บทที่ 244 เจียงอี้บาดเจ็บสาหัส เซียนกับมนุษย์นั้นแตกต่าง
หลังจากกลับถึงถ้ำเทวา หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบเข้าต่อสู้กับเจียงอี้ในตอนนี้ทันที
ผลคือถูกสังหารในพริบตา
หานเจวี๋ยรู้สึกหดหู่
นี่สินะจักรพรรดิเซียน
จะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
ตอนที่มู่หรงฉี่สู้กับจักรพรรดิเซียนมากมายเพียงลำพัง เขาช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
หานเจวี๋ยเรียกกำลังใจกลับมา ก่อนจะทำความเข้าใจมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อ
ต่อจากนี้ยึดเจียงอี้เป็นมาตรฐานก็แล้วกัน
เมื่อหานเจวี๋ยมีเป้าหมายแล้วก็มีความมุ่งมั่นต่อสู้ เมื่อฝึกแล้วยิ่งกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
…..
พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังก์ กำชับว่า “ยอดแม่ทัพเทพ ไปให้บทเรียนแก่เจียงอี้สักหน่อยเถิด คิดเสียว่าแลกเปลี่ยนฝีมือกัน”
ยอดแม่ทัพเทพในท้องพระโรงน้อมรับคำสั่งและหมุนตัวจากไปทันที
จักรพรรดิสวรรค์มองไปยังอีกผู้หนึ่งภายในตำหนัก
รัชทายาทวังสวรรค์
หลงจวิน!
“เจียงอี้กับเจ้า พรสวรรค์ของผู้ใดสูงส่งกว่ากัน” จักรพรรดิถาม
หลงจวินตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “เทียบกันไม่ได้กระมัง ข้าเป็นระดับจักรพรรดิเร็วกว่าเขา ในตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มอย่างพึงพอใจ
สมกับเป็นลูกชายที่เขาให้ความสำคัญที่สุดจริงๆ!
หลงจวินถามด้วยความสงสัย “เสด็จพ่อ หานเจวี๋ยมีภูมิหลังที่มาอย่างไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เขาเล่าคือมหาเคราะห์จอมเวทและปีศาจ เพียงแต่เขาเปลี่ยนชื่อตัวละครเท่านั้น”
จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มตอบว่า “ที่มาที่ไปของเขาเราไม่สามารถบอกได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือ ที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้คือวังสวรรค์”
หลงจวินคล้ายกำลังครุ่นคิด
เขาพูดต่อว่า “ได้ยินมาว่าจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินเข้าร่วมวังสวรรค์แล้ว ท่านมอบเขาให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะช่วยเขาฟื้นฟูตบะในชาติที่แล้วโดยเร็วที่สุด”
เมื่อพูดถึงจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจิน ในดวงตาของเขามีประกายประหลาดแวบผ่าน
“ตอนนี้อย่าเพิ่งรบกวนเขาเลย เขากำลังปิดด่านฝึกบำเพ็ญ” จักรพรรดิสวรรค์บอกอย่างไม่ใส่ใจ
หลงจวินเผยสีหน้าผิดหวัง
จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้มทว่าไม่พูดอะไร
จักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินช่างเป็นไพ่ที่ดีจริงๆ!
เมื่อก่อนหลงจวินไม่ค่อยกลับมาวังสวรรค์ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขากลับมาเพราะจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจิน
‘วังเทพ เราจะครอบครองพวกเจ้าในไม่ช้า!’
ดวงตาของจักรพรรดิสวรรค์วาววับ ความทะเยอทะยานกำลังลุกโชนอยู่ในใจ
…..
ในชั่วพริบตา เวลาห้าสิบปีก็ผ่านไป
ตบะของหานเจวี๋ยยกระดับมั่นคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้เขาท้าประลองกับเจียงอี้ และในที่สุดก็ไม่ถูกสังหารในพริบตา
เขารอดสามกระบวนท่ามาได้!
อย่าดูถูกสามกระบวนท่าเชียว ในแบบจำลองการทดสอบไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ใช้พลังที่มีทั้งหมดเท่านั้น
เขาเผชิญหน้ากับเจียงอี้ที่ทุ่มเต็มกำลังแล้วผ่านสามกระบวนท่ามาได้!
หานเจวี๋ยพอใจกับความก้าวหน้าของตนมาก
บางทีเมื่อเขาบรรลุถึงจุดที่ไม่สามารถพัฒนาได้อีก ก็คงสำเร็จจักรพรรดิเซียนได้!
เจียงอี้มีพรสวรรค์เสียขนาดนั้น หากหานเจวี๋ยที่อยู่ระดับเซียนทองต่อกรกับเจียงอี้ได้ ไม่ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียนอย่างไร ก็เป็นจักรพรรดิเซียนที่ทรงพลังที่สุดทั้งนั้น!
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มเฉลิมฉลอง
เขาตรวจดูจดหมาย ไม่รู้ว่าช่วงนี้สหายของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกผู้ทรงพลังลึกลับลักพาตัว]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านกลายเป็นเทพภูต พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[มู่หรงฉี่ศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากทหารสวรรค์แม่ทัพสวรรค์] x190421
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านบรรลุมรรคาสวรรค์ รู้แจ้งวิชายุทธ์]
[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากยอดแม่ทัพเทพ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จักรพรรดินีปีศาจชิงชิวศัตรูของท่านอายุขัยลดลงหนึ่งแสนปีเนื่องจากการสาปแช่งของท่าน ทำให้เกิดมารในใจ]
[จักรพรรดิเทพกระบี่สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารแท้] x49
…..
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
เจียงอี้ได้รับบาดเจ็บด้วยฝีมือยอดแม่ทัพเทพ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ช่วยออกหน้าให้?
หานเจวี๋ยเกิดความประทับใจต่อจักรพรรดิสวรรค์เพิ่มขึ้น ความประทับใจตอนนี้คือ 5 ดาวแล้ว
เขาเปิดดูต่อไปเรื่อยๆ สหายส่วนใหญ่สบายดี ไม่เลวกันทั้งนั้น
เขากดตรวจดูค่าความสัมพันธ์ พบว่ามีภาพประจำตัวลดน้อยลงไปบ้าง เป็นพวกเทพเซียนระดับต่ำของวังสวรรค์และสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์
บนเส้นทางการบำเพ็ญเพียรย่อมมีคนตายจากอยู่เสมอ
หานเจวี๋ยเสียใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่เศร้าโศกอาดูร เหล่าคนที่เขาติดตามเป็นพิเศษยังมีชีวิตอยู่
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ ภาพประจำตัวของหยางเทียนตงหายไปนานแล้ว
หลังจากกลับชาติเกิดใหม่ เขาจำอดีตชาติไม่ได้ ความประทับใจที่เขามีต่อหานเจวี๋ยจึงย่อมหายไปด้วย
แต่ว่าหานเจวี๋ยก็สามารถสัมผัสถึงตราประทับหกวิถีในจิตวิญญาณของเขาได้
ภายใต้การจัดแจงของยายเมิ่ง หยางเทียนตงกลับชาติมาเกิดใหม่ในโลกเขย่าพิภพ เกิด ณ จวนเซียนสวรรค์…
คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของโลกมนุษย์นั้น บางครั้งก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลย
เพียงยายเมิ่งโบกมือก็ทำให้หยางเทียนตงกลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนุษย์ได้แล้ว
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ขึ้นสู่สวรรค์ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นคนธรรมดาเมื่อเข้าสู่แดนเซียน
บุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนุษย์และบุตรแห่งสวรรค์ในแดนเซียนแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง จากนั้นมาที่เบื้องหน้าวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
นับจากลี่เหยามาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน วารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ไม่สะท้อนภาพนางออกมาอีก
หานเจวี๋ยเริ่มคาดหวังว่ามันจะสะท้อนภาพบุตรแห่งฟ้าดินออกมาอีกสักคน
“นายท่าน ข้าเรียนมรรคกระบี่เทียมฟ้าขั้นที่สองสำเร็จแล้ว ท่านช่วยสอนขั้นที่สามให้ข้าได้หรือไม่”
จู่ๆ อู้เต้าเจี้ยนก็ถามขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หานเจวี๋ยเหลือบมองนางผาดหนึ่ง บัดนี้นางบรรลุระดับมหายานแล้ว อยู่ห่างจากเซียนอิสระเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
“รอเจ้ากลายเป็นเซียนอิสระก่อนเถิด” หานเจวี๋ยพึมพำตอบ
อู้เต้าเจี้ยนพยักหน้ารับ
เวลานี้คนที่อ่อนแอที่สุดในสำนักซ่อนเร้นก็อยู่ระดับมหายาน รวมถึงโจวหมิงเยวี่ยและไก่คุกรัตติกาลด้วย
เหตุผลที่ขอบเขตพลังของอู้เต้าเจี้ยนก้าวหน้าช้าก็เพราะนางกำลังฝึกมรรคกระบี่เทียมฟ้า
นางฝึกฝนได้รวดเร็วเพียงนี้ เป็นอานิสงส์จากพลังวิญญาณบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนที่เหนือกว่าที่ใดบนโลก
หากจี้เซียนเสินถือกำเนิดบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนละก็ เกรงว่าเขาจะเข้าสู่ระดับมหายานขั้นสมบูรณ์และขึ้นสู่สวรรค์ได้ภายในเวลาไม่ถึงห้าร้อยปี
ฉู่ซื่อเหรินมักจะแอบอู้ ตบะของเขายังรักษาระดับที่เหนือกว่าโจวหมิงเยวี่ยขั้นหนึ่งไว้ ทำให้โจวหมิงเยวี่ยกลัดกลุ้มใจมาก และมักรู้สึกว่าอีกนิดเดียวก็จะแซงหน้าอาจารย์ได้แล้ว
ส่วนพี่น้องน้ำเต้าทั้งแปดตนเริ่มทะลวงระดับเซียนพิภพกันแล้ว
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือลี่เหยา รองลงมาคือหลงเฮ่าซึ่งมีตบะระดับเซียนสวรรค์ไท่อี่ระยะกลาง
หานเจวี๋ยพอใจกับความเร็วในการฝึกบำเพ็ญของพวกเขามาก
หานเจวี๋ยกลับมาฝึกบำเพ็ญที่ตั่งไม้อีกครั้ง
…..
วันนี้ นักพรตเต๋าจิ่วติ่งมายังเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ต้องการจะเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย แต่ถูกขวางเอาไว้
“เจ้าสำนักมีเรื่องใด สามารถแจ้งแก่พวกเราได้” สวินฉางอันกล่าว
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งแอบตกใจ
ยามนี้เจ้าเด็กนี่มีตบะระดับใดกัน เหตุใดเขาจึงมองไม่ออก
“สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์กำลังจะจัดงานประชุมใหญ่ถกมรรค ได้เชิญผู้บำเพ็ญของสิบเขตเก้าราชวงศ์มาเข้าร่วมด้วย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสหานเข้าร่วมได้หรือไม่” นักพรตเต๋าจิ่วติ่งถามอย่างหน้าไม่อาย
สวินฉางอันส่ายหัว ทำให้นักพรตเต๋าจิ่วติ่งใจสะดุดกึก
“เจ้าสำนัก นับจากนี้ไปไม่ต้องนึกถึงอาจารย์ของข้า หากสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์มีปัญหา พวกเราจะลงมือเอง ทว่าท่านอาจารย์จะไม่ออกหน้าอีก เซียนกับมนุษย์นั้นแตกต่างกัน” สวินฉางอันกล่าวอย่างมีนัยแฝง
คำว่าเซียนกับมนุษย์นั้นแตกต่างกดดันจนนักพรตเต๋าจิ่วติ่งแทบจะหายใจไม่ออก
เขาเคยคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นตลอดมาจึงไม่กล้ามารบกวนหานเจวี๋ย
คราวนี้สำนักเป็นฝ่ายขอร้องให้เขามา เขาถึงได้แบกรับแรงกดดันมาหา
“กล่าวคือ บัดนี้ทั้งโลกมนุษย์ในสายตาของเจ้านายข้า สิ่งมีชีวิตทั้งมวลล้วนเท่าเทียมกัน คราวหน้าอย่าประจบประแจงเจ้านายข้าอีก ให้มาประจบพวกเรา!” ไก่คุกรัตติกาลยิ้มเอ่ยด้วยความอวดดี
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งกระอักกระอ่วน รู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง
สวินฉางอันมองไปยังโจวหมิงเยวี่ยและกล่าวว่า “ให้หมิงเยวี่ยเป็นตัวแทนสำนักซ่อนเร้นไปถกมรรคก็แล้วกัน”
โจวหมิงเยวี่ยขมวดคิ้วแต่ไม่กล้าปฏิเสธ ถึงอย่างไรสวินฉางอันก็เป็นผู้อาวุโส
สำนักซ่อนเร้น?
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจับสองคำนี้ได้
ผู้อาวุโสหานตั้งสำนักของตัวเองแล้วหรือ
นักพรตเต๋าจิ่วติ่งไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดดูอีกที ผู้อาวุโสหานอยู่เหนือปุถุชนไปแล้ว สำนักซ่อนเร้นก็หาใช่สำนักในโลกมนุษย์
ความรู้สึกของเขาเริ่มสับสนซับซ้อน
ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจ
เขาพลันรู้สึกสับสน หากเขาบากบั่นฝึกบำเพ็ญเช่นเดียวกับหานเจวี๋ย ตอนนี้เขาก็จะอยู่เหนือมนุษย์ปุถุชนด้วยหรือไม่
…………………………………………………………………..