจริงในข้อนี้ขึ้นมาในทันใด แผนกเฟคต้าอาจไม่ได้เป็นมรดกตกทอดมานานหลายแสนปีของชาติ แต่มันก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกัน จะมากจะน้อยก็ย่อมมีพลังอำนาจเเละความลึกลับอยู่พอสมควร
เเละสัตว์หน้ามนุษย์หรือว่าจินเมนเคนเหล่านี้ถูกใช้ในการทดลองโดยแผนกการแพทย์ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัว พวกเขาคงไม่เอาสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวเต็มไปด้วยอันตรายและมีโรคติดต่อมาให้เหล่าเด็กฝึกหัดได้ลองเล่นกันหรอก เพราะถ้าทำแบบนั้นจริง…ก็ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่าเหล่าเด็กใหม่จะสามารถไปสืบทอดงานของเขาได้จริงไหม หรือจะตายเสียก่อนที่จะได้ทำอะไร เมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ได้ ทุกคนก็พยักหน้าในใจด้วยความเงียบสงบและหายตื่นตระหนกในทันที
เเต่ในเเง่ตรรกะมันก็เป็นเเค่สิ่งหนึ่ง! ในหัวใจของพวกเขายังคงรู้สึกกดดันและบรรยากาศยังคงตึงเครียดดั่งเดิม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองตรงไปที่ใบหน้าที่น่าเกลียดบนหัวของสุนัขเเล้วคิดว่ามันน่ารักประดุจพุดเดิ้ล!
กู้จวินเองก็เข้าใจเจตนาที่อยู่เบื้องหลังของแผนกการเเพทย์ที่ทำเเบบนี้ พวกเขาคงใช้สัตว์หน้ามนุษย์หรือว่าจินเมนเคนเป็นสัตว์ทดลองในการผ่าตัด เเละทั้งหมดเป็นเพียงการทำความคุ้นเคยกับสิ่งประหลาด ก่อนตัวเองที่จะเผชิญหน้ากับการสร้างสรรค์ที่ผิดปกติจากธรรมชาติเหล่านี้
ทั้งต้นไทรมนุษย์ สัตว์ผิดปกติ ทุกอย่างล้วนน่าสะพรึง! การเจอสิ่งเหล่านี้ทุกวัน อาจจะทำให้คนๆหนึ่งเสียสติไปเลยก็ได้!
การมองสิ่งน่ากลัวจะช่วยเพิ่มความกล้าเเละทำให้จิตใจได้รับการฝึกฝน การฝึกอดทนต่อความเครียดในระหว่างการทดลองจำลองเหล่านี้ จะทำให้พวกเขาจะสามารถเผชิญกับแหล่งที่มาของความเครียดที่น่ากลัวกว่านี้บนโต๊ะปฏิบัติการจริงได้และลดโอกาสที่จะเกิดความสับสนเเละกลายเป็นบ้าในอนาคต
ใช่! มันคือการดูหนังสยองขวัญก่อนจะไปจับผีนั่นเเหละ…ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงปรับตัวกันไม่ได้
***********************************************************************