บทที่ 304 มารในใจของหลี่เสวียนเอ้า
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกำลังสาปแช่งเจ้า?” จักรพรรดิสวรรค์ไต่ถาม
เห็นสีหน้าของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ทรมานเพียงนี้ เขาก็รู้สึกใจอ่อนอยู่บ้าง
ขนาดบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ยังถูกสาปแช่งรุนแรงเพียงนี้ รอกระทั่งเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเขา เขาก็จะไม่รู้สึกทรมานมากเช่นกันหรือ
จักรพรรดิสวรรค์ลอบสวดภาวนากับตนเอง หวังไม่ให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจับจ้องมาที่เขา
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ พลังแห่งคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการนั้นไม่นับว่ารุนแรงนัก แต่กลับสามารถรบกวนจิตใจและส่งผลต่อมรรคจิตได้ เจ้าหมอนี่จะสาปข้าทุกๆ สิบปี น่ารำคาญยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์นิ่งเงียบ
แม้แต่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ยังเป็นถึงเพียงนี้ มิน่าเล่าจักรพรรดิปีศาจถึงได้บ้าคลั่ง
“ฝ่าบาท เกี่ยวกับเรื่องรายนามสถาปนาเทพ ท่านคิดเห็นเช่นไรหรือ” บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ฝืนข่มความทรมานก่อนเอ่ยถาม
จักรพรรดิสวรรค์ยกจอกสุราขึ้นอีกครั้ง กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “หากรับผิดชอบเรื่องรายนามสถาปนาเทพร่วมกับสำนักพุทธ ในมหาเคราะห์ครั้งนี้ สำนักพุทธจะไม่ทรยศต่อวังสวรรค์แน่หรือ”
“ไม่ทรยศเด็ดขาด”
“ในมหาเคราะห์ วังสวรรค์หรือสำนักพุทธจะเป็นผู้นำเล่า”
“สำนักพุทธยินดีที่จะช่วยเหลือวังสวรรค์ เมื่อมหาเคราะห์ผ่านพ้น จะแบ่งพื้นที่ในแดนเซียนกับวังสวรรค์เท่าๆ กัน ส่วนโลกาสวรรค์ ทั้งหมดนั้นล้วนควบคุมโดยวังสวรรค์”
“ตกลง เราก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มแล้วยกจอกสุราขึ้น
บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ยกจอกสุราของตนขึ้นตาม ผู้นำแห่งขุมอำนาจทั้งสองต่างสบสายตายิ้มให้แก่กัน บรรลุข้อตกลง
…
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ ทำให้อายุขัยลดลงอย่างบ้าคลั่ง
หนึ่งหมื่นปี!
หนึ่งแสนปี!
หนึ่งล้านปี!
สิบล้านปี!
ร้อยล้านปี!
หานเจวี๋ยเริ่มมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ด เขาเรียกดูหน้าต่างค่าสถานะและกล่องจดหมายในเวลาเดียวกัน ติดตามไปพร้อมๆ กัน
[ตี้ไท่ไป๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด]
[ตี้ไท่ไป๋สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจประหลาด]
…
ภายใต้สถานการณ์ตามเวลาจริง จดหมายทั้งหมดเป็นจดหมายที่เผชิญกับการโจมตี รวมเข้าด้วยกันเป็นรูปแบบ x และตัวเลขอย่างต่อเนื่อง
สมกับเป็นบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์!
หัวโจกอยู่ตัวแล้ว ยังไม่เกิดผลในการสาปแช่ง
หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งต่อไป
เขาตัดสินใจที่จะนำอายุขัยออกมาเล่นอีกหมื่นล้านปี อย่างน้อยบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ได้รับเกียรติจากอายุขัยสองพันล้านปีของเขา
เวลาล่วงเลยผ่านไป
ใบหน้าของหานเจวี๋ยค่อยๆ เต็มไปด้วยเลือด โชคดีที่อู้เต้าเจี้ยนอยู่ข้างนอก ไม่อย่างนั้นนางคงจะตะโกนกรีดร้องออกไปแน่
สามวันต่อมา
อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงไปทั้งหมดสองพันล้านปี แต่ทว่าก็ยังไม่มีจดหมายจากบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์
หานเจวี๋ยจวนจะปิดตัวเองแล้ว
เจ้าหมอนี่ก็โหดเกินไปแล้วกระมัง!
หานเจวี๋ยรู้สึกหดหู่ใจ ทำได้เพียงพักผ่อนอยู่หลายวัน ก่อนจะสาปแช่งศัตรูอีกคนหนึ่งอีกครั้ง
จอมปีศาจอินทรีทอง!
