บทที่ 124 วาสนาของบุตรแห่งฟ้าดิน บุตรแห่งสวรรค์ระดับมหายานอายุพันปี
หานเจวี๋ยตะลึงกับตบะของจั้งกูซิง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ล้วนเป็นความคิดที่จะสร้างความประทับใจหลากหลายวิธี
สุดท้าย เขาก็ล้มเลิกความคิดต่างๆ นานาเหล่านี้ไป
ตีเหล็กยังต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง!
ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง อย่าคิดแต่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งของผู้อื่นไปตลอด!
หานเจวี๋ยรวมพลัง เริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ
เผชิญหน้ากับเซวียนฉิงจวินที่อยู่ระดับมหายานขั้นสาม เขาแสดงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพออกมาทันที
สังหารในชั่วพริบตา!
หานเจวี๋ยไม่หยุดเพียงเท่านั้น ปรับตบะของเซวียนฉิงจวินให้ขึ้นเป็นระดับมหายานขั้นสี่
สังหารในชั่วพริบตา!
ระดับมหายานขั้นห้า!
ไม่สามารถสังหารในชั่วพริบตา แต่สามารถทำให้เซวียนฉิงจวินบาดเจ็บหนัก!
ระดับมหายานขั้นหก!
เอาล่ะ โจมตีไม่โดนเลย ถูกเซียนฉิงจวินสังหารในชั่วพริบตา
ผู้มีฝีมือต้องเจียระไน ชัยชนะและความพ่ายแพ้มักเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ผู้ใดลงมือก่อน ผู้นั้นย่อมเป็นฝ่ายชนะ!
หานเจวี๋ยลองทดสอบอีกสองสามครั้ง ปฏิกิริยาตอบสนองไม่เร็วเท่าเซวียนฉิงจวินจริงๆ
รับมือกับจักพรรดิมารได้ก็เพียงพอแล้ว
หากจี้ไน่เหอแข็งแกร่งกว่าเซวียนฉิงจวิน เช่นนั้นก็คงจะไม่ตายในเคราะห์สวรรค์ขณะขึ้นสวรรค์แน่ๆ
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น นำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เตรียมสาปแช่งจี้ไน่เหอ มารหลัวฉิว นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน จูเชวี่ยและโม่โยวหลิง
ภารกิจประจำวัน จะละเลยไม่ได้!
หานเจวี๋ยเปิดจดหมายเพื่อตรวจสอบ
ผ่านมาหลายปีเพียงนี้ ไม่รู้ว่าฟางเหลียงเป็นอย่างไรบ้าง
[สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นสัตว์เลี้ยงเทพของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก] x38222
[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x12004
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่กระจายความโชคร้าย ดวงชะตาของราชวงศ์ฝ่ายมารถดถอยอย่างหนัก]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านบังเอิญพบโอกาสวาสนา ได้รับพลังเทพหลอมกายา]
[มารหลัวฉิวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังสายหลัก ตัวตายมรรคผลสลาย]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านข้ามขอบเขตพลังสังหารผู้บำเพ็ญสายมารระดับเปลี่ยนวิญญาณ ตรัสรู้พลังวิเศษ]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x41172
…..
เยี่ยมมาก!
ภายในเวลาแปดปี ฟางเหลียงได้พบเจอโอกาสถึงสี่ครั้ง!
นี่น่ะหรือบุตรแห่งฟ้าดิน
น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียว!
หานเจวี๋ยตกใจจนพูดไม่ออก ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามารหลัวฉิวกลับตายไปแล้ว?
เขารีบร้อนตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ในทันที
ภาพประจำตัวของมารหลัวฉิวหายไปแล้ว
หานเจวี๋ยรู้สึกเศร้าสลดอยู่บ้าง
บางคนก็หายไปโดยไม่รู้ตัว
ภารกิจประจำวันลดลงไปอีกหนึ่ง
จะว่าไป หนึ่งในห้ามารอาวุโสตายไป สายหลักก็เริ่มทรงพลังแล้ว?
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ในสายตาของหานเจวี๋ย ในใต้หล้านี้สายหลักแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่า?
สุดท้ายสายมารก็เป็นวิธีการฝึกบำเพ็ญที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
แม้แต่ตนเองยังควบคุมไม่ได้ แล้วจะตามมามหามรรคาได้อย่างไร
หานเจวี๋ยลอบหยอกล้อกับตนเองว่า “จี้ไน่เหอเอ๋ยจี้ไน่เหอ หวังว่าจะมีโอกาสให้ข้าได้สังหารเจ้านะ อย่าได้ตายไปก่อนที่ข้าจะได้พบเจ้า”
…..
ห้าปีต่อมา
หานเจวี๋ยทะลวงสู่ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นเจ็ดอย่างราบรื่น
เขาพึงพอใจกับความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของตนมาก เมื่อเทียบกับสหายและศัตรูในค่าความสัมพันธ์ ความเร็วในการทะลวงของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน
ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของอู้เต้าเจี้ยนก็เร็วมากเช่นเดียวกัน คาดว่าอีกไม่นานจะสามารถบุกเข้าระดับปราณก่อกำเนิดได้
หยางเทียนตงเข้าใกล้ระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ไก่คุกรัตติกาลยังคงต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในระดับสุญตา ตบะค่อนข้างเชื่องช้า
วันนี้เอง
โม่จู๋เรียกเขาจากด้านในตำหนัก น้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน เมื่อหานเจวี๋ยสัมผัสได้ก็พลันเคลื่อนย้ายไปที่ตำหนักทันที
“มีเรื่องใด” หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด
โม่จู๋ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนอย่างเงียบๆ ตบะของนางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เกือบจะบรรลุถึงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์ที่สืบทอดกันมาของบรรพบุรุษตระกูลโม่นั้นจะไม่ธรรมดา
โม่จู๋กัดฟันเอ่ยว่า “ข้าต้องการออกไปข้างนอก ได้โปรดเถิด ปล่อยข้าออกไป เผ่ามนุษย์ของข้ากำลังรอให้ข้าไปช่วย”
“ช่วยผู้ใด โม่ฟู่โฉวหรือว่าบรรพบุรุษของเจ้า”
“ช่วยทุกคน!”
หานเจวี๋ยเงียบงัน
ตระกูลโม่นี่ก็ได้สร้างกลุ่ม QQ[1] ไว้ในสายเลือดหรือ พวกเขาติดต่อกันอย่างไรกันแน่
โม่จู๋คว้ามือของหานเจวี๋ยไว้ พูดอย่างจริงจังว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวลอะไร กังวลว่าข้าจะถูกบรรพบุรุษตระกูลโม่หลอกลวง แต่ถึงแม้ตระกูลโม่ของพวกเราจะเป็นสายมาร แต่ใช่ว่าจะเย็นชาไร้หัวใจ ยามนี้ ตระกูลโม่ทั้งหมดถูกผนึก เหลือเพียงข้าที่ยังอยู่ หากข้าไม่ช่วยพวกเขา ตระกูลโม่ก็จะจบสิ้น”
“ไม่ง่ายเลยกว่าที่ข้าจะพบว่านอกจากพี่ชายของข้าแล้ว ตระกูลโม่ยังมีคนอื่นๆ หลงเหลืออยู่ ข้าไม่สามารถมองข้ามความเจ็บปวดของพวกเข้าได้”
หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นอย่างเรียบนิ่ง “เจ้าอาจจะตายได้ เจ้ายังจะไปอยู่หรือ”
โม่จู๋พยักหน้าหนักแน่น
หานเจวี๋ยนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่เขาตระเตรียมไว้นานแล้วมอบให้นาง เอ่ยว่า “เก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติ ยามวิกฤตมันสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ แต่ก็เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากไปครั้งนี้ เจ้าก็อย่าได้คิดว่าข้าจะออกไปช่วย หากเจ้าตาย พวกเราทำได้เพียงสานวาสนากันใหม่ในภพหน้า”
อย่างไรเสียโม่จู๋ก็ถูกเขาประทับตราประทับหกวิถีแล้ว ที่ควรบอกก็ต้องบอกให้ชัดเจน
เอ่ยเพียงเท่านี้ หานเจวี๋ยก็หันหลังจากไป
โม่จู๋รู้สึกกล้ำกลืน นางเองรู้ดีว่าหานเจวี๋ยเป็นห่วงนาง เพียงแต่การไขว่คว้าของมนุษย์หาใช่เพียงเพื่อความปลอดภัยของตนเองเท่านั้น
นอกจากตนเองและหานเจวี๋ยแล้ว นางยังเป็นห่วงผู้อื่น
หลังจากออกจากตำหนัก หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงให้นักพรตเต๋าจิ้งซวี ขอให้นางปลดผนึกและปล่อยโม่จู๋ออกไป
เมื่อกลับมาถึงภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยเปิดดูภาพประจำตัวของโม่โยวหลิงเพื่อตรวจสอบดูอีกครั้ง
ตบะระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นห้า ยามนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของหานเจวี๋ยอีกต่อไป
ด้วยการสาปแช่งของหานเจวี๋ยตลอดทั้งปี ก่อนหน้านี้โม่โยวหลิงถูกธาตุไฟเข้าแทรก เวลานี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส
‘หลังจากนี้ข้าจะไม่สาปแช่งเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ
โม่โยวหลิงเป็นศัตรูกับเขา แต่ไม่จำเป็นต้องทำร้ายโม่จู๋ อย่างไรเสียนางก็เลือกโม่จู๋เป็นผู้สืบทอดของตัวเอง
หากกล้าเข้ามาวุ่นวาย ก็จะถือว่าปล่อยให้โม่จู๋ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง อย่างไรเสียยังมีหุ่นเชิดแห่งสวรรค์อยู่ การสังหารโม่โยวหลิงในชั่ววินาทีไม่ใช่เรื่องยาก
‘เห็นเช่นนี้แล้ว ข้าคงต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่ทิ้งข้าไป ลดเรื่องราวยุ่งยากลงไปได้มากทีเดียว’
หานเจวี๋ยคิดพลางหัวเราะกับตัวเอง เวลาผ่านไปหลายปีเพียงนี้ พวกเขาก็คงกลายเป็นเถ้ากระดูกไปแล้ว
หากพวกเขายังจำหานเจวี๋ยได้ พวกเขาจะต้องประทับใจในตัวหานเจวี๋ยแน่ ครั้นแล้วก็เข้าไปดูในหน้าต่างค่าความสัมพันธ์
ทว่า กลับไม่มี
แน่นอน บางทีพวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ไม่คิดถึงหานเจวี๋ยเท่านั้น
หานเจวี๋ยกลับไปฝึกฝนต่อ ไม่ได้สนใจโม่จู๋อีก
ทุกคนล้วนมีปณิธานเป็นของตนเอง เขาไม่อาจกำหนดปณิธานของเขาให้กับทุกคนรอบตัวได้
หากมีวันหนึ่ง ศิษย์ของเขาต้องจากไปเพราะไม่มีทางเลือกหรือมีเรื่องลำบากที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หานเจวี๋ยก็ไม่สามารถที่จะฝืนบังคับกักขังพวกเขา
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่หานเจวี๋ยควบคุมได้ก็มีเพียงตัวเองเท่านั้น
เขามีเพียงเป้าหมายเดียว
มีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ!
เส้นทางการบำเพ็ญเพียรนี้ ถูกกำหนดให้โดดเดี่ยว!
ผู้คนรอบกาย หากหานเจวี๋ยสามารถช่วยได้ก็ช่วย แต่เขาจะไม่มีวันยอมเฉือนเนื้อตัดกระดูกเพื่อพวกเขาเด็ดขาด
…..
สองปีต่อมา
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งเดินทางมาเยี่ยมเยียน
“ผู้อาวุโสหาน มีข่าวดี ท่านกล่าวไม่ผิดจริงๆ ไม่จำเป็นที่สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ต้องลงมือ สายมารก็ไม่อาจทำสำเร็จ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายหลักลงมือแล้ว มารหลัวฉิวผู้เป็นหนึ่งในห้ามารอาวุโสถูกบุตรแห่งสวรรค์ผู้โดดเด่นในจวนเซียนสวรรค์ผู้หนึ่งสังหาร กล่าวกันว่าบุตรแห่งสวรรค์ผู้โดดเด่นท่านนั้นมีอายุเพียงพันปี ช่างน่ากลัวจริงๆ” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เขานึกว่ามารหลัวฉิวถูกล้อมตีจนตาย คิดไม่ถึงว่าจะถูกสังหารโดยบุตรแห่งสวรรค์จากจวนเซียนสวรรค์เพียงผู้เดียวเช่นนี้
อายุพันปีก็สามารถสังหารหนึ่งในห้ามารอาวุโสได้ ไม่อาจดูแคลนจริงๆ
ระดับมหายานอายุพันปี?
น่ากลัวเกินไปแล้ว
หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นตอนนี้สายมารก็กำลังอยู่ในสถานการณ์ตื่นตระหนกใช่หรือไม่”
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งส่ายหน้า เอ่ยว่า “การตายของมารหลัวฉิวกลับทำให้ความขัดแย้งระหว่างสายหลักและสายมารทวีความรุนแรงมากขึ้น ได้ยินมาว่ามารอาวุโสอีกสี่คนที่เหลือกำลังจะออกมา”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
‘เซวียนฉิงจวินจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่’
กล่าวตามตรง เขาไม่ต้องการให้เซวียนฉิงจวินมาตายในหายนะครั้งนี้
เพียงแต่เขามักจะรู้สึกว่าเซวียนฉิงจวินกลับไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายสายมารอย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ช่วยเขาปกปิดเรื่องที่เขาสังหารพญาอสรพิษหยกแน่
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
จู่ๆ ก็มีอักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ย
[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]
…………………………………………………………………………
[1] QQ คือ แอพพิเคชันที่ใช้ติดต่อสื่อสารของประเทศจีน