บทที่ 157 คำสาปลึกลับ ศัตรูผู้แข็งแกร่งมาซุ่มโจมตี
ผ่านการหยั่งรู้มาหนึ่งปี หานเจวี๋ยรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
เขาเริ่มทำการจำลองการทดสอบ
สู้ประจันหน้ากับยมทูตดำขาว!
ประจันศึกหนึ่งต่อสอง!
ยมทูตดำขาวล้วนเป็นพวกระดับเซียนอิสระขั้นห้า
เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น หานเจวี๋ยก็สำแดงไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิออกมาทันที เงากระบี่หลายล้านเงาแตกปะทุ ฆ่าสังหารจนยมทูตดำขาวไม่มีที่ให้หลบลี้ อานุภาพแข็งแกร่งปลิดชีพในพริบตา!
หานเจวี๋ยเป็นเซียนกระบี่หวนคืน สิ่งมีชีวิตในแดนหยินหยางสองแดนเขาล้วนสามารถขยี้สังหารได้ทันที
ถือว่าไม่เลว!
ขอแค่ปลิดชีพในพริบตาได้ก็พอ
เพียงไม่รู้ว่าหากได้พบนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนที่อยู่ในระดับเซียนอิสระขั้นแปด จะสามารถปลิดชีพในพริบตาได้หรือไม่
เมื่อนึกถึงนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน หานเจวี๋ยก็พลันรู้สึกว่าตนผ่อนปรนลงแล้ว
บางทีจิตใจที่ไม่สงบอาจไม่ได้เป็นเพราะวังสวรรค์ หากแต่เป็นเพราะนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน?
มีความเป็นไปได้มาก!
หานเจวี๋ยรีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนทันที
หลังจากสาปแช่งหกวัน เขายังคงไม่วางใจ
เช่นนั้นอาจยอมสละอายุขัยสักหน่อย สาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนจนตายเสียก็สิ้นเรื่อง?
อย่างไรเสียเขาก็มีอายุขัยถึงหนึ่งล้านปี!
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ใจของหานเจวี๋ยก็พลันเต้นรัว
ไม่ได้!
เมื่อมีครั้งแรก ก็จะมีครั้งที่สอง แล้วก็มีครั้งต่อไปอีกนับไม่ถ้วน!
นี่ก็เหมือนกับสิ่งล่อลวงในสังคมยุคสมัยใหม่ นี่เป็นหลุมพราง นี่คือกับดัก!
หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา จากนั้นก็เริ่มตรวจดูกล่องจดหมาย
ไม่รู้ว่าแดนบำเพ็ญพรตในช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านบังเอิญพบโอกาสวาสนา เมตตาโปรดสัตว์เทพ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนศัตรูของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จี้เหลิ่งฉานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนศัตรูของท่าน ตัวตายมรรคผลสลาย]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x76544
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านฝันว่าเข้าสู่มรรคาสวรรค์ในขณะฝึกบำเพ็ญ พลังมรรคเพิ่มพูน]
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10223
…
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน!
เจ้านี่ลงมายังโลกมนุษย์แล้ว?
หานเจวี๋ยตกใจ
จี้เซียนเสินได้รับบาดเจ็บสาหัส จี้เหลิ่งฉานถูกสังหารในทันที หรือจวนเซียนสวรรค์จะถูกนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนจัดการแล้ว
ไม่ได้ ต้องสาปส่งเจ้าหมอนี่ให้ตาย!
หานเจวี๋ยนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาอีกครั้ง สาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนต่อไป
ถึงแม้เขาจะสามารถปลิดชีพยมทูตดำขาวได้ในพริบตา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลิดชีพนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนภายในพริบตาได้
แม้กระทั่งอาจจะไม่สามารถโจมตีให้พ่ายแพ้ได้
อย่างไรเสียยมทูตดำขาวกับนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนก็ห่างกันถึงสามขั้นเล็ก!