หานเจวี๋ยใช้อายุขัยไปเพียงร้อยล้านปีเท่านั้น ภาพประจำตัวของจอมปีศาจอินทรีทองก็หายไป
[จอมปีศาจอินทรีทองศัตรูคู่อาฆาตของท่านวิญญาณแตกกระจาย ตัวตายมรรคผลสลาย เนื่องด้วยคำสาปแช่งของท่าน]
ถัดมาคือจักรพรรดิปีศาจ!
หานเจวี๋ยใช้อายุขัยไปสองพันล้านปีเช่นเดียวกัน แต่จักรพรรดิปีศาจก็เหมือนกับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ ไม่มีจดหมายปรากฏขึ้น
จักรพรรดิปีศาจแข็งแกร่งขึ้นแล้วหรือ
มีของอยู่บ้างนี่นา
หานเจวี๋ยเช็ดเลือดบนใบหน้า และพักผ่อนอีกครั้งเป็นเวลาสองสามวัน
เป้าหมายสุดท้าย
หลี่เสวียนเอ้า!
หานเจวี๋ยไม่เชื่อแล้ว หลี่เสวียนเอ้าจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับจักรพรรดิปีศาจและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เชียวหรือ
ข้าจะเอาอายุขัยอีกสองพันล้านปีมาเล่นอีก!
หลังจากหานเจวี๋ยปรับสภาพจนเข้าที่แล้ว ก็สาปแช่งต่อไป
ยามที่อายุขัยของเขาลดลงถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านปี หานเจวี๋ยก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[หลี่เสวียนเอ้าศัตรูของท่านเกิดมารในใจเนื่องด้วยคำสาปแช่งของท่าน]
หานเจวี๋ยหยุดชะงักทันที
แค่เกิดมารในใจก็พอแล้ว สาปแช่งต่อไปอีกก็ไม่มีประโยชน์
ก็เหมือนกับการรับประกันในเกม
เมื่อแตะถึงจุดป้องกันก็ควรจะหยุดลง หลังจากนั้นยังคงเพิ่มความน่าจะเป็นต่อไปในอนาคต สาปแช่งทุกๆ สิบปี พันปีต่อมาค่อยเรียกคลื่นลูกใหญ่
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
เขาเริ่มเดินลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ ปรับสภาพให้เข้าที่
…….
แดนเซียน ในป่าเขาผืนหนึ่ง
หลี่เสวียนเอ้ากำลังเข้าฌานใต้ต้นไม้ สองมือเคลื่อนย้ายลมปราณ มีไอชั่วร้ายรายล้อมรอบกายสายแล้วสายเล่า
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม หัวคิ้วขมวดมุ่น
ไม่ไกลออกไป หวงจี๋เฮ่าที่กำลังหยั่งรู้เข้าใจกระบี่ลืมตาขึ้น มองไปทางหลี่เสวียนเอ้าด้วยความประหลาดใจ
‘อาจารย์เป็นอะไรไป’ ในใจหวงจี๋เฮ่ารู้สึกสงสัย
ตั้งแต่เขากราบไหว้หลี่เสวียนเอ้าเป็นอาจารย์ ชีวิตของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าสะเทือนดิน
ภายใต้การชี้นำของหลี่เสวียนเอ้า มรรคกระบี่ของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ในหัวใจเขา หลี่เสวียนเอ้าก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในปวงสวรรค์
เซียนกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ เหตุใดถึงเกิดอาการผิดปกติเช่นนี้ได้ หรือว่าบำเพ็ญตบะจนธาตุไฟเข้าแทรก?
และในตอนนั้นเอง
หลี่เสวียนเอ้าก็พลันลืมตาขึ้น ดวงตากลับเป็นสีแดงก่ำ มีลวดลายเส้นสีเงินแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา
เมื่อหวงจี๋เฮ่าสบสายตากับหลี่เสวียนเอ้า ในใจก็พลันกระตุก
เขามองเห็นจิตสังหาร!
‘อาจารย์คิดอยากจะฆ่าข้า? ไม่สิ! ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้า!’
หลี่เสวียนเอ้าพึมพำกับตัวเอง “หลี่เต้าคง ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้”
หลี่เต้าคง?
หวงจี๋เฮ่าอดที่จะนึกถึงอาจารย์ลุงที่ขี้เล่นไม่สนใจโลกคนนั้นขึ้นมาไม่ได้
ก่อนหน้านี้หลี่เต้าคงยังเคยสอนบทเรียนให้กับเขา จนเกือบจะทำลายมรรคจิตของเขาป่นปี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
ความแข็งแกร่งของหลี่เต้าคงและหลี่เสวียนเอ้าน่าจะพอๆ กัน อย่างน้อยหวงจี๋เฮ่าก็คิดเช่นนั้น
และเพราะว่าพอๆ กัน เพราะอย่างนั้นหลี่เสวียนเอ้าจึงยากที่จะเอาชนะหลี่เต้าคง
“อาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป” หวงจี้เฮ่าเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของหลี่เสวียนเอ้าพลอยสุกใสเป็นประกายชัดเจน เขาส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร เจ้าหยั่งรู้กระบี่ต่อไปเถิด หลังจากนี้เจ้ายังต้องพบกับช่วงที่ยากลำบากอีก”
กล่าวจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง
สมควรตาย!
ใครกันแน่ที่สาปแช่งข้า
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือ
หลี่เสวียนเอ้าคิดไม่ตก คนที่ตนเองล่วงเกินมีไม่มากนัก
หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์?
จักรพรรดิสวรรค์คงไม่ถึงกับใช้วิธีการเลวร้ายเช่นการสาปแช่งเช่นนี้ อีกอย่างจักรพรรดิสวรรค์และหลี่เต้าคงก็รู้จักกันดี หากไม่ชอบเขาก็สามารถให้หลี่เต้าคงสร้างความลำบากให้กับเขาได้
หลี่เสวียนเอ้าเริ่มนับนิ้วคำนวณ ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถคำนวณอะไรได้เลย
สิ่งที่ทำให้เขารำคาญมากที่สุดคือเขาเกิดมารในใจขึ้นอีกครั้ง
ที่ผ่านมา เขารู้สึกอิจฉาศิษย์พี่ของตนเองเป็นอย่างมาก พลังแห่งคำสาปแช่งก็เพิ่มความอิจฉาริษยาของเขาให้มากขึ้น จนก่อตัวเป็นมารในใจ
มารในใจกำลังล่อลวงเขา ต้องการให้เขาไปสู้เอาเป็นเอาตายกับหลี่เต้าคง
ยิ่งคิดหลี่เสวียนเอ้าก็ยิ่งอารมณ์เสีย เขาพลันรู้สึกไม่สงบใจขึ้นมาอยู่บ้าง
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งนี้อาจไม่ง่ายดายเพียงนั้น มีกองกำลังที่เกี่ยวข้องมากเกินไป ทั้งยังมีการดำรงอยู่ปริศนาที่ลอบจัดการกับสถานการณ์อยู่ในที่มืด
…
กาลเวลาผ่านพ้น
ตั้งแต่สาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าจนเกิดมารในใจ หานเจวี๋ยก็ยังคงฝึกบำเพ็ญต่อไปอย่างจริงจัง
จักรพรรดิเซียนสี่วัฏยังไม่เพียงพอ เขาต้องบรรลุถึงจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏให้ได้ในเร็ววัน
โลกเขย่าพิภพก็พัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน หลังจากที่ผู้อาวุโสที่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์เหล่านั้นกลับสู่โลกมนุษย์ พวกเขาก็พัฒนาสำนักของตนเองอย่างจริงจัง อารยธรรมการฝึกบำเพ็ญของโลกเขย่าพิภพเริ่มเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ และดวงชะตาของทั้งโลกก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อที่จะประจบเอาใจหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวได้สร้างรูปปั้นของหานเจวี๋ยขึ้นในทุกแดนของโลกาสวรรค์ เทิดทูนเป็นเทพเซียนในโลกมนุษย์ ดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพก็ขึ้นอยู่กับตัวของหานเจวี๋ย ทำให้ดวงชะตาของหานเจวี๋ยเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้สถานการณ์ที่หานเจวี๋ยไม่ได้เข้าสู่เคราะห์
เวลาผ่านไปเพียงพริบตา
เวลาสี่สิบปีผ่านพ้นไป
วันนี้ หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง หยัดกายลุกขึ้นและเดินออกไปนอกถ้ำเทวา
เหล่าศิษย์ต่างกำลังฝึกบำเพ็ญของตัวเอง บางคนก็กำลังทำแบบจำลองการทดสอบ
ถูหลิงเอ๋อร์และลี่เหยานั่งเผชิญหน้ากัน พร้อมกับทำแบบจำลองการทดสอบ นับตั้งแต่ได้รับเจดีย์บรรพชนจอมเวทมา ความแข็งแกร่งของถูหลิงเอ๋อร์ก็พุ่งทะยานขึ้น นอกจากจักรพรรดิเซียนแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายการป้องกันของเจดีย์บรรพชนจอมเวทได้ ลี่เหยาและมู่หรงฉี่ไม่เชื่อในความชั่วร้าย มักจะไปท้าประลองกับถูหลิงเอ๋อร์อยู่ตลอด
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหานเจวี๋ย จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็พลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา เอ่ยว่า “เจ้าสำนัก แม่น้ำปรโลกกำลังเกิดการเคลื่อนไหว!”
……………………………………………….