บทที่ 32 ข้าคือระดับเปลี่ยนวิญญาณ!
‘เจ้าสวะนี่!
กล้ามาทำร้ายคู่บำเพ็ญเพียรตัวสำรองของข้าหรือ’
หานเจวี๋ยดูเหมือนเฉยชา แต่ความจริงจิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เมื่อสิงหงเสวียนได้ยินคำถามของหานเจวี๋ย นางพยักหน้าตามจิตใต้สำนึก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าชายชุดดำผู้นี้คือศิษย์แกนหลักอันดับสองของลัทธิมารฟ้ามืด
ถึงแม้หานเจวี๋ยทะลวงระดับรวมแก่นปราณแล้ว แต่ก็ยังอยู่แค่รวมแก่นปราณระยะต้นแน่
จะเอาชนะชายชุดดำได้อย่างไร
สิงหงเสวียนกล่าวขึ้น “ท่านพี่ รีบ…”
ยังไม่ทันพูดคำว่า ‘หนี’ ชายชุดดำก็ลงมือในฉับพลัน
ชายชุดดำรับรู้เพียงว่าตบะของหานเจวี๋ยอยู่แค่ระดับสร้างฐานขั้นเก้า
ระดับสร้างฐานขั้นเก้ายังกล้ามาขัดเรื่องดีๆ ของเขาหรือ
กำเริบเสิบสานจริงๆ!
ชายชุดดำเหวี่ยงดาบฟันออกไป พลังดาบลอยขึ้นสูง ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยยกมือขึ้นปล่อยตราประทับเก้ามังกรขจัดมาร
ลัญจกรหยกสีทองