บทที่ 13 สัตว์ปีศาจลึกลับ เจ้าสำนักหายสาบสูญ
ก่อนกลับมาที่ถ้ำเทวา หานเจวี๋ยกดรับสืบทอดวิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น
เขาต้องเสริมศักยภาพของตนเองให้แกร่งก่อน เผื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น
[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]
อาศัยดวงชะตาแต่กำเนิดนี้ หานเจวี๋ยสำเร็จวิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นโดยสมบูรณ์ในหนึ่งชั่วยาม
วิชาท่าเท้านี้มีทั้งหมดเจ็ดขั้น ในทุกการฝึกแต่ละขั้นจะสามารถแยกเงาได้หนึ่งร่าง เสี้ยวเงาเจ็ดชั้นทำให้ศัตรูสับสน และทำให้ศัตรูแยกร่างจริงไม่ออก อีกทั้งวิชาท่าเท้านี้ยังเพิ่มความเร็วในการหลบหนีได้ด้วย
หลังจากเรียนรู้สำเร็จ หานเจวี๋ยกลับไปเก็บของที่ถ้ำเทวา จากนั้นไปยังเมืองของสำนักฝ่ายใน
เขาไปหอภารกิจเพื่อรับภารกิจก่อน แล้วจึงค่อยไปที่หอสัตว์เลี้ยงปีศาจ
…
ภายในตำหนักหยกวิเวก
เซียนซีเสวียนจ้องมองผู้เฒ่าเถี่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางเปิดปากเอ่ยช้าๆ “เรื่องในอดีตระหว่างเจ้าและหานเจวี๋ย ข้าไม่อยากถือสาเอาความ จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง เจ้าจะต้องเคารพเขา นับถือเขา จากที่ข้ารู้จักหานเจวี๋ยมา เขาจะไม่คิดบัญชีกับเจ้าเช่นกัน เจ้าสบายใจได้”
ผู้เฒ่าเถี่ยคุกเข่าอยู่ในตำหนัก ถอนหายใจโล่งอกแล้วพยักหน้าช้าๆ
“ต่อไปหานเจวี๋ยจะเป็นศิษย์สืบทอดของยอดเขาหยกวิเวก สร้างสัมพันธ์อันดีกับเขาไว้เสีย มีแต่จะเป็นผลดีต่อเจ้า หากไม่ได้มีความอาฆาตแค้นถึงตาย ให้อภัยได้ก็ให้อภัยไปเถิด”
คำพูดของเซียนซีเสวียนทำให้ผู้เฒ่าเถี่ยตกตะลึง
ศิษย์สืบทอด!
เซียนซีเสวียนให้ความสำคัญกับหานเจวี๋ยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แต่เมื่อนึกถึงความเร็วในการทะลวงระดับของหานเจวี๋ย เขาก็นิ่งเงียบ
เจ้าเด็กนั่นเหมาะสมอย่างแท้จริง!
…
เมื่อเดินออกจากค่ายกลส่งตัว หานเจวี๋ยก็มาถึงแดนหมื่นปีศาจ
ท้องฟ้าของแดนหมื่นปีศาจปกคลุมด้วยเมฆครึ้มหนาแน่น ราวกับว่าฝนพร้อมเทกระหน่ำลงมาทุกเมื่อ
หานเจวี๋ยหยิบกระบี่บินออกมา เริ่มใช้วิชาขี่กระบี่ออกเดินทาง
ตามที่ศิษย์หอสัตว์เลี้ยงปีศาจผู้นั้นมอบหมายมา เขาต้องหาหอของยอดเขาหยกวิเวกเสียก่อน นั่นจะเป็นสถานที่ที่เขาควบคุมดูแล หอหลังนี้มีกลไกต้องห้าม ปกติพวกสัตว์ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
แน่นอน เขาไม่สามารถอยู่แต่ในหอได้ตลอด หากพบเจอสัตว์ปีศาจออกอาละวาด เขาต้องลงมือจัดการ เพื่อลดความเสียหายของสำนักหยกพิสุทธิ์
สัตว์เลี้ยงปีศาจทุกตัวในแดนหมื่นปีศาจ สำนักหยกพิสุทธิ์ใช้เงินมหาศาลซื้อมาทั้งสิ้น การเลี้ยงดูพวกมันก็ต้องใช้ทรัพยากรหมดไปจำนวนมาก
หอหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากค่ายกลส่งตัว ไม่นานหานเจวี๋ยก็หาพบ
ตัวหอมีสองชั้น ไม่ใหญ่สักเท่าไร ข้างในโล่งกว้าง ว่างเปล่าไร้ผู้คน
หลังจากหานเจวี๋ยทำความคุ้นเคยกับกลไกต้องห้ามแล้วก็เริ่มนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญ
การฝึกฝนที่แสนน่าเบื่อและยาวนานเริ่มขึ้นอีกครั้ง!
