บทที่ 292 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้าย
“ข้าเล่นลูกไม้ไปจำนวนหนึ่ง อีกอย่างราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่นับว่าแข็งแกร่งมากนัก ยากที่จะสังเกตเห็น แม้จะสังเกตเห็นในภายหลัง หลังจากนางผู้นี้ปรากฏพรสวรรค์ออกมา พวกเขาก็ไม่ถือสา เพียงแต่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด อดีตชาติก็เปรียบเสมือนเมฆที่ลอยกลางอากาศ” ยายเมิ่งตอบ
หานเจวี๋ยเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ลูกไม้อะไร”
เขารีบตรวจดูค่าความสัมพันธ์ทันที รูปประจำตัวของสิงหงเสวียนยังอยู่ เพียงแต่ตรงแถบสถานะไม่มีคำอธิบายประกอบ แต่มีคำว่า ‘อยู่ระหว่างกลับชาติมาเกิด’ เพิ่มขึ้นมา
รูปประจำตัวยังอยู่ แสดงว่าสิงหงเสวียนยังจำเขาได้
ยายเมิ่งกลอกตากล่าวว่า “เจ้าเห็นว่าคนแก่อย่างข้าไม่มีความจริงใจหรืออย่างไร ข้าสมควรที่จะผิดใจกับเจ้าเพียงเพราะสตรีนางหนึ่งหรือ เจ้ายังตัดใจให้นางไปเกิดใหม่ได้ นางสามารถกลายเป็นเบี้ยที่จะใช้ข่มขู่เจ้าได้หรือ”
หานเจวี๋ยรู้สึกถูกล่วงเกิน
‘เหตุใดถึงได้รู้สึกเหมือนถูกด่านะ’
“เรื่องเช่นนี้พอจะอนุโลมให้ได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว มิเช่นนั้นท่านพญายมจะบันดาลโทสะได้” ยายเมิ่งกล่าวอย่างจริงจัง
หานเจวี๋ยพยักหน้า ในใจยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพญายมมากขึ้น
เหตุใดถึงรู้สึกว่าพญายมคือการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในยมโลกนะ
ยายเมิ่งกล่าวต่อ “เผ่าของข้าเข้าฝันหลิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่ อยากให้นางเข้าสู่โลกีย์วิสัยหรือ”
หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่ความประสงค์ของท่านหรือ”
ยายเมิ่งส่ายหน้ากล่าวว่า “อย่าให้หลิงเอ๋อร์ออกจากโลกเด็ดขาด มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตในครั้งนี้ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้นัก เผ่าจอมเวทไม่อาจออกหน้าในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้ได้ มิเช่นนั้นรากฐานจะถูกทำลายจนหมดสิ้น”
‘ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้?’
หานเจวี๋ยตกใจเข้าแล้ว
เหตุใดข้าเพิ่งมา ปวงสวรรค์ก็เผชิญกับมหาเคราะห์ที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์มาก่อนเล่า
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม “เป็นเพราะกลุ่มอิทธิพลเจ้าจักรวรรดิทั้งสี่ฝ่ายต่อสู้กันหรือ”
“ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ยังมีการดำรงอยู่ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าควบคุมทุกสิ่ง ตามที่ข้าเข้าใจ นอกจากปวงสวรรค์แล้วยังมีเจ้าแดนต้องห้ามอันธการที่กำลังวางแผนมหาเคราะห์อยู่ วังปีศาจ วังเทพ วังสวรรค์ และสำนักพุทธก็อยู่ในแผนร้ายของเขา แม้กลุ่มอิทธิพลเจ้าจักรวรรดิทั้งสี่ฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่อาจขจัดความเกลียดชังซึ่งกันและกันได้ วิธีการนี้น่าหวาดกลัวจริงๆ” ยายเมิ่งทอดถอนใจกล่าว
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ?
ฟังดูแล้วคล้ายนักแสดงตัวร้ายมาก
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ที่ท่านเรียกให้ข้ารอท่าน ก็เพื่อจะบอกว่าอย่าปล่อยให้ถูหลิงเอ๋อร์ออกไปอย่างนั้นหรือ”
ยายเมิ่งพยักหน้า
หานเจวี๋ยหมดคำพูด
เรื่องแค่นี้เมื่อครู่บอกตรงๆ ก็ได้ ต้องให้ข้ารอเจ้าด้วย!
“จริงสิ สำหรับเรื่องผู้ฝ่าเคราะห์นั้นเจ้ารู้หรือไม่” หานเจวี๋ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถาม
จักรพรรดิสวรรค์บอกว่าผู้ฝ่าเคราะห์อยู่ในยมโลก เขาย่อมไม่อาจไม่สนใจได้
อย่าได้หาเรื่องเข้าบ้านเข้าสักวัน!
ยายเมิ่งหรี่ตากล่าวว่า “คนผู้นั้นถูกกำราบแล้ว รายละเอียดนั้นเจ้าไม่ต้องถามมาก มิเช่นนั้นแปดเปื้อนผลกรรมแล้วจะไม่ดี”
ถูกกำราบแล้วหรือ ง่ายดายเพียงนี้เชียว?
หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีเลศนัย กลุ่มอิทธิพลอย่างยมโลกจะมั่นใจตนเองไปหน่อยหรือไม่
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพักก็แยกย้าย
……
แดนเซียน ปัจฉิมสวรรค์
ภายในวัดเสียงอัสนี พระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนชุมนุมอยู่ในวิหารวัดขนาดใหญ่และโอ่อ่า
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เปล่งแสงพุทธะสว่างรุ่งโรจน์ คล้ายกับมีพระเป็นร้อยๆ ล้านรูปกำลังสวดมนต์ เสียงพุทธะดังก้องในวิหารไม่ขาดสาย
“เกี่ยวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ตรวจสอบพบเบาะแสหรือไม่” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
พุทธะชรารูปหนึ่งเอ่ยปากว่า “อมิตาพุทธ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการปรากฏตัวกะทันหันเกินไป เบาะแสเดียวที่มีก็คือ เขาใช้หนังสือลึกลับเล่มหนึ่งสาปแช่งกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในแดนเซียน มีความเป็นไปได้มากที่เขาจะเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร”
เผ่ามาร!
พุทธาเทพพากันกระซิบกระซาบด้วยความตกใจ
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “มีหลักฐานหรือไม่”
พุทธะชราส่ายศีรษะ
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์กล่าวต่อว่า “เผ่ามารก็ตกต่ำไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สำนักพุทธก็ควบคุมจิตมาร ดังนั้นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่อาจมาจากเผ่ามารได้ ข้ากลับคิดว่าเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิปีศาจ จักรพรรดิปีศาจบ้าคลั่งเช่นนี้ รบเดี่ยวกับสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่ นอกจากเผ่าบรรพกาลเหล่านั้นแล้ว เกรงว่ายังมีกำลังที่ใหญ่ยิ่งกว่า”
คำพูดของเขาทำให้พุทธาเทพและพระโพธิสัตว์อดที่จะพยักหน้าไม่ได้
ตั้งแต่ตำนานของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการถูกเล่าลือในแดนเซียน วังปีศาจก็ไม่ได้หยุดการโจมตี แต่กลับเริ่มกลืนกินอาณาจักรต่างๆ ในแดนเซียนอย่างกำเริบเสิบสาน
“มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเพิ่งจะเปิดตัวขึ้น จะต้องระมัดระวังให้ดี มีความเป็นไปได้มากว่าวังปีศาจอาจจะไม่ใช่ภัยพิบัติที่ถูกลิขิตไว้อย่างแท้จริง”
“ว่ากันว่า เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีร่างแปลงนับหมื่นนับพัน เดินทางไปมาระหว่างสวรรค์และโลก”
“อมิตาพุทธ สำนักพุทธพึงจะออกหน้าเพื่อเวไนยสัตว์ กำจัดเจ้าแดนต้องห้ามอันธการและวังปีศาจ”
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการชอบสาปแช่งศัตรู ถือเป็นเรื่องชั่วร้ายเสียจริง!”
“พุทธะเรามีเมตตาธรรม เคยมีคนถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งหรือไม่”
ขณะที่ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาพุทธะอยู่นั้น บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์พลันขมวดคิ้ว
เขาถูกสาปแช่งแล้ว
เขานับนิ้วคำนวณดู คำนวณพบแค่หนังสือเล่มหนึ่ง แต่มองไม่เห็นร่างที่แท้จริงของผู้ที่ใช้หนังสือเล่มนั้น
หนังสือเล่มนี้เหมือนกับที่สาปแช่งพุทธาเทพฟ้าพิโรธไม่มีผิด จักต้องเป็นการลงมือของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอย่างแน่นอน!
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะสาปแช่งเขาโดยตรง
แต่ว่าพลังสาปแช่งนี้ทำร้ายเขาไม่ได้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอ่อนแอเช่นนี้เชียวหรือ
ไม่ถูกต้อง!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องการก่อกวนมรรคจิตของเขา!
หรือว่าจักรพรรดิปีศาจก็ถูกสาปแช่งจนบ้าคลั่งเช่นนี้
มีความเป็นไปได้มาก!
หากสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจตาย เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะต้องแบกรับแรงกรรมมหาศาล แต่หากก่อกวนจนจักรพรรดิปีศาจโหมพัดกระหน่ำไปทั่วปวงสวรรค์ นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการแล้ว
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์หรี่ตาลง ท่ามกลางความมืดมิด ราวกับว่าเขามองเห็นเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนั้นยืนอยู่บนจุดสูงสุดของการบำเพ็ญเพียร ก้มมองปวงสวรรค์หมื่นโลกา มือชั่วร้ายคู่นั้นปรารถนาจะควบคุมมรรคาสวรรค์
ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกๆ ลุกลามในใจบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
ศัตรูตัวฉกาจไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือไม่รู้ว่าศัตรูตัวฉกาจคือผู้ใด
……
เจ็ดปีหลังจากที่สิงหงเสวียนไปเกิดใหม่
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่นั้น พลันมีอักขระปรากฏขึ้นตรงหน้าสามแถว
[ตรวจสอบพบว่าปวงสวรรค์หมื่นโลกามอบชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการให้กับท่าน ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ขึ้นสวรรค์ทันที อาศัยสถานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการช่วงชิงดวงชะตายิ่งใหญ่ จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น ของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น ยกระดับระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง เก็บตัวฝึกฝนเงียบๆ อยู่ห่างจากแดนเซียน ไม่เข้าร่วมมหาเคราะห์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
หานเจวี๋ยมองดูแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยคำถาม
‘เรื่องบ้าอะไรกัน! เจ้าแห่งแดนต้องห้ามอันธการก็คือข้า?’
ปฏิกิริยาแรกของหานเจวี๋ยก็คือตนเองถูกใส่ร้าย
ปฏิกิริยาต่อมาก็คือตนเองถูกเปิดโปงเข้าแล้ว
ทว่าพอครุ่นคิดดูอีกที ก็ไม่มีการแจ้งเตือนระดับความเกลียดชังจำนวนมาก ที่เกิดความเกลียดชังเขาในช่วงนี้ก็มีเพียงบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เท่านั้น
‘เหตุใดข้าถึงกลายเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการได้’
หานเจวี๋ยคิดไม่ออก หรือมีผู้ทรงพลังคำนวณได้ว่าเขาเป็นผู้ที่ทะลุมิติมา
เขาเลือกตัวเลือกที่สองในทันที
ตอนนี้ชิ้นส่วนมหามรรคยังไม่มีประโยชน์ ต้องสะสมเอาไว้ก่อน ตอนนี้สะสมได้สองชิ้น
หินวิญญาณมรรคาสวรรค์สามารถยกระดับของวิเศษได้ นับว่าเป็นของดี ไม่ได้ปรากฏมานานแล้ว
สิ่งแรกที่หานเจวี๋ยเลือกก็คือหนังสือแห่งความโชคร้าย
หนังสือแห่งความโชคร้ายเป็นยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ ตอนนี้ไม่นับว่าทรงพลังแล้ว ต้องยกระดับ
ส่วนของวิเศษอื่นๆ นั้นไม่รีบร้อน ถึงอย่างไรเขาก็ต่อสู้กับคนอื่นน้อยอยู่แล้ว
หานเจวี๋ยรีบนำหนังสือแห่งความโชคร้ายกับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา และเริ่มผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันเพื่อยกระดับ
หลายวันต่อมา
[หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับจากยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิเป็นสมบัติวิญญาณระดับเทพ]
หานเจวี๋ยมองเห็นการแจ้งเตือนนี้ ก็อดยิ้มอย่างพอใจไม่ได้
เขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง นำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อติดต่อกับตี้ไท่ไป๋
เพียงไม่นานพลังจิตก็เชื่อมต่อกัน
“ผู้อาวุโส สถานะของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนั้น วังสวรรค์รู้จักหรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
ตี้ไท่ไป๋ถามกลับด้วยความประหลาดใจ “เจ้าก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการด้วยหรือ นั่นคือการดำรงอยู่ที่ลึกลับไม่อาจทราบได้ อาศัยของวิเศษสาปแช่งที่ลึกลับยากจะคาดเดาวางแผนประทุษร้ายปวงสวรรค์ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของเขา เพราะอย่างนั้นจึงถูกขนานถามว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เทพเซียนของวังสวรรค์เองก็กำลังตรวจสอบเขาอยู่ ว่ากันว่าเขาอาจเป็นการดำรงอยู่ที่ควบคุมมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต”
……………………………………….