เพราะนี้คือการผ่าตัดครั้งใหญ่ ก่อนเริ่มการผ่าตัดศัลยแพทย์จึงได้เอาสายรัดพองมารัดที่บริเวณต้นแขนของผู้ปวยหมายเลข 25 แล้ว แม้ว่ามันจะช่วยลดการสูญเสียเลือดระหว่างการผ่าตัด ได้อย่างดีและไม่ก็ให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย
แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังมีเลือดสีแดงสดใหลออกมาจากบาดแผลอยู่ดี และไหลออกมา มากขึ้นเรื่อยๆ ศัลยแพทย์หลักจึงสั่งให้พยาบาลทําการถ่ายเลือดให้ผู้ปวยพร้อมกับทําการผ่าตัดต่อไป
กลิ่นสนิมเหล็กที่รุนแรงจากเลือดผสมกับเสียงขูดกระดูกของแขนที่ผิดปกติของผู้ปวย มันแรงกดดันไปยังกู้จวินอย่างไร้ความปราณี กู้จวินพยายามอดทนและรับคีมเหลีกที่ฆ่าเชื้อแล้ว จากพยาบาล และทําการย้ายตําแหน่งไปทําแผลที่ด้านข้าง
“ ระวังด้วย” จู้รุ่ยเหวินทิ้งคําแนะนําสุดท้ายให้กู้จวินและหันกลับไปทํางานในขั้นตอนของตัวเองต่อไป แม้เขาจะยกหน้าที่ทําแผลให้กู้จวินแต่เขาก็ยังคงต้องจัดการกับกระดูกสะบักเลเวเตอร์ที่บิดเบี้ยวและผิดรูปปกติอยู่ดี (กล้ามเนื้อคอและไหล่) และกล้ามเนื้อรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (หัวไหล่)
เพราะความผิดปกติของผู้ป่วยโรคมนุษย์ต้นไทรนั้นมีรากฐานมาจากภายในเนื้อเยื่อออกสู่พื้นผิว ดังนั้นความยากของการดําเนินการรักษาจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่ออาการของผู้ปวยเลื่อนระดับแล้วนั่นเอง
ด้วยความช่วยเหลือของผู้ช่วยคนที่ 2 กู้จวิน ผู้ช่วยคนที่ 1 เสิ่นเจียงกัวได้ย้ายไปช่วยศัลยแพทย์หลักทันที
กู้จวินมองแผลของผู้ปวยจากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ เมื่อรวบรวมสติได้กู้จวินก็ได้ทําการเย็บครั้งแรกของเขาบนกล้ามเนื้อที่บิดเบี้ยวและแปลกประหลาดของผู้ปวยที่ยังมีชีวิตคนนี้
“หืม!?? ผิวมันแข็งกว่าปกติเล็กน้อย ฉันคงต้องใช้แรงมากขึ้น
ทันทีที่มีอสัมผัสลงผิว..กู้จวินก็พลันหรี่ตาลงมองบนรอยตัดเส้นประสาทบนมือของเขาทันที และเขาก็สังเกตได้ว่ามือของเขานั้นปรับเข้ากับพื้นผิวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
กู้จวินพยายามคิดว่ามันเป็นแค่งานก็เท่านั้น! และพอคิดแบบนั้นจริงๆ มันก็น่ากลัวน้อยกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหน้าคนธรรมดาหรือแขนขาที่ผิดรูปของผู้ป่วย แต่สิ่งที่เขาต้องทําคือการเย็บแผลอย่างมืออาชีพ
เช่นเดียวกับการฝึกภาคปฏิบัติหลายพันครั้งที่เขาได้ทําในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาและครั้งนี้ก็เหมือนกัน มันก็คือการฝึกเย็บอีกครั้งหนึ่งก็เท่านั้นเอง
ในบรรดาศัลยแพทย์ทั้งหมดที่กําลังยุ่ง มีเพียงคนเดียวที่มีเวลาดูฝีมือของกู้จวินก็คือ ผู้ช่วยคนที่สามหลี่ฮัวหลง
และในขณะที่เขากําลังจับตาดูกู้จวิน บางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทันที
“ว้าว! นี่มัน…” ในฐานะพยาบาลหมุนเวียนคนหนึ่ง เขามีภาระหน้าที่ในการดูแลขั้นตอน และให้ความช่วยเหลือหากจําเป็น
ในตอนแรกเขาเชื่อว่าเด็กน้อยกู้จวินคนนี้จะบ้าคลั่งและตื่นตระหนกแน่นอน และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เขาอาจถูกไล่ให้ออกจากโต๊ะเพื่อสงบสติอารมณ์โดยคําสั่งของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า แต่ใครจะรู้? ฉากในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก เขาแทบไม่เชื่อ สายตาตัวเอง
นี้คือเด็กผู้ชายคนเดียวกับเด็กผู้ชายที่หวาดกลัวจนสลบกลางอากาศนั้นหรือเปล่า?
หลี่หัวหลงคิ้วขมวดมากขึ้นเมื่อเขาตู้กู้จวินลงมือเย็บแผลต่อไป กู้จวินเป็นเหมือนนักดาบที่ ฟันดาบของเขาอย่างเชี่ยวชาญ ว่องไวและตัดผ่านสายลมได้ราวกับปาดหน้าเต้าหู้ แค่มองก็ให้ ภาพความสง่างามที่บริสุทธิ์
กู้จวินเริ่มทําการเย็บแผลแบบใช้รอยประสาน การลงเข็มของเขาตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงจุด สิ้นสุดล้วนมีความคล้ายคลึงกับการเย็บต่อเนื่องแบบง่าย แต่กระบวนการนี้เห็นได้ชัด ว่ามันแสนจะซับซ้อน ทุกตะเข็บล้วนต้องผ่านห่วงของตะเข็บก่อนหน้านี้ วิธีนี้สามารถป้องกัน ไม่ให้แผลเปิดขึ้นมาใหม่ และมีบทบาทสําคัญมากขึ้นในการให้ยาห้ามเลือดในภายหลัง อย่าง ไรก็ตามวิธีนี้ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลาไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตามกู้จวินกําลังเย็บแผลด้วยความเร็วที่ว่องไวดุจพระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้เขาจะคิดว่านี้ เป็นแค่การเย็บ “ธรรมดา แต่การเย็บธรรมดาของเขา ก็หาศัลแพทย์เก่งๆ มาเทียบชั้นกกับเขาได้ ยากอยู่ดี
เมื่อเทียบกับเวลาในการเย็บแผลแล้ว มันก็เหมือนกับเขากําลังวิ่งเร็วปานสายฟ้าแลบ กู้จวินในสายตาของทุกคน เขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเครื่องจักรที่สามารถทํางานได้ไม่หยุดและแม่นยำ 100% แม้จะใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่องก็ตาม
“ กู้จวินเขาเป็น” ในใจของเขาหลีหัวหลง กู้จวินไม่ต่างจากพระเจ้า! เขาพึมพําด้วยความชื่นชม “ ช่างเป็นความสามารถพิเศษเสียจริงๆ”
ในตอนแรกขาไม่ได้เก็บงําความมุ่งร้ายต่อเด็กหนุ่มกู้จวิน เรื่องที่กู้จวินได้เป็นถึงผู้ช่วยคนที่ สอง… ถ้าเขาพอใจก็คงแปลกแล้ว ถ้านี่ไม่ใช่ “เฟคต้า” เขาคงคิดว่ากู้จวินคงแอบผ่านด่านลับๆ เข้า มาทางประตูหลังแน่นอน! โดยเฉพาะผลงานย่ําแย่ที่แค่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนก็เป็นลมก่อนนี้ มันยิ่งตอกย้ําให้เขาดูถูกกู้จวิน
ทว่า! ความสงสัยและความไม่พอใจทั้งหมดในหัวใจของหลี่หัวหลงได้หายไปแล้ว ความเย่อหยิ่งและความขุ่นเคืองในตอนแรกของเขาถูกโยนทิ้งออกไป
เมื่อเขาได้รับการยอมรับจากเฟคต้าแล้ว ความเชื่อที่ว่าเขามีความสามารถมากที่ฝังรากลึกอยู่ ในตัวเขาโดยธรรมชาติ และตอนนี้กู้จวินก็ได้ให้บทเรียนชีวิตแก่เขาอีกว่า “ จะมีคนที่ดีกว่าคุณเสมอ.แม้คุณจะดีแล้วก็ตาม”
“ ทําได้ดีมากผู้ช่วยคนที่สอง!” จุรุ่ยเหวินมองไปที่รอยประสานของกู้จวินที่ทําเสร็จแล้วและอุทานด้วยความชื่นชม ความประหลาดใจที่เขามีในตอนแรกเมื่อดูกู้จวินได้หวนกลับมาอยู่บนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
นี้คือกู้จวินที่ผู้อาวุโสฉันพูดถึง!!
เขาเก่งมากจริงๆ!
ตอนนี้เลือดหยุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องห้ามเลือดกันอีกต่อไป และขั้นตอนต่อไปก็สา มารถดําเนินการได้โดยศัลยแพทย์หลักและผู้ช่วยคนที่ 1 ทันที
จู้รุ่ยเหวินเริ่มลงมือกับกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นอีกครั้ง ในจังหวะนั้นเองเสียง ร้องของผู้ปวยก็ดังก้องไปทั่วห้องผ่าตัดอีกครั้ง ร่างกายของผู้ปวยกระตุกอย่างรุนแรงและส่งเสียง โห่ร้องอย่างเศร้าสลด
“ อาได้โปรด ได้โปรดปล่อยฉันไป… โอ้ โอ้ ลูกของฉัน ลูกสองคนของฉัน….ปล่อยพวกเขาไป พวกเขายังเด็ก…”
เสียงของผู้ป่วยครั้งนี้เต็มไปด้วยอารมณ์และความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าพวกเขา อาจอ้างว่าเป็นคําพูดเพ้อเจ้อ แต่ประโยคที่ผู้ป่วยพูดออกมานั้นที่มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกันทุกประการ ทุกคําที่เขาพูดสั่นสะเทือนหัวใจผู้คนอย่างสยดสยอง จนทุกคน เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันคล้ายกับว่าสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายได้เกิดขึ้น
คําพูดเหล่านี้ตอกย้ํำเจตจํานงของทุกคนในห้องผ่าตัด เช่นเดียวกับเรือลําหนึ่งที่แล่นไปในทะเลที่มีพายุพัดไป และเรือน้อยลํานั้นที่เคลื่อนไหวตามลมแรงและคลื่นซัดเข้ามาและเมื่อมันไม่สามารถยืนหยัดได้มันก็จะถูกกวาดลงไปในเหว
ในขณะที่คําพูดที่น่าสะเทือนใจของผู้ป่วยยังคงพูดเจื้อยแจ้วออกมา หัวใจของหลี่หัวหลงก็จะค่อยๆอ่อนแอลง เช่นเดียวกับสารพิษร้ายแรง ความเครียดทางจิตใจในตอนแรกนั้น ไม่มีอาการ แต่มันค่อย ๆ เข้ามาในหัวใจเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง
เมื่อถึงจุดแตกหักมันจะเริ่มการโจมตีอย่างกะทันหัน ในไม่ช้าผลของมันจะปรากฏขึ้น เช่น เดียวกับตอนนี้
มือขวาของหลี่หัวหลงซึ่งถือผ้าก็อชเพื่อทําความสะอาดเลือดและของเหลว สีดําจากบาดแผลก็พลันสั่นสะท้าน แม้เขาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้
ภายใต้แสงจ้าของโคมไฟที่ไร้เงา หน้าผากของเขาถูกส่องจนเป็นประกาย ความกดดัน จากคําพูดและความกังวลทําให้หลี่หัวหลงไม่อาจจะเยือกเย็นได้อีกต่อไป
“ น้องสาวเฉิน”
หลี่หัวหลงหันไปเรียกพยาบาลหมุนเวียนสาวทันที “ ขอโทษที่ทําให้คุณลําบาก ได้โปรดเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของฉันด้วย”
น้องสาวเฉินเป็นพยาบาลหมุนเวียน เธอรีบเดินไปหาหลี่หัวหลงในทันที เธอใช้ผ้าก๊อซสะอาด เช็ดแรง ๆ ที่หน้าผากของหลี่หัวหลงทําให้เขากลับมาสนใจการผ่าตัดและมีสติอีกครั้ง
บอกตามตรงว่าพยาบาลคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเตียงหลายคน พวกเธอก็อยากจะให้เด็กคน นี้เป็นเครื่อง “เตือนความจํา” ด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกพวกเธอต้องการพูดกับจุ็รุ่ยเหวินเรื่องของหลี่หัวหลง และช่วยให้เขาได้รับการเลือนตําแหน่งไปแทนที่เด็กแช่ อนิจจาตอนนี้พวกเธอรู้แล้วว่าหมอนั้นตัดสินใจได้สมบูรณ์แบบที่สุด
เป็นหลี่หัวหลงต่างหากที่ดูถูกกู้จวิน !!
การเอากู้จวินมาเปรียบเทียบกัลหลี่หัวหลงนั้นมันโหดร้ายเกินไป!
นับตั้งแต่กู้จวินเริ่มเย็บแผล ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้น เชิง แม้จะเผชิญกับความบ้าคลั่งของผู้ปวยในระยะเผาขน แต่ความสงบและความแน่วแน่ของเขาก็ ไม่สั่นคลอน
ตอนนี้ความเงียบสงบที่ไร้ที่ติของกู้จวิน อาจกล่าวได้ว่าเป็นแรงจูงใจและกําลังใจ
ของคนทั้งห้อง ท้ายที่สุดหากมือใหม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ สมาชิกที่มีประสบการณ์คนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องการที่จะแบกรับ “บาป” ในการเป็นคนแรกที่ยอมแพ้
“ ลูกของฉัน ลูกของฉัน” แม้ในขณะที่สติพร่าเลือนกําลังจะหายวับไป คนไข้ก็พูดประโยค นี้ซ้ํา ๆ อยู่เสมอ ราวกับว่านั่นคือความหวังสุดท้ายของผู้ปวยอย่างเธอ
“ ฟู่!!” กู้จวินยังคงหายใจเป็นจังหวะสม่ําเสมอ ในขณะที่มือของเขาทํางานอย่างว่องไว ดูเหมือนว่านิ้วของเขาจะเป็นอิสระจากร่างกาย ในขณะที่เขาสามารถขยับคีมอย่างรวดเร็วและแม่นยํา แม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อแค่ไหนก็ตาม
แน่นอนว่าเขาได้ยินคําพูดที่เจ็บปวดของผู้ปวย อย่างไรก็ตามเขาได้แยกแยะเรื่องงานและเรื่องความเห็นใจของเขาอย่างชัดเจน
แม้ว่าเขาจะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากให้กับคนอื่น แต่เขาก็แตกต่างจากขยะบริษัทไล่เฉิงพวกนั้น!
งานของเขาเรียบง่าย ช่วยชีวิตผู้คน” นั่นคือทั้งหมด
ลูกสองคนของคุณ
ครอบครัวและเพื่อนของคุณ
หากพวกเขาอยู่ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ กู้จวินจะต้องช่วยพวกเขาด้วยแน่นอน
กู้จวินสบถในใจอย่างเคร่งขรึม แต่สําหรับตอนนี้เขาคงไม่คิดเรื่องอื่น เพราะหน้าที่ของเขา ในตอนนี้ก็คือ เย็บแผล ลดการเสียเลือดให้คนไข้อย่างทันท่วงที
เพราะการมุ่งมั่นในงานทําให้กู้จวินไม่ได้สังเกตอาการตนเอง เมื่อใดก็ตามที่รุ่ยเหวินชี้ไปที่ ไหนเขาก็ปรี่เข้าไปเย็บ แม้ว่าหน้าผากของเขาจะเปล่งประกายราวกับท้องทะเลในฤดูร้อน แต่เขาก็ ไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย
จนพยาบาลหมุนเวียนต้องเรียกเขาเอง ไม่อย่างนั้นชาตินี้คงไม่ได้เข็ด! “ ผู้ช่วยคนที่สอง หันหน้ามาทางนี้สิ ฉันจะเช็ดเหงื่อให้คุณเอง”