บทที่ 238 ทำความเข้าใจมหามรรค ถูกคนฆ่าตาย
สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตนเองจนถึงขีดจำกัดทั้งหมด
ในฟังก์ชันแบบจำลองการทดสอบ นอกจากจักรพรรดิสวรรค์แล้ว คนอื่นๆ ล้วนถูกเขาสังหารภายในเสี้ยววินาที!
ตบะของหานเจวี๋ยบรรลุถึงขีดสุดแล้ว ไม่อาจเพิ่มได้อีก ดังนั้นเขาตัดสินใจทำความเข้าใจมหามรรคาเวียนว่ายตายเกิดเป็นลำดับถัดไป
ส่วนการกลับชาติไปเกิดเพื่อผสานดวงชะตานั้น ในใจหานเจวี๋ยยังรู้สึกขัดแย้งอยู่
หากศัตรูถือโอกาสจัดการเขาในตอนที่กลับชาติไปเกิดล่ะ
หากเปลี่ยนเป็นเขา รู้ว่าศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ไปเกิดใหม่ จะต้องหาวิธีสังหารฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซาก จะได้ไม่เกิดหายนะในภายหลัง
เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นหานเจวี๋ยถึงนำแผนกลับชาติไปเกิดไว้ท้ายสุด
สามารถไม่ไปเกิดใหม่ได้ก็จะไม่ไป!
ครึ่งปีต่อมา เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อค้นพบว่า การหยั่งถึงมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดทำให้ตบะของเขาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
‘มีการค้ำจุนกันอยู่บ้าง!’
‘นี่ก็คือมหามรรคหรือ’
หานเจวี๋ยตื่นเต้นขีดสุด เขาทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อ
มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด ควบคุมการเกิดการตาย พลังหวนคืนหกวิถีก็สร้างขึ้นบนพื้นฐานของมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด
หากไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดจะเรียกว่าวัฏจักรได้อย่างไร
ในระหว่างทำความเข้าใจ จิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยเข้าไปในมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด เขามองเห็นวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดของคนนับไม่ถ้วน และเวไนยสัตว์ในลักษณะต่างๆ ตอนแรกอารมณ์ของเขาก็หวั่นไหวตาม แต่หลังจากดูมากเข้า จิตใจเขาก็กลายเป็นตายด้าน
ตายด้านไม่ใช่ความสำเร็จสูงสุด แต่ต้องก้าวข้ามความรู้สึกตายด้าน เข้าใจความเป็นความตาย และควบคุมความเป็นความตาย ไม่ใช่ถูกความเป็นความตายควบคุม
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน อู้เต้าเจี้ยนกะพริบตามองหานเจวี๋ย
จะเห็นว่ามีไอสองสายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าพันรอบตัวหานเจวี๋ย หนึ่งขาวหนึ่งดำ ผมของเขาประเดี๋ยวขาวประเดี๋ยวดำเปลี่ยนสลับไปมา แปลกประหลาดยิ่งนัก
แม้อู้เต้าเจี้ยนจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้ารบกวนหานเจวี๋ย
ผ่านไปอีกครึ่งปี
ตี้ไท่ไป๋มาเยี่ยมเยียน หานเจวี๋ยอยู่ในสภาวะบรรลุถึงความรู้แจ้งเห็นจริง ไม่ได้ยินเสียงตี้ไท่ไป๋
อู้เต้าเจี้ยนจำเป็นต้องออกไปต้อนรับ
ตี้ไท่ไป๋ยืนอยู่ริมหน้าผา ข้างตัวยังมีดรุณีชุดขาวอยู่นางหนึ่ง ลี่เหยานั่นเอง
คนอื่นๆ เคยเห็นตี้ไท่ไป๋มาก่อนแล้ว พวกเขากลับสงสัยดรุณีชุดขาวที่อยู่ข้างตี้ไท่ไป๋
เป็นดรุณีที่งดงามมาก!
งดงามกว่าถูหลิงเอ๋อร์ สิงหงเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ และแม่นางคนอื่นๆ มีแค่อู้เต้าเจี้ยนที่สามารถเทียบได้ติด
ดรุณีชุดขาวผู้นี้คือลี่เหยา
ลี่เหยาสีหน้าเมินเฉย ทำให้ผู้คนถึงนึกหานเจวี๋ยอย่างน่าประหลาดใจ
คุณสมบัติประจำตัวเหมือนกับหานเจวี๋ยเกินไปแล้ว
โดยเฉพาะแววตาที่แฝงไปด้วยความระมัดระวังนั่น
ลี่เหยาดูเหมือนจะเฉยเมย ความจริงแล้วในใจตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุด
ตั้งแต่ถูกหานเจวี๋ยช่วยเป็นต้นมา ในใจนางเกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
มีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ นางรู้จักแต่การฝึกฝนไม่เคยเกิดอารมณ์ชอบมาก่อน แต่การปรากฏตัวของหานเจวี๋ยในวันนั้น ทำให้นางตกตะลึงในความงามมาก ภาพเหตุการณ์ยังปรากฏอย่างชัดแจ้งในสมองจนถึงตอนนี้
นางไปมาแล้วหลายที่แม้แต่พิภพเซียน แดนสวรรค์ก็เคยไปมาแล้ว แต่ไม่พบบุรุษที่รูปงามเท่าหานเจวี๋ยมาก่อน
รูปร่างหน้าตาดี พลังแท้จริงแข็งแกร่ง และยังช่วยนางไว้
แม้นางจะใจแข็งประดุจเหล็กก็ถูกละลายจนได้
แต่พอมาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน นางก็ระแวดระวังตามสัญชาตญาณ
หากคนที่อยู่ในเขาลูกนี้ไม่ใช่หานเจวี๋ยที่นางรู้จักล่ะ
หากหานเจวี๋ยมีใจคิดร้ายต่อนางล่ะ
มองเห็นอู้เต้าเจี้ยนเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน นางก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม
หรือว่าหานเจวี๋ยจะชอบ…
พออู้เต้าเจี้ยนเห็นลี่เหยาก็ตาเป็นประกาย นางรีบก้าวเข้าไปสังเกตลี่เหยาอย่างละเอียด
ลี่เหยาตกใจจนร่นถอยไปด้านหลัง หากก้าวอีกก้าวเดียวนางก็จะตกหน้าผาแล้ว แน่นอนว่าตบะระดับนางไม่อาจตกหน้าผาได้
อู้เต้าเจี้ยนมองตี้ไท่ไป๋กล่าว “นายท่านกำลังบรรลุถึงความรู้แจ้งเห็นจริงอยู่ ไม่อาจออกมาได้ชั่วคราว”
“แม่นางผู้นี้ประกาศตนว่ารู้จักหานเจวี๋ย บอกว่าหานเจวี๋ยเป็นคนให้นางมา ใช่หรือไม่” ตี้ไท่ไป๋ถาม
เดิมทีตำแหน่งเซียนของลี่เหยาไม่พอที่จะดึงดูดความสนใจของเขา แต่ลี่เหยาเอ่ยถึงหานเจวี๋ย เขาไม่อาจไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังได้
ลี่เหยาลึกลับมาก อดีตคลุมเครือ หากไม่ใช่ว่าตี้ไท่ไป๋คำนวณได้ว่านางขึ้นสวรรค์มาจากโลกมนุษย์ คงจะจับนางไปแล้ว
“ไม่ผิด เป็นเรื่องจริง ข้าขอบคุณท่านเซียนแทนนายท่านของข้าด้วย”
ตี้ไท่ไป๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หายไปจากที่เดิม
อู้เต้าเจี้ยนมองไปทางลี่เหยาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านั้นข้าเคยสังเกตดูเจ้าพร้อมกับนายท่าน ประสบการณ์ของเจ้าในหลายปีมานี้ล้วนอยู่ในสายตาของข้า เจ้าช่างเก่งกาจจริงๆ…”
นางเริ่มพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ ลี่เหยาฟังจนต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
นางไม่ได้หยิ่ง แต่กลับรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกคนอื่นสอดส่องอยู่ตลอด ย่อมรู้สึกไม่สบายใจ
หากเปลี่ยนมาเป็นหานเจวี๋ย เกรงว่าคงคิดจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายเป็นแน่
อู้เต้าเจี้ยนมองออกว่านางมีอารมณ์ชอบไม่มาก จึงพานางไปนั่งใต้ต้นฝูซัง ให้นางฝึกฝนก่อน
ไก่คุกรัตติกาลถามด้วยความสงสัย “นางกับนายท่านมีความสัมพันธ์อันใดกันแน่”
เวลาส่วนมากหานเจวี๋ยจะมุมานะฝึกฝน แต่ก็จะออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
อู้เต้าเจี้ยนกล่าวด้วยเสียงฮึดฮัด “ไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าตอนไหน บรรลุระดับเซียนอิสระหรือยัง”
ไก่คุกรัตติกาลถมึงตาใส่นางทีหนึ่ง ไม่กล้าต่อปากต่อคำ
คนอื่นแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้เข้ามาผสมโรงด้วย
ท่าทีของลี่เหยาเฉยเมยเกินไป ท่าทีราวกับคนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้ ศิษย์สำนักซ่อนเร้นล้วนเป็นบุตรแห่งสวรรค์ ย่อมไม่ค่อยถ่อมตัว
ชั่วแวบเดียว ผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยตื่นขึ้นมา มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดทำให้เขาหลง
ราวกับเขาฝันไปหนึ่งตื่น รู้แค่ว่าผ่านไปไม่กี่วัน
ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นมามาก มากกว่าการมุมานะฝึกฝนหลายสิบปี เขารู้สึกพอใจกับสิ่งนี้มาก
เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาทำภารกิจตามความเคยชิน
อู้เต้าเจี้ยนพลันกล่าวขึ้นมา “ลี่เหยามาแล้ว”
หานเจวี๋ยได้ยินก็เลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้
พอกวาดพลังจิตออกไปก็ค้นพบว่าลี่เหยาฝึกฝนอยู่
“อืม ให้นางฝึกฝนต่อเถอะ” หานเจวี๋ยตอบ
ตบะของลี่เหยาบรรลุระดับเซียนแท้ไท่อี่ระยะต้นแล้ว นึกถึงตอนแรกที่พบนาง นางยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่เลย
อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่พบนางหรือ”
“ที่นางต้องการคือสถานที่ในการฝึกฝน ไม่รบกวนนางก็พอแล้ว ตอนนี้ข้าก็ไม่ต้องการให้นางจ่ายค่าตอบแทนอะไร”
หานเจวี๋ยตอบ เขาหวังว่าลี่เหยาจะเห็นที่นี่เป็นบ้าน เช่นนี้แล้วตอนที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียนพบกับอันตราย ก็มีพลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง
แต่ว่านิสัยของนางผู้นี้เหมือนเขาเกินไป
หากเขาพบเจอกับปัญหา ความคิดแรกก็คือหนี
แปดถึงเก้าในสิบส่วนลี่เหยาก็คงคิดเช่นนี้
หานเจวี๋ยสาปแช่งต่อและถือโอกาสตรวจสอบจดหมายไปด้วย
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญ] 20,943
[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลัง ได้เรียนรู้พลังวิเศษ]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด] x142,800
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากฟางเหลียงศิษย์ของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากฟางเหลียงศิษย์ของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายหลัก ถูกสังหารอย่างอนาถ วิญญาณตกอยู่ในวัฏสงสาร]
[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านถูกสาปแช่ง]
……
หานเจวี๋ยพลันขมวดคิ้วขึ้นมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าเหตุใดฟางเหลียงถึงโจมตีโจวฝานกับโม่ฟู่โฉว เหตุใดหยางเทียนตงถึงตายแล้วล่ะ
หานเจวี๋ยรีบจับตำแหน่งวิญญาณของหยางเทียนตง ค้นพบว่าหยางเทียนตงอยู่ในยมโลกแล้ว
เขารีบนำจิตดั้งเดิมหนีเข้าไปยมโลกทันที ไปหาหยางเทียนตง
ขณะนี้หยางเทียนตงยืนเข้าแถวอยู่หน้าสะพานอนิจจังแล้ว
เขาดูซื่อๆ เซ่อๆ เหมือนกับวิญญาณที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลัง
หานเจวี๋ยกวักมือดูดหยางเทียนตงมาตรงหน้า
“เกิดอะไรขึ้น” หานเจวี๋ยถามเสียงหนักแน่น
พอหยางเทียนตงเห็นหานเจวี๋ยก็ก้มหน้าด้วยความละอายใจ และกัดฟันกล่าว “อาจารย์…ข้าผิดต่อท่าน!”
เขาคุกเข่าตรงหน้าหานเจวี๋ยทันที
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม “เหตุใดถึงผิดต่อข้า”
หยางเทียนตงกล่าวน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้า…ข้าเป็นฝ่ายเริ่มแลกมือศึกษากับคนอื่น และถูกคนอื่นฆ่าตาย…ทำให้อาจารย์ท่านเสียหน้า…”
……………………………………….