บทที่ 278 จักรพรรดิเทพอีกาทอง
เสียงหัวเราะเย็นที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนในโลกเขย่าพิภพตื่นตกใจ
หานเจวี๋ยรีบตรวจสอบศัตรูที่อยู่ใกล้โลกเขย่าพิภพทันที
[จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต: จักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ บุตรแห่งสวรรค์ไร้เทียมทานแห่งเผ่าเทพอีกาทอง]
จักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ!
หานเจวี๋ยตกตะลึง
เขาเพิ่งเป็นเพียงจักรพรรดิเซียนสองวัฏ แล้วจะเอาชนะจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏได้อย่างไร
จอมปีศาจคุกรัตติกาลใจกระตุก กัดฟันกล่าวว่า “คาดไม่ถึงว่าจะเป็นจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต ก่อนที่เจียงอี้จะถือกำเนิดขึ้น เจ้าหมอนี่ก็เป็นบุตรสวรรค์อันดับหนึ่งของเผ่าเทพอีกาทอง กล่าวกันว่าสามารถก้าวข้ามระดับเทพได้ทุกเมื่อ!”
หานเจวี๋ยหายตัวไปจากที่เดิม มุ่งหน้าสู่ห้วงอากาศว่างเปล่า
มีอาภรณ์มหามรรคบัญชาสวรรค์อยู่ เขาก็ไม่กลัวว่าจะถูกจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตปลิดชีพฉับพลัน
เมื่อมาถึงห้วงอากาศว่างเปล่า หานเจวี๋ยเหลือบสายตามองไป เห็นเงาน่าสะพรึงสายหนึ่งครอบครองทั่วทั้งห้วงอากาศว่างเปล่า ลำพังแค่ดวงตาที่บ้าคลั่งและชั่วร้ายนั้นก็ใหญ่มหึมากว่าโลกเขย่าพิภพแล้ว
เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัว จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็อดปรายตามองเขาไม่ได้ กล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า “เจ้าก็คือเทพในโลกมนุษย์แห่งนี้หรือ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถปราบกำราบจอมปีศาจคุกรัตติกาลและพุทธะอาภรณ์ขาวได้ ดูท่าความสามารถของเจ้าคงไม่อ่อนด้อย ให้โอกาสเจ้าหนึ่งครา คุกเข่าลงเสีย ข้าผู้นี้อาจไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง”
โอหังยิ่งนัก!
หานเจวี๋ยตะคอกขึ้นในทันที “ข้ามีฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์คุ้มครอง มีหรือจะยอมคุกเข่าให้เจ้า”
“เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสวรรค์หรือ แน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะเป็น…”
“จักรพรรดิสวรรค์!”
“จักรพรรดิสวรรค์!”
“จักรพรรดิสวรรค์!”
หานเจวี๋ยเรียกจักรพรรดิสวรรค์สามครั้งติดต่อกัน
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยังคิดว่าเขากำลังเยาะเย้ยตน พลันรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที ฝ่ามือขนาดใหญ่ออกมาจากเงาดำไร้ขอบเขต ตบไปทางหานเจวี๋ย
ฟ้าดินโลกเขย่าพิภพดูเล็กจ้อยราวกับก้อนหินเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือยักษ์นี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา เงื้อกระบี่ฟันเข้าไปหนึ่งฉับ
หนึ่งกระบี่เทียมฟ้า!
ปราณกระบี่แตกระเบิด!
ปราณกระบี่สีดำสายหนึ่งดูราวกับรอยหมึกพู่กันที่กวัดแกว่งกระทบกับฝ่ามือยักษ์อย่างจัง ชั่ววินาทีนั้น ห้วงอากาศว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว ไอปีศาจแผ่ซ่านกระจายคละคลุ้ง ม้วนทะลักกลายเป็นไอหมอก
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
แกร่งนัก!
มรรคกระบี่เทียมฟ้าของเขากลับไม่สามารถทำลายฝ่ามือนี้ได้!
จักรพรรดิเซียนสองวัฏสู้กับกับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ ยังคงยากเกินไป
“ปราณกระบี่ของเจ้าบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเซียนหกวัฏแล้ว แต่ความแข็งแกร่งแค่นี้ คิดอยากเป็นคู่แข่งกับข้าก็ฝันเฟื่องเกินไปนัก เจ้าก็จงเข้าสู่ท้องของข้าไปพร้อมกับโลกใบนี้เสียเถิด!”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตกล่าวพร้อมหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทันทีที่วาจาสิ้นสุดลง เพลิงแท้สุริยะที่ร้อนระอุก็ลุกโชนอย่างรวดเร็ว กวาดม้วนทั่วทั้งห้วงอากาศว่างเปล่า อีกาทองสามขาที่น่าหวาดกลัวตัวหนึ่งพลันปรากฏกาย
ดวงตาของอีกาทองสามขาคู่นี้เต็มไปด้วยแววบ้าคลั่ง เขาอ้าปากกว้างอย่างดุดัน เพลิงแท้สุริยะโหมปะทุร่วงลงมาเสมือนกระแสน้ำทะลัก หากหานเจวี๋ยเบี่ยงหลบ โลกเขย่าพิภพจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
‘ลงมือโหดเหี้ยมยิ่งนัก!’
หานเจวี๋ยลอบสบถในใจ มือซ้ายของเขาฟาดขึ้นไปอย่างจัง พลังเวททั่วทั้งร่างไหลหลั่งออกมา ควบแน่นเป็นฝ่ามือสีทองแข็งแรงข้างหนึ่ง ยกขึ้นอย่างสั่นเทา
ฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะ!
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเดือดคลั่งถึงเพียงนี้ ต้องเคยสังหารศัตรูมาไม่น้อยเป็นแน่ ถึงสามารถสร้างจิตใจที่ไม่เห็นผู้ใดในสายตาเช่นนี้ได้ หรือกล่าวคือแรงกรรมของเขานั้นล้นฟ้ามหึมา!
แรงกรรมของศัตรูยิ่งมากเท่าไร ผลของฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น!
ฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะปะทะเข้ากับเพลิงแท้สุริยะพลุ่งพล่าน สังหารมันในทันที กระแทกเข้ากับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตที่อานุภาพไม่อาจต้านทาน
“ฝ่ามือตถาคตมหาสุริยะ! เจ้าเป็นคนของสำนักพุทธหรือ”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไอสังหารพุ่งทะยาน
“ข้าก็เกลียดสำนักพุทธที่สุด! จงไปตายเสีย!”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตคำรามออกมาด้วยโทสะ ทันใดนั้นก็อ้าปากที่แปดเปื้อนไปด้วยโลหิตกลืนกินฟ้าดิน
หานเจวี๋ยโบกกระบี่อย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่ปะทะเข้าที่ปากของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตจนสลายหายไปในทันใด
แย่แล้ว!
ต้านไม่อยู่!
เจ้าหมอนี่จะกลืนโลกเขย่าพิภพไปในคำเดียวจริงๆ!
ในชั่วพริบตานี้เอง ความคิดมากมายแวบเข้ามาในสมองของหานเจวี๋ย
หนี?
หากเขาหนี ทุกคนในโลกเขย่าพิภพและสำนักซ่อนเร้นต้องตายเรียบเป็นแน่!
แต่หากเขาไม่หนี ก็จะต้องถูกกลืนกินไปพร้อมกับโลกเขย่าพิภพ
ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าของหานเจวี๋ย เงาหลังกำยำ แผ่ซ่านอานุภาพทรงพลังยิ่งยวดออกมา
จักรพรรดิสวรรค์!
จักรพรรดิสวรรค์ยกมือขึ้นชี้คราหนึ่ง มังกรทองตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมา เจาะทะลุคอของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตด้วยความเร็วที่หานเจวี๋ยตามไม่ทัน
“จักรพรรดิสวรรค์!”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตตะลึงงัน เพลิงแท้สุริยะน่าสะพรึงกลัวก็หดตัวลงและรวมตัวเป็นเงาร่างคนสายหนึ่ง
จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียงเย็น ตะโกนขึ้นว่า “ไปให้พ้น!”
ใบหน้าหล่อเหลาของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตนั้นบิดเบี้ยวถึงขีดสุด กัดฟันกล่าวว่า “จักรพรรดิสวรรค์ เจ้ากลับมาที่นี่ด้วยตนเอง หรือเจ้าเด็กนี่เป็นบุตรของเจ้า?”
หานเจวี๋ยลอบสบถ จะสู้ก็สู้ เหตุใดต้องด่าด้วย?
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “สามอึดใจให้หลัง หากเจ้าไม่ไป ก็ตายเสีย!”
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตสีหน้ามืดครึ้ม รีบถอยหนีไปอย่างเร็วไว ทิ้งไว้เพียงคำพูดประโยคหนึ่ง “ดีนัก ข้าจะจับตาดูโลกใบนี้ไว้ รอกระทั่งจักรพรรดิปีศาจบุกสังหารมาที่สวรรค์เก้าชั้น ข้าต้องมากินเขาแน่! เมื่อถึงคราวนั้นก็คอยดูเถิดว่าจักรพรรดิสวรรค์อย่างเจ้ายังจะมาช่วยได้หรือไม่!”
[จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หานเจวี๋ยเห็นข้อความแจ้งเตือนนี้แล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
หลังจากผ่านไปสามอึดใจ กลิ่นอายของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตก็หายไปในทันที
จักรพรรดิสวรรค์หันหน้าเหลือบมองหานเจวี๋ยจากหางตา กล่าวว่า “ไปจากโลกเขย่าพิภพเสียเถิด”
เมื่อวาจาสิ้นสุดลง จักรพรรดิสวรรค์ก็กลายเป็นควันสีคราม จางหายไปไม่เห็นอีก
หานเจวี๋ยประหลาดใจ หรือว่าผู้ที่มานั้นไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์?
หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้ง
ฟังจากคำพูดของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแล้ว วังสวรรค์กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่
หานเจวี๋ยหันกายกลับมายังใต้ต้นฝูซัง
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวทอดถอนใจว่า “ท่านเจ้าสำนัก ที่แท้ท่านกับจักรพรรดิสวรรค์เกี่ยวข้องกันอย่างไร”
หลงเฮ่าเบิกตากว้าง เอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “เมื่อครู่เสด็จพ่อมาหรือ”
หานเจวี๋ยนั่งลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยว่า “วิกฤตใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกเขย่าพิภพใกล้มาเยือนแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”
ทุกคนสีหน้าหนักอึ้ง เมื่อครู่อานุภาพของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตช่างน่ากลัวจริงๆ ทำให้พวกเขาเสมือนเผชิญกับฟ้าถล่ม
“จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตมีที่มาอย่างไร”
“เจ้าใหญ่ เจ้ารู้จักหรือ”
“ไม่รู้จัก กระทั่งเผ่าเทพพวกเรายังไม่เคยไปเลย”
“ทำเช่นไรดี พวกเราต้องหนีหรือไม่”
“เผ่าเทพอีกาทองเคยเป็นราชวงศ์ของเผ่าปีศาจ อานุภาพในยามนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก”
ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์
แม้แต่จอมปีศาจคุกรัตติกาลเองก็ยังขมวดคิ้ว
จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตแข็งแกร่งยิ่งนัก เบื้องหลังยังมีเผ่าเทพอีกาทองอีก หาใช่สิ่งที่โลกมนุษย์แห่งเดียวจะสามารถต้านทานได้
หานเจวี๋ยยังจมอยู่ในภวังค์ความคิด
พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวว่า “หากสามารถซ่อนโลกเขย่าพิภพ และแยกมันออกจากป้ายศิลามรรคาสวรรค์ได้ บางทีอาจจะสามารถหลบหนีการไล่ล่าสังหารของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้”
ซ่อนเอาไว้…
จะซ่อนอย่างไร
หานเจวี๋ยราวกับจะคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนอื่นก็เริ่มปรึกษาหารือกันขึ้นมา
…
พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์ประทับอยู่บนบัลลังก์สูง
“รายงาน เทพยักษ์เจวี๋ยเฟิงเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าเทพอีกาทอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส!”
“รายงาน มีปีศาจประหลาดจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ด้านนอกประตูสวรรค์อุดร!”
“รายงาน วัดเสียงอสนีของสำนักพุทธเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าพญาอินทรี!”
“รายงาน วังเทพตอบกลับ กล่าวว่าพวกเขาถูกเผ่าวิหคชาดปิดล้อม!”
ทหารสวรรค์คนแล้วคนเล่าเหาะทยานเข้ามาในตำหนัก รายงานข่าวร้ายติดต่อกันทีละคน
เหล่าทวยเทพสีหน้ามืดครึ้ม
แม่ทัพสวรรค์ถึงขั้นพร้อมรบอยู่ด้านนอก เหลือเพียงเซียนเมธีเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ในวังสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์มีสีหน้าไร้ความรู้สึก นิ้วชี้ขวาแตะเคาะบนพนักวางแขน
ตี้ไท่ไป๋ตั้งท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป
เดิมทีคิดว่าการเอาชนะวังปีศาจจะเป็นเรื่องที่แน่นอนเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าวังปีศาจจะถึงกับระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมา
เผ่าพันธุ์บรรพกาลจำนวนมากสนับสนุนวังปีศาจ ในนั้นความโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิปีศาจมุ่งเน้นมาที่วังสวรรค์เป็นหลัก สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ ขวัญกำลังใจของวังสวรรค์ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
………………………………………………….