…
ทิวเขาทอดยาวเรียงราย ท้องนภาแจ่มใสไกลหมื่นลี้ ผืนฟ้างดงามวิจิตรเหลือคณา
บนยอดเขามหึมาที่สูงหลายพันจั้ง ตำหนักหลังแล้วหลังเล่าถูกทำลายจนพังยับเยิน ควันคลุ้งขุ่นมัว
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนนั่งอยู่ภายในโถงตำหนักใหญ่ที่ปรักหักพัง ใบหน้าของเขาขาวซีด ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ที่มุมของโถงตำหนักใหญ่ กลุ่มคนชั้นสูงของจวนเซียนสวรรค์ถูกคุมขังอยู่ในตะรางช่องแต่ละช่อง หนึ่งในนั้นรวมถึงจี้เซียนเสินด้วย
“เขาเป็นอะไร”
“ได้รับบาดเจ็บหรือ ใครทำร้ายเขากัน”
“อาจจะธาตุไฟเข้าแทรกกระมัง”
“เดิมทีเขาก็เป็นผู้บำเพ็ญสายมาร ในใจอาจจะมีสิ่งชั่วร้าย ยามนี้อาจกำลังต่อสู้อยู่ก็เป็นได้”
“เฮ้อ เขาคิดจะจับพวกเรามาทำอะไรกันแน่ เหตุใดถึงไม่ฆ่าพวกเราเสีย”
จี้เซียนเสินสีหน้ามืดทะมึน ไม่ได้ร่วมวงสนทนาซุบซิบกับคนอื่นๆ
เขาจ้องมองนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย แทบอยากจะบดเขาให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน เขาพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า แม้กระทั่งอนาถกว่ายามที่เผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยเสียอีก อย่างน้อยหานเจวี๋ยก็ยังออมมือให้เขาอยู่บ้าง แต่นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนไม่ได้ทำเช่นนั้น
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนไม่เพียงแต่โจมตีเขา ซ้ำยังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา
จี้เซียนเสินเฝ้ารอโอกาสมาโดยตลอด
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนถึงไม่สังหารพวกเขาเสียให้หมด แต่เขาเข้าใจดีว่านี่คือโอกาส!
และในตอนนั้นเอง
พรวด…
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนกระอักเลือดออกมา เลือดสดสาดกระจายเต็มพื้น กลิ่นอายทั่วทั้งร่างของเขาก็พลอยหม่นมัวไปด้วย
เขากุมหน้าอกไว้ ลืมตาขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยว กล่าวพึมพำว่า “สมควรตาย! ที่แท้เป็นใครกันแน่!”
เขาสับสนไปหมดแล้ว
เป็นอีกครั้งที่เขาถูกสาปแช่ง และการสาปแช่งครั้งนี้ยังรุนแรงยิ่งกว่าที่ผ่านมา!
พลังเวทของเขาถดถอยลงอย่างรวดเร็ว ส่วนอายุขัยก็ยิ่งลดน้อยลงอย่างฮวบฮาบ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เป็นไปได้มากว่าเขาอาจจะตายก็ได้!
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนรีบร้อนร่ายวิชา ร้องเรียกสตรีชุดดำให้ออกมา
ผ่านไปไม่นานนัก เบื้องหน้าเขาก็ปรากฏวังน้ำวนสีดำขึ้น สตรีชุดดำเดินเยื้องย่างตามออกมา
“มีเรื่องใดกัน ถึงได้ตื่นตระหนกเพียงนี้!”
สตรีชุดดำเอ่ยถามอย่างรำคาญ หลังจากนั้นสายตาของนางก็ตกลงบนร่างของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเริ่มมีเลือดออกทวารทั้งเจ็ด น่าเวทนาอย่างหาที่เปรียบ
เขากัดฟันเอ่ยว่า “คำสาปแช่งที่ข้าบอกก่อนหน้านี้เริ่มขึ้นอีกแล้ว ทั้งยังรุนแรงกว่าที่ผ่านมา…”
สตรีชุดดำยกมือขวาขึ้น นับนิ้วคำนวณ
ทว่า เดิมทีนางกลับคำนวณไม่ได้เลยว่าพลังแห่งคำสาปแช่งนั้นมาจากที่ใด
นางจำเป็นต้องเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยน ฝ่ามือทั้งสองประทับลงบนแผ่นหลังของเขา ใช้พลังเวทของตนรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา
ไม่ถึงห้าอึดใจ สตรีชุดดำก็เริ่มมีเลือดออกทวารทั้งเจ็ดด้วยเช่นกัน นางจึงจำต้องเก็บมือลง
“ไม่ได้ พลังแห่งคำสาปแช่งนี้แข็งแกร่งเกินไป!” สตรีชุดดำกล่าวเสียงขรึม
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนสิ้นหวัง รีบร้อนตะโกนกล่าวว่า “ขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสได้หรือไม่ เร็วเข้า ข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว!”
สตรีชุดดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังล้วงป้ายคำสั่งออกมา ก่อนจะส่งพลังจิตเข้าไปในนั้น
คนทั่วทั้งจวนเซียนสวรรค์มองดูจนนิ่งอึ้งไป
พลังแห่งคำสาปแช่ง?
มีคนกำลังสาปแช่งนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนหรือ
ภายในใจพวกเขาดีใจจนแทบคลั่ง
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเป็นถึงผู้บำเพ็ญทรงพลังที่ผ่านการขึ้นสวรรค์มาก่อน การที่สามารถสาปแช่งเขาจนบาดเจ็บสาหัสได้ ย่อมต้องเป็นฝีมือของเทพเซียนแน่!
สตรีชุดดำจ้องมองนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนนิ่ง เอ่ยปากกล่าวว่า “จำต้องหาสถานที่ที่มีดวงชะตาแน่นหนาที่สุดเพื่อสยบพลังแห่งคำสาปแช่ง หาไม่เจ้าคงอยู่ได้ไม่ถึงตอนที่เขามุ่งหน้ามา”
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนพยักหน้า ทั้งคู่รีบหยัดกายลุกขึ้นในทันที ก่อนหายลับไปจากที่เดิม
ส่วนกลุ่มคนของจวนเซียนสวรรค์ ในความคิดของนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเดิมทีก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว โลกมนุษย์ก็คือกรงขังที่ใหญ่ที่สุด
…
[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนศัตรูของท่านเนื่องด้วยการสาปแช่งของท่าน อายุขัยลดลงห้าแสนปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
เมื่อมองเห็นกล่องจดหมายนี้ หานเจวี๋ยก็หยุดชะงักในทันที
เขาปาดเช็ดคราบเลือดทั่วใบหน้า ก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
คราวนี้ เขาเสียอายุขัยไปเกือบร้อยปี แม้เมื่อเทียบกับอายุขัยหลายล้านปีของเขาแล้วจะไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก แต่เขาก็ยังปวดใจมากอยู่ดี
‘เพียงครั้งนี้เท่านั้น ไม่อาจมีครั้งต่อไป’
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บ
หลายวันต่อมา อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นแล้ว เขาจึงตั้งหน้าฝึกบำเพ็ญต่อ
อาการบาดเจ็บของเขาไม่ถือว่าสาหัสนัก แต่ด้านนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนคงใช้เวลาหลายสิบปีถึงจะฟื้นคืนสภาพปกติได้
เวลาหลายสิบปี เพียงพอที่จะทำให้หานเจวี๋ยทะลวงระดับเซียนอิสระวัฏจักรระยะกลางแล้ว
ไอเซียนที่แผ่ซ่านออกมาจากต้นฝูซังอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าพลังวิญญาณของมัน ทุกๆ วันหานเจวี๋ยสามารถสัมผัสได้ถึงการเพิ่มพูนของพลังเวท
แต่ภาพสวยงามมักไม่ยืดยาว
หนึ่งเดือนต่อมา
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนและสตรีชุดดำมาเยือน
พวกเขายืนอยู่เหนือชั้นเมฆา ทอดสายตามองมาที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนที่อยู่ไกลออกไป สีหน้าฉายแววประหลาดใจ
“เขาลูกนี้กลับอบอวลไปด้วยไอเซียน มาจากแห่งใดกัน”
นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนตกตะลึง ก่อนหน้าที่จะขึ้นสวรรค์เขาเคยเดินทางท่องไปในใต้หล้า แต่ยังไม่เคยพบเห็นภูเขาสมบัติเช่นนี้มาก่อน
สายตาของสตรีชุดดำตกลงบนยอดเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นางมองเห็นต้นฝูซังแล้ว
อีกาเพลิงสองตัวที่อยู่บนต้นฝูซังนั้นดูเหมือนจะเป็น…
นางเบิกดวงตากว้าง ความรู้สึกภายในใจถาโถม
เป็นไปได้อย่างไร!
อีกาทองน้อยสองตัว!
หรือเขาลูกนี้คือถิ่นอาศัยของเผ่าเทพอีกาทอง
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ นำนักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนมุ่งหน้าเข้าไปอย่างระแวดระวัง
ยามนี้มีเพียงสถานที่แห่งนี้ที่สามารถช่วยสยบพลังแห่งคำสาปแช่งให้นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนได้
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าเขาเพียรบำเพ็ญเซียน สตรีชุดดำไม่กล้าอุกอาจพังค่ายกล หากแต่ประสานหมัดโค้งกายลงคารวะ กล่าวว่า “พวกข้าสองคนบังอาจรบกวน ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร”
พวกมู่หรงฉี่ ฟางเหลียงและสวินฉางอันที่อยู่ใต้ต้นฝูซังต่างพากันลืมตาขึ้นมอง
พวกเขาตื่นตระหนกเมื่อพบว่าตนเองมองไม่เห็นตบะของคนทั้งสอง
อีกาทองน้อยสองตัวราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ต่างพากันกางสยายปีกออก
………………………………………………………………