บทที่ 248 พุทธะพิชิตชัย สังหารจักรพรรดิเซียน
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
มารสวรรค์เบิกฟ้ากล่าวเสียงขรึม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หานเจวี๋ยพูดขู่ว่า “หากเจ้าไม่พูด เช่นนั้นก็ไปตายเสีย!”
ดวงดาวนับร้อยล้านดวงในส่วนลึกของจิตวิญญาณเริ่มสั่นสะท้าน ก่อนระเบิดความรู้สึกกดดันออกมา ปกคลุมมารสวรรค์เบิกฟ้า
“ช้าก่อน! พูดแล้ว! ข้าพูดแล้ว!”
มารสวรรค์เบิกฟ้าร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ตัวสั่นงันงก
หานเจวี๋ยเลิกข่มเหง จ้องเขม็งไปยังมารสวรรค์เบิกฟ้า
[มารสวรรค์เบิกฟ้าเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
หานเจวี๋ยไม่แยแสข้อความแจ้งเตือนความเกลียดชังตรงหน้า รอคอยให้มารสวรรค์เบิกฟ้าเอ่ยปากออกมา
มารสวรรค์เบิกฟ้าสงบอารมณ์ลง ก่อนพูดว่า “ข้ามาจากวังสวรรค์ … ”
“มารสวรรค์เบิกฟ้า!”
หานเจวี๋ยขัดจังหวะเขาด้วยเสียงตะโกนดังลั่นซึ่งทำให้เขาตกใจจนตัวสั่น
มารสวรรค์เบิกฟ้าถูกทำให้ตกใจกลัว
คนผู้นี้รู้ชื่อของเขาได้อย่างไร
หานเจวี๋ยแอบเรียกดูค่าความสัมพันธ์อย่างเงียบๆ ตรวจสอบที่มาของมารสวรรค์เบิกฟ้า
[มารสวรรค์เบิกฟ้า: ไม่ทราบตบะ มาจากเขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น เผ่ามารในยุคบรรพกาล เนื่องจากพ่ายแพ้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต เผ่ามารถูกขับไล่ออกจากวังสวรรค์ จากนั้นระหว่างมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตถูกสำนักพุทธเรียกหา มารสวรรค์เบิกฟ้าที่เกี่ยวพันกับจิตมารของพุทธะอาภรณ์ขาว เนื่องด้วยพุทธะอาภรณ์ขาวกำลังจะขึ้นเป็นจักรพรรดิ ดังนั้นจึงลงมาจากสวรรค์ ด้วยคิดอยากแย่งชิงพุทธะอาภรณ์ขาว เนื่องด้วยท่านขัดขวางเรื่องนี้ จึงเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
เป็นเผ่ามารจริงๆ!
เผ่ามารบรรพกาล?
เหตุใดจึงรู้สึกว่าสำนักพุทธราวกับเกิดเหตุการณ์ของตัวร้ายซ้ำๆ
พุทธะที่สง่าผ่าเผยเป็นมาร?
มารสวรรค์เบิกฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ข้ามาจากเขตหวงห้ามฮุ่นตุ้น ถูกจิตมารของสำนักพุทธเรียกตัวไว้เพื่อหลบเลี่ยงกลไกสวรรค์ และมายังโลกมนุษย์ … ”
หานเจวี๋ยฟังอย่างอดทน ข้อมูลคล้ายกับที่เขาเห็นในระบบ
หานเจวี๋ยเอ่ยถามว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักพุทธกับเผ่าปีศาจเป็นอย่างไร”
มารสวรรค์เบิกฟ้ากล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ข้าถือกำเนิดขึ้นก็โดดเดี่ยวอยู่ในเขตหวงห้ามฮุ่นตุ้นนี้ รอการอัญเชิญของจิตมาร บรรพบุรุษทิ้งความทรงจำไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บอกเพียงให้รอ ปีศาจอย่างข้าก็มีนับไม่ถ้วน”
‘นับไม่ถ้วน? มิน่าเล่าถึงได้กลายเป็นเขตหวงห้าม!’
หานเจวี๋ยลอบคิดอย่างเงียบ ๆ
“ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่มีวันกลับมาอีก!” มารสวรรค์เบิกฟ้าเอ่ยอย่างจริงจัง
น้ำเสียงไม่เหมือนนักโทษที่ตกเป็นรองแม้แต่น้อย
หานเจวี๋ยลอบเอ่ยขึ้น “เจ้าเต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวข้า ยากที่ข้าจะปล่อยเจ้าไปเสียแล้ว”
“เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าไม่ได้ฆ่าข้าเสียหน่อย แล้วข้าจะเกลียดชังในตัวท่านได้อย่างไรกัน!”
“แต่ข้าสามารถรู้สึกได้”
“ข้า…”
ในใจของมารสวรรค์เบิกฟ้าตื่นตระหนก
เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้จัดการยากเพียงนี้
หานเจวี๋ยเองก็กำลังลังเลว่าจะจัดการกับเจ้าหมอนี่อย่างไร
จะฆ่าทิ้งเสีย หรือเก็บไว้ใช้งานในอนาคต?
[มารสวรรค์เบิกฟ้าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยอดที่จะตกตะลึงไม่ได้เมื่อเห็นข้อมูลที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ความสามารถพิเศษนี่!
มารสวรรค์เบิกฟ้าเอ่ยปากกล่าวว่า “ยามนี้ข้าไม่มีความเกลียดชังในตัวท่านแม้แต่น้อย กระทั่งมีความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก!”
วาจานี้ห้วนยิ่งนัก!
หานเจวี๋ยเงียบไป
มารสวรรค์เบิกฟ้าหน้านิ่ง แต่ภายในใจกลับตื่นตระหนก
[มารสวรรค์เบิกฟ้าเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 2 ดาว]
เจ้าหมอนี่ร้ายกาจ!
หานเจวี๋ยยังคงไม่วางใจเขาอย่างสิ้นเชิง อารมณ์แปรเปลี่ยนเร็วเกินไป อันตรายยิ่งนัก!
“เจ้าอยู่ที่นี่และไตร่ตรองก่อนแล้วกัน!”
หานเจวี๋ยทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ และถอนจิตรับรู้ของเขาไป
มีกายดาราอนธการกักขังมารสวรรค์เบิกฟ้าอยู่ ไม่ต้องกล่าวถึงที่พัก แม้กระทั่งโอกาสที่จะหลบหนีของมารสวรรค์เบิกฟ้าแทบไม่มี
เมื่อหานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ตนดูดซับมารสวรรค์เบิกฟ้าได้ง่ายเกินไป ราวกับถือตะเกียบ
หากมันง่ายดายเช่นนี้ พุทธะอาภรณ์ขาวจะหาทางไม่ได้เชียวหรือ
เขาแข็งแกร่งเกินไปหรืออย่างไรกัน
เขาคิดอย่างรอบคอบ และรู้สึกว่าเหตุผลที่เป็นไปได้นั้นอยู่ที่กายดาราอนธการ
นับตั้งแต่ฝึกฝนวิชาชุบร่างวัฏจักรดารา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของกายเนื้อของตนได้อย่างชัดเจน และทุกสิ่งในโลกนี้ดูเปราะบางเมื่ออยู่ในการรับรู้ของกายเนื้อของเขา
แม้จะไม่ได้ใช้พลังเวท เขาก็สามารถทำลายโลกมนุษย์ทั้งหมดได้ด้วยฝ่ามือเดียว!
หานเจวี๋ยไล่อู้เต้าเจี้ยนออกไป จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์ ท่านอยู่หรือไม่”
เวลาผ่านไปสักพัก
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์ดังขึ้น “มีเรื่องอันใด”
“ท่านพอจะรู้จักความสัมพันธ์ระหว่างสำนักพุทธกับเผ่ามารหรือไม่”
“หืม เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้”
หานเจวี๋ยไม่ได้ปิดบัง เปิดเผยเรื่องระหว่างมารสวรรค์เบิกฟ้ากับพุทธะอาภรณ์ขาวกับเขา
จักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้ตอบในทันที
หานเจวี๋ยรอคอยอย่างอดทน
หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิสวรรค์ก็เอ่ยว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายสู่ภายนอก อันที่จริง เรารู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวภายในของสำนักพระพุทธถูกเผ่ามารแทรกแซง แม้แต่วังเทพและวังปีศาจต่างก็ทราบดี นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเผ่ามารถึงสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน”
หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดทั้งสามกองกำลังไม่ร่วมมือกันเพื่อขจัดสำนักพุทธ”
“สำนักพุทธมีอริยะบุคคล อีกทั้งไม่ได้มีเพียงหนึ่ง”
หานเจวี๋ยเงียบไป
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวว่า “ไม่เพียงแต่สำนักพุทธเท่านั้น วังปีศาจ วังเทพและแม้แต่วังสวรรค์เองก็ล้วนซ่อนพลังที่เหนือจินตนาการของสรรพสิ่งทั้งหลายไว้ นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดกองกำลังทั้งสี่จึงกดขี่แดนเซียน เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับเทพ เจ้าจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง”
ระดับเทพ!
หานเจวี๋ยแอบกลัว หลังจากนี้ต้องระมัดระวังตัวให้มาก เมื่อบรรลุระดับเทพแล้วจะต้องหลบซ่อนตัวสักหน่อย ไม่เช่นนั้นคงมีปัญหาตามมา
“การบำเพ็ญของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยถาม
“พอได้ ขอบพระทัยสำหรับรางวัลของฝ่าบาท”
“อืม ฝึกฝนให้หนักและพยายามเอาชนะเจียงอี้โดยเร็วที่สุดเถิด”
“แม้จะไม่ง่าย แต่ข้าจะพยายาม”
หลังจบการสนทนา หานเจวี๋ยก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา ส่วนเขาก็ฝึกฝนต่อไป
อีกด้านหนึ่ง
ภายในพระราชวังอันใหญ่โตและงดงาม
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาบรรจุท้องฟ้าและโลก ราวกับเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่าง กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “พุทธะอาภรณ์ขาว สุดท้ายเจ้าจะต้องจำนนต่อข้า จำนนต่อสำนักพุทธ”
เขายกมือขึ้นเพื่อประทับตราพุทธลงไปและพุ่งออกจากตำหนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างที่แข็งแกร่งกำยำเปล่งประกายด้วยแสงสีทองก็ก้าวเข้ามาในตำหนัก
ภายใต้แสงสีทองอร่าม ร่างของเขาครอบงำ มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา แต่ด้านหลังของเขาแบกเสาขนาดใหญ่ยักษ์ที่เกินขนาดของร่างเขาเอาไว้
“พุทธะพิชิตชัย พุทธะอาภรณ์ขาวและบรรพชนพุทธภควัตที่ทรยศสำนักพุทธ ข้าส่งเจ้าไปฆ่าพวกมัน”
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์สั่งการ เสียงดังก้องกังวานในห้องโถง
พุทธะพิชิตชัยกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อมิตาพุทธ”
กล่าวจบ เขาพลันหันหลังจากไป ไม่นานก็หายตัวไปนอกตำหนัก
เขาไม่ได้ถามถึงเหตุผล และไม่ได้ถามว่าพุทธะอาภรณ์ขาวอยู่ที่ใด
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ค่อยๆ หลับตาลง
…..
สามสิบปีผ่านไป
พลังมรรคของหานเจวี๋ยเพิ่มพูนขึ้น และใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามในการสังหารเจียงอี้
พลังเวทของเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า และดวงดาราหลายพันล้านดวงในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขาสว่างไสว มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดก็แทรกซึมเข้าไป
ตอนนี้หานเจวี๋ยเชี่ยวชาญในพลังของมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด หลังจากมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดไหลเข้าไปในพลังเวทแล้ว พลังการสังหารเพิ่มพูน
ไม่เพียงเท่านั้น หานเจวี๋ยยังรู้สึกถึงมวลปราณกลุ่มหนึ่งในร่างกาย
มวลของปราณกลุ่มนี้คล้ายกับปราณในหินซ่อมฟ้าในครานั้น แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อย
ปราณฟ้าบุพกาล!
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์เอ่ย
เขายิ่งคาดหวังในอนาคตของเขามากยิ่งขึ้น
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงของพุทธะอาภรณ์ขาวก็ดังขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ออกมาสนทนากันได้หรือไม่”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
‘เจ้าหมอนี่มีเรื่องใดอีก’
คิดอยู่สักพัก หานเจวี๋ยก็ตัดสินใจที่จะออกไปพบ
เขาเข้าป่าไปเพื่อพบพุทธะอาภรณ์ขาว
หลังจากที่มารสวรรค์เบิกฟ้าถูกดูดไป พุทธะอาภรณ์ขาวก็กลับคืนสู่สภาพเดิม แม้กระทั่งดูจะรูปงามยิ่งขึ้นไปอีก
……………………………………………………………………….