กู้จวินเห็นชายคนหนึ่งถูกมัดติดกับโครงไม้บนรถเป็นที่ถูกมัดด้วยรากของต้นไทร ลําตัวและแขนขาของเขาถูกมัดอย่างแน่นหนาราวกับนกอินทรีที่กําลังสยายปีก
หากแต่บรรยากาศนั้นผิดปกติอย่างยิ่ง กู้จวินรู้สึกราวกับว่าตัวเขากําลังอยู่ในห้องผ่าตัดไม่มีผิด ทั้งๆที่ไม่มีเตียงและไม่มีห้องผ่าตัดแต่อย่างใด
อาจจะเพราะชายคนนั้นร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดเหมือนผู้ปวยในห้องผ่าตัดก็ได้เลย ทําให้กู้จวินแบบนี้ออกมา
ทว่า…ภาพที่น่าเหลือก็เกิดขึ้น ชายทั้งสี่คนนั้นไม่ได้สนใจชายคนที่ถูกมัดทั้งสิ้น เขาตรงดิ่งเข้า มาพร้อมกับเครื่องมือ จากนั้นเสียงโหยหวนที่ดังยิ่งกว่าก็พลันดังขึ้น
ทันใดนั้นดวงตาของจวินก็แทบขยายใหญ่ขึ้น เขามองภาพเบื้องหน้าด้วยความตกใจ และกู้จวินก็เห็นว่าลิ้นของชายคนนั้นถูกหันออกมาเรียบร้อย!! และเสียงก็เงียบลง….
ผู้ศรัทธาเหล่านั้นผลักรถเป็นที่มีเครื่องจองจําไปรอบ ๆ และคนที่คุกเข่าอยู่ก็คุกเข่าต่อไป ไม่ ขยับหรือเงยศีรษะขึ้นมาดูใดๆทั้งสิ้น
หัวใจของกู้จวินบีบแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามีลางสังหรณ์ที่คลุมเครือว่าต่อจากนี้จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน! เพราะโดยใหญ่แล้ว ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เรื่องร้ายๆมักตามมาเสมออย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ราวกับว่ามันได้ถูกกําหนดไว้อย่างไงอย่างงั้น!
พวกเขาผลักรถเป็นของสําหรับจองจําคนไปที่ด้านข้างของต้นไทรแล้วหยุดกับที่ และชา ยอีกคนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อโค้ทยาวน่าขนลุกก็เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า กู้จรินจับตามองอยู่ แต่เขา ไม่เห็นหน้าของชายคนนี้แต่อย่างใด มีเพียงเสื้อคลุมของเขาเท่านั้นที่ย้อมเป็นสีแดงสดสะดุดตา เป็นพิเศษ
ชายชุดแดงถือมีดยาวในมือแล้วเดินไปที่ด้านข้างของรถเป็นสําหรับจองจําและเหวี่ยงมีดไป ทางแขนท่อนบนด้านขวาของชายที่ถูกมัดคนนั้นอย่างรวดเร็ว!
เศษไม้ผสมเลือดและเนื้อปลิวว่อนออกมาจากนั้นชายคนนั้นก็หันไปที่แขนท่อนบนด้านซ้ายของชายผู้โชคร้ายต่อ
เสียงกรีดร้องแทบจะแหบแห้งราวกับมาจากส่วนลึกของนรกดังก้องอย่างน่าหวาดกลัว แต่ เสียงของมีดที่คอยตัดเฉือนเนื้อ ยังคงดําเนินต่อไปอย่างไร้ความปราณี
กู้จวินที่แค่มองยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างเฉียบพลัน มันกระทบไปถึงไขกระดูกของเขาและการมองเห็นนิมิตก็เริ่มไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆ ภาพกระโดดไปมาจนดวงตาพร่ามัว เขาเห็นมีดยาวที่เต็มไปด้วยหยดเลือดในขณะที่คนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นที่สวดมนต์พร้อมกันและส่งเสียงดังสุดจะบรรยาย
เขาเห็นสิ่งที่ชายในชุดสีแดงถืออยู่ มันเป็นกิ่งต้นไทรที่มีรูปร่างผิดปกติอย่างแปลกประหลาดบนกิ่งต้นไทรที่เขาถือ…ทุกใบในพวงอันหนาแน่นถูกเขียนด้วยข้อความสีดํา ซึ่งมันก็ไม่ชัดเจนว่า เป็นภาษาอะไร ชายในชุดสีแดงจับกิ่งไม้เหล่านี้และแทงเข้าไปที่บาดแผลของชายผู้โชคร้ายที่ ถูกตัดแขนทั้งสองข้างอย่างไม่ปราณี
“… ” ชายผู้โชคร้ายอ้าปากค้างจนแทบขากรรไกรหัก แต่กลับไม่มีเสียงออกมา จากปากแม้แต่นิดเพราะลิ้นของเขามันขาดไปนานแล้ว!
ท่ามกลางเสียงครวญครางที่น่าเศร้า ชายคนนั้นก็ “ เปลี่ยนร่าง” กลายเป็นสัตว์ประ หลาดใหญ่! เขามีลําตัวและศีรษะคล้ายมนุษย์ แต่แขนทั้งหมดของเขาเป็นกิ่งต้นไทรที่น่ากลัวเกรง…
อาการปวดหัวของกู้จวินเริ่มหนักขึ้นจนเกินจะทนไหว! มันราวกับว่าหัวของเขากําลังจะ ถูกแยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็เห็นชายในชุดต่ําลุกขึ้นจากพื้นทีละคนๆ พวกเขาเดินไปที่ต้นไทร จากนั้นไปที่รถเป็นที่มีเครื่องจองจํากันอย่างเงียบงัน
ในขณะที่เหตุการณ์นิมิตกําลังถึงตอนสําคัญ ดวงจิตของกู้จวินก็ไม่มั่นคงอีกต่อไป! เขารู้สึกราวกับว่าตัวของเขาค่อยๆห่างไกลจากภาพนั้นมากขึ้น และเลือนหายไปจากสายตาแต่ทันใดนั้นเอง
เขาก็เห็นรูปลักษณ์ของชายคนนั้น ชายที่อยู่ในชุดสีแดงนั่นแหละ เขาเห็นมันอย่างชัดเจน ใบหน้าเหี่ยวเฉาและน่าชิงชังนั้นมองแทบไม่เห็นหัวกะโหลก มันทิ้งความรู้สึกกดดันอย่างรุน แรงในหัวใจของกู้จใน
มันเป็นใบหน้าของ “ พนักงานต้อนรับ” ของบริษัทไล่เฉิงที่ติดตามเขาในวันนั้น มันคือผู้ ชายคนนั้นนั่นเอง
“อ๊าาาาาาา!!” กู้จวินอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงโหวกเหวกโวยวายออกมาด้วยความตกใจกลัว และในขณะที่ร้องตะโกนเขาก็รู้สึกได้ถึงปริศนาบางอย่างที่กําลังจะถูกเปิดเผยในห้วงสมองของเขา
คนในชุดดําล้วนมาจากบริษัทไล่เฉิงแน่ๆ และนี่คือองค์กรของพวกเขา พวกเขาก่อตั้งสมาคมลับเหล่านี้ขึ้นมาและสร้างพิธีบ้าบอแบบนี้ขึ้นมาด้วย
และการ สังเวย ที่น่าขยะแขยงเหล่านี้ ทั้งหมดก็เพื่อบรรลุจุดประสงค์บางอย่างที่บ้าคลั่งอย่างแน่นอน ไม่มีทางหรอกที่พวกเขาจะตัดแขนคนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วยเหตุผลบ้องแบ๊วอย่างอยากกลายพันธ์
แต่สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ แม่และพ่อของเขาเป็นหนึ่งในพวกนั้นจริงหรือไม่? พวกเขาอยู่ที่นั่น หรือไม่นะ!?
ด้วยเหตุผลบางประการ กู้จวินรู้สึกว่าทัศวิสัยที่เขาเห็นนี้มันให้ความรู้สึกโบราณอย่างยิ่งราวกับว่ามันเกิดขึ้นมาก่อนการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน
คําถามใหม่มากมายท่วมท้นในสายเลือดของกู้จวินอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้คําตอบที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นกัน
ใช่แล้ว! บริษัทไล่เฉิงเป็นองค์กรของคนบ้า!!
มีพฤติกรรมที่ผิดปกติจากคน!
งมงายอย่างไรสติ!
และเป็นไปได้ว่าโรคความผิดปกติอาทิ “โรคมนุษย์ต้นไทร จะเกี่ยวข้องกับ บริษัทไล่เฉิง และมี แนวโน้มสูงว่าจะเป็นโรคที่พวกมันสร้างขึ้นเอง!
ทันใดนั้นการมองเห็นนิมิตก็สลายไปเหมือนกระแสน้ําที่เดือดแห้ง ทันใดนั้นกู้จวินก็เห็นห้องผ่าตัดอันทันสมัยที่สว่างไสวรายล้อมไปด้วยแสงจากโคมไฟไร้เงาแล้ว
“ ผู้ช่วยคนที่สอง? ผู้ช่วยคนที่สอง? เธอโอเคไหม?” เสียงของจู้รุ่ยเหวินดังขึ้นเรื่อย ๆ และใบหน้าของฟูเฟิงก็เกิดการประหม่าเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นกู้จวินส่งเสียงตอบเขาได้ในที่สุด เขาก็ถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง “ คุณสบายดีไหม?”
ผู้ช่วยคนแรก เจียงกัว” ผู้ช่วยคนที่สาม หลี่หัวหลง” วิสัญญีแพทย์ “เยียนให่เจ๋อ” และกลุ่มพยาบาลทั้งหมด ตอนนี้พวกเขากําลังมองมาทางกู้จวินด้วยสีหน้าราวกับเห็นเด็กกําลังทําผิดอยู่!
ในสายตาของพวกเขา กู้จวินเป็นเพียงเด็กใหม่ตัวน้อยที่แค่ได้ยินผู้ป่วยโวยวายก็ถึงกับทําอะไรไม่ถูก แถมตอนนี้เขายังดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาปรากฏร่องรอยของความงุนงงสับสน อีกทั้งถ้าสังเกตดีๆ ใบหน้าของเขากําลังแสดงถึงเจ็บปวดในจิตใจด้วย!
สถานการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในห้องผ่าตัดของแผนกเฟคต้า ไม่มีใครอยากตําหนิเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง ก่อนหน้านี้ศัลยแพทย์รู้ยังเคยกล่าวไว้
“ กู้จวินตัวน้อยมีพรสวรรค์ที่สูงกว่าทุกคน คุณไม่สามารถประเมินเขาด้วยสายตาธรรมดาได้” แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ต่างจากคนทั่วไปสักนิดเลย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างผิดหวัง เนี่ยแหละหนาหวังมากก็เจ็บมาก
“ กู้จวิน เธออยากไปพักข้างนอกก่อนไหม?” จู้รุ่ยเหวินถามอย่างลังเลตามมารยาท
การดําเนินการผ่าตัดกําลังจะเริ่มขึ้น และกลุ่มผ่าตัดห้องอื่น ๆ ที่กําลังดําเนินการอยู่ เขาจะไปหาผู้ ช่วยคนที่สองได้ที่ไหนอีก ? จู้รุ่ยเหวินเพิ่งกลายเป็นศัลยแพทย์หลักไม่นาน เมื่อต้องเผชิญกับสถาน การณ์เช่นนี้เขาก็รู้สึกเสียสูญเล็กน้อยและเริ่มทําอะไรไม่ถูก
“ขอโทษครับ ผมไม่เป็นอะไร” กู้จวินหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อขับไล่ภาพในหัวอาทิ เรื่องบริษัทไล่เฉิงออกไป เขาพยายามทรงตัวเพื่อไม่ให้มือที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วต้องสัมผัสกับ เตียง โต๊ะหรือโต๊ะผ่าตัด “ ทุกคนครับ ผมขอโทษจริงๆ ผมเสียความสงบไปเล็กน้อย แต่ตอน นี้ผมสบายดีแล้ว”
ตอนนี้กู้จวินอยากจะใส่เดี่ยวกับนิมิต!! ให้เดา! บางที่เสียงกรีดร้องในนิมิตอาจจะเชื่อม โยงกับโลกจริง เขาจําได้ว่าเขาตะโกนกรีดร้องเสียงดังมาก และมันน่าเศร้าที่คนอื่นไม่ รู้เกี่ยวกับนิมิตนี้ ทุกคนจึงได้มองเขาราวกับเด็กปัญญาอ่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร มัน ทําให้กู้จวินคับแค้นใจอย่างมาก
จนถึงตอนนี้ผู้ปวยหมายเลข 25 บนเตียงผ่าตัดยังคงร้องตะโกนราวกําลังจะถูกเชือด แต่พยาบาลก็ปิดตาของเขาด้วยผ้าปัตตาที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเรียบร้อย เขาจึงเงียบลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
กู่จุนมองไปที่ผู้ปวย จากนั้นใบหน้าของเขากลับมามีความแน่วแน่และสงบนิ่งดั่งเดิม
“ เอาล่ะ! ได้เวลาแล้ว” จู้รุ่ยเหวินพยักหน้าแล้วครุ่นคิด ท้ายที่สุดแบบฝึกหัดการผ่าตัดช่องอก ของสุนัขหน้าคนมันก็เป็นเพียงการออกกําลังกาย พวกเขาต้องให้เวลามือใหม่คนนี้ในการปรับตัว อีกพักใหญ่
การเฝ้าดูการตายที่น่าเศร้าของสัตว์ และการเฝ้าดูการตายที่น่าเศร้าของเพื่อนมนุษย์
แนวคิดสองประการนี้แตกต่างกันอย่างมากสําหรับมนุษย์แต่ละคน และกู้จวินก็เช่นกัน
การมองไปที่ศพของผู้ปวยที่ตายไปแล้ว และการมองไปที่ผู้ป่วยที่กําลังดิ้นรนใกล้จะตายนั้น เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมากสําหรับแพทย์
ไม่ว่าพรสวรรค์ของกู้จวินจะผิดปกติเหนือฟ้าท้าสวรรค์เพียงใด แต่เขาก็ยังขาดประสบการณ์ ทางจิตวิทยา เมื่อจุ้รุ่ยเหวินเห็นว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่ปล่อยให้
กู้จวินออกไปพักผ่อน และตัดสินใจที่จะสังเกตสถานการณ์เด็กคนนี้ไปก่อนจากนั้น
จู้รุ่ยเหวินก็ส่งสัญญาณไปยังพยาบาลหมุนเวียน โดยสั่งงานทางสายตา
“เมื่อพบความผิดปกติใด ๆ กับกู้จวิน เธอจะต้องแจ้งให้ฉันทราบทันที่เพื่อจัดการกับมัน เข้าใจใหม?”
พยาบางหมุนเวียนพยักหน้าตอบรับทันที หลังจากนั้นทุกคนก็เข้าประจําที่อีกรอบ
“ ผู้ปวยมีอาการเพ้อแล้ว มาดําเนินการต่อเร็ว” จู้รุ่ยเหวินหยิบมีดผ่าตัดและมุ่งความสนใจไป ที่โต๊ะปฏิบัติการรักษาอีกครั้ง ศัลแพทย์ทุกคนยังกลับมาดําเนินการผ่าตัดอีกครั้งด้วยความเข้มแข็ง
กู้จวินละทิ้งความคิดที่บ้าคลั่งของเขาไว้ข้างหลัง “ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งคิดอะไรในตอนนี้ มาดําเนินการให้เสร็จสิ้นก่อน ค่อยว่ากัน” กู้จวินบอกกับตนเอง
เขาเฝ้าดูในขณะที่ศัลยแพทย์หลักจู้และผู้ช่วยคนแรกเชิงทําแผลด้วยความมุ่งมั่น
เขาขับไล่ความคิดของเขาเกี่ยวกับเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดของผู้ปวยออกไปทั้งหมด และทําให้สมองของ เขาไม่รับรู้เรื่องนี้ใดๆทั้งสิ้น
ศัลยแพทย์หลักและผู้ช่วยคนแรกทําแผลที่หลัง (ระหว่างคอและสะบัก) โดยหันกล้าม เนื้อหลังของคนไข้ออกจากกันและแยกแผ่นปิดด้านหลังออก ในขณะที่พวกเขากําลังตัด พวกเขาก็ ทําการห้ามเลือดด้วยเช่นกัน เพราะบริเวณที่พวกเขาผ่าตัดมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเลือดพุ่ง!
ในเวลานี้พวกเขาตัดกล้ามเนื้อ แลทิสสิมัส ดอซี่” และ “กล้ามเนื้อทราฟิเซียส” ออกทั้งหมด เลือดของผู้ปวยพุ่งออกมาอย่างไม่ลดละ และเพิ่งเจียงกัวก็ดูเหมือนจะยุ่งเกินกว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
“ อืม” จู่รุ่ยเหวินหันศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองไปที่ผู้ช่วยคนที่สองกู้จวินที่กําลังว่าง และผู้ช่วยคนที่สามหลี่หัวหลงที่กําลังยืนหน้านิ่ง ในที่สุดเขาก็ตะโกนอย่างลังเล “ ผู้ช่วยคนที่สอง มาเย็บแผลเพื่อห้ามเลือดหน่อย”
หลังจากนี้จะมีการผ่าตัดอีก 19 ครั้งในสามวันถัดไป ทีมของพวกเขาต้องการผู้ช่วยคนที่สอง ที่ยอดเยี่ยม อย่างน้อยก็ต้องยอดเยี่ยมกว่าเด็กใหม่ขวัญอ่อนคนนี้
การผ่าตัดวันนี้เป็นเพียงช่วงแรกของการทําแผลเท่านั้น มันยังเข้าอยู่ ถ้ากู้จวินยังทําไม่ได้ พวกเขาคงต้องเปลี่ยนตัวผู้ช่วยแล้วล่ะ
เมื่อทุกคนจับจ้องไปที่เขา กู้จวินก็ก้าวไปข้างหน้า “รับทราบครับ”
กู้จวินทําตามคําสั่งและเดินเข้าใกล้พื้นที่ปฏิบัติการผ่ายิ่งกว่าเดิม และตอนนี้เขาได้สังเกตเห็นว่าบริเวณหัวไหล่ของผู้ปวยด้านซ้ายที่ผิดรูปแบบได้กลายเป็นเนื้อและเลือดเหลวๆ ที่บิดเบี้ยวไปแล้ว