หานเจวี๋ยมีอายุห้าสิบปีแล้ว
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 50/196]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[ตบะ: ระดับสร้างฐานขั้นเก้า]
[วิชายุทธ์: วิชาวัฏจักรหกวิถี (สืบทอดได้) ]
[วิชาเวท: ดรรชนีกระบี่เทพ ย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น]
[พลังวิเศษ: ไม่ปรากฏ]
[อาวุธเวท: ไม่ปรากฏ]
[คุณสมบัติรากวิญญาณ: ร่างวิญญาณหกสาย ประกอบด้วยรากวิญญาณวายุ รากวิญญาณอัคคี รากวิญญาณวารี รากวิญญาณพสุธา รากวิญญาณพฤกษา และรากวิญญาณอัสนีระดับสูงสุด เสริมดวงชะตาขึ้นอีกระดับ]
[ดวงชะตาแต่กำเนิดมีดังนี้]
[ไม่เป็นสองรองใคร: รูปโฉมหล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ระดับสูงสุด]
[ชะตาเซียนกระบี่: คุณสมบัติมรรคกระบี่ระดับสูงสุด ความเข้าใจมรรคกระบี่ระดับสูงสุด]
[ความไวของท่าร่าง: คุณสมบัติท่าร่างระดับสูงสุด]
[ทายาทจักรพรรดิเซียน: ได้รับวิชายุทธ์บำเพ็ญเซียนระดับสูงและหินวิญญาณชั้นสูงหนึ่งพันก้อน]
[ตรวจสอบค่าความสัมพันธ์]
…
เขาฝึกฝนรากวิญญาณวายุถึงระดับสร้างฐานขั้นหก นอกจากรากวิญญาณอัสนีแล้ว รากวิญญาณสายอื่นๆ ยังคงอยู่ระดับสร้างฐานขั้นห้า
หานเจวี๋ยไม่มีอะไรทำ จึงกดเปิดค่าความสัมพันธ์ขึ้นมาดู
คาดไม่ถึงว่าสิงหงเสวียนจะทะลวงถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าแล้ว
น่าสนใจอยู่บ้าง
ผู้เฒ่าเถี่ยยังอยู่ระดับสร้างฐานขั้นแรก
หานเจวี๋ยกดเปิดดูจดหมาย
[โม่จู๋สหายของท่านถูกผู้บำเพ็ญสายมารจู่โจม เกือบจะได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[โม่จู๋สหายของท่านถูกศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์จู่โจม ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตกลงจากหน้าผาสูงชัน]
หานเจวี๋ยพูดไม่ออก
เป็นไปตามคาด ถ้ำเทวานั้นมีกลลวง โชคดีที่เขาไม่ได้ไป
โม่จู๋ผู้นั้นน่าเวทนายิ่งนัก หานเจวี๋ยทำได้เพียงภาวนาให้นางอย่างเงียบๆ
“โฮก…”
จู่ๆ ด้านนอกหอก็มีเสียงคำรามดังเข้ามา หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว รีบผุดลุกขึ้นยืน
เมื่อออกไปนอกประตูใหญ่ เขาเห็นแมวขาวตัวหนึ่งยืนอยู่บนกิ่งไม้
แมวขาวตัวนี้รูปร่างผอมเพรียว แต่มีลายคล้ายกับเสือขาว ดวงตาสีม่วงยิ่งมีเสน่ห์ร้ายกาจ
หานเจวี๋ยไม่รู้สึกถึงอันตราย จึงไม่ได้สนใจเจ้าแมวขาวตัวนี้อีก
ในเวลานี้เอง!
จู่ๆ แมวขาวก็กระโจนมาทางหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นหลบหลีกตามสัญชาตญาณ
แมวขาวชนเข้ากับกำแพงของหออย่างจัง มันถีบขาทั้งสี่ แล้วหมุนตัวมากระโจนใส่หานเจวี๋ยต่อ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว กลไกต้องห้ามกลับไม่ทำงาน?
เขากระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว และมายังพื้นที่โล่ง
แมวขาวกระโดดเข้าหาอีกครั้ง ความเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ราวกับสายฟ้าแลบ
“ว่องไวมาก!”
หานเจวี๋ยใช้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้น แยกออกเป็นเจ็ดร่างเงาแล้วล้อมแมวขาวไว้ หานเจวี๋ยทั้งเจ็ดคนยกมือขึ้นพร้อมกัน ก่อนส่งดรรชนีกระบี่เทพออกไป
แมวขาวหันซ้ายมองขวา ตั้งตัวป้องกันไม่ทัน จึงถูกปราณกระบี่ของจริงโจมตีเข้าใส่
เลือดสดสาดกระเซ็น มันส่งเสียงร้องครวญคราง
มันหลบหนีอย่างรวดเร็ว กระโดดเข้าไปในป่าแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หานเจวี๋ยลดมือลง จากนั้นจึงกลับเข้าไปในหอ
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ พลางปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก
โชคดีที่เขาเรียนรู้วิชาย่างก้าวลวงตาเจ็ดชั้นไว้ล่วงหน้า ดูจากความว่องไวของแมวขาวแล้ว ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันจริงๆ
‘แมวขาวตัวนั้นมาจากที่ไหน รวดเร็วว่องไวขนาดนี้ โชคดีที่มันไม่มีท่าโจมตีอื่น’
หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ
ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ต้องระวังตัวมากขึ้นแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น หานเจวี๋ยก็ฝึกฝนต่อ
……
ภายในตำหนักหลังหนึ่ง
ผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาจากทั้งสิบแปดยอดเขามารวมตัวกันที่นี่
“เจ้าสำนักไม่อยู่ ระยะนี้สัตว์ปีศาจในแดนหมื่นปีศาจออกอาละวาด พวกเราต้องเร่งตรวจสอบ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้น
เขาเป็นผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของยอดเขาอัสนีสวรรค์ นามว่าเซียนเฒ่าเต้าเหลย
“เรื่องนี้มีเงื่อนงำมาก ข้ารู้สึกว่าต้องเกี่ยวข้องกับลัทธิมารฟ้ามืด”
“ไม่ผิดแน่ บริเวณใกล้ๆ ถ้ำเทวาของหลี่เฉียนหลงมีผู้บำเพ็ญสายมารของลัทธิมารฟ้ามืดปรากฏกาย ข้าสงสัยว่าในหมู่พวกเราคนระดับสูงจะมีหนอนบ่อนไส้ พอเจ้าสำนักออกไป พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง”
“หรือว่าลัทธิมารฟ้ามืดคิดจะใช้ประโยชน์จากสัตว์ปีศาจที่แดนหมื่นปีศาจ?”
“มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง หลังผ่านการบ่มเพาะดูแลสองร้อยปีจากสำนักหยกพิสุทธิ์ แดนหมื่นปีศาจก็มีพละกำลังที่ไม่อาจดูแคลนได้แล้ว”
“พวกเราส่งศิษย์เข้าไปที่แดนหมื่นปีศาจเพิ่มอีกหน่อยเถิด”
เหล่าผู้อาวุโสต่างแย่งกันแสดงความคิดเห็น
เซียนซีเสวียนนั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้กล่าวแทรกขึ้นมา
หลังจากปรึกษาหารือกันสักครู่ สุดท้าย แต่ละยอดเขาเห็นพ้องต้องกันให้ส่งศิษย์เข้าไปที่แดนหมื่นปีศาจเพิ่มอีกสองคน
ผู้อาวุโสต่างแยกย้ายกันจากไป ในขณะที่เซียนซีเสวียนเตรียมตัวจะกลับ เซียนเฒ่าเต้าเหลยก็พลันเรียกนางเอาไว้
รอจนในตำหนักเหลือเพียงพวกเขาสองคน เซียนเฒ่าเต้าเหลยถึงถามว่า “ศิษย์น้องหญิง เหตุใดเมื่อครู่เจ้าไม่กล่าวอะไรเลย”
เซียนซีเสวียนตอบอย่างสงบ “เรื่องพวกนี้ให้พวกท่านตัดสินใจก็พอแล้ว”
เซียนเฒ่าเต้าเหลยหรี่ตาลงพลางเอ่ยถาม “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้าสำนักพาศิษย์แกนหลักทั้งสิบแปดคนนั้นไปที่ใด”
เซียนซีเสวียนไม่ได้กล่าวตอบ
“ถ้าหากมีหนอนบ่อนไส้ภายในเหล่าผู้อาวุโสจริงละก็ เช่นนั้นคนที่ข้าเชื่อถือได้ก็มีเพียงเจ้าศิษย์น้องหญิง เราต้องร่วมมือกัน” เซียนเฒ่าเต้าเหลยพูดอย่างจริงจัง
เซียนซีเสวียนตอบว่า “นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรข้ากับท่านก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน”
เซียนเฒ่าเต้าเหลยแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจ
…
แดนหมื่นปีศาจ
นับตั้งแต่แมวขาวหนีไปก็เป็นเวลาสองปีแล้ว พลังวิญญาณทั้งห้าสายของหานเจวี๋ยบรรลุถึงระดับสร้างฐานขั้นหก
ฝึกฝนช้าๆ แต่มั่นคง!
ระยะห่างจากระดับรวมแก่นปราณ นับว่าเขามาได้ครึ่งทางแล้ว
“สหายน้อย นี่เจ้าใช้แดนหมื่นปีศาจเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญหรือ”
เสียงหยอกล้อลอยเข้ามา หานเจวี๋ยลืมตามองไป พบว่าตรงทางเข้าไม่รู้มีชายชราท่านหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร
ชายชราท่านนี้สวมชุดผ้าทำอย่างหยาบ ในมือเขย่าน้ำเต้าสุราไปมา จมูกแดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้า
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม “ท่านคือผู้ใดกัน”
เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เลยสักนิดเดียว
อันตรายเกินไปแล้ว!
……………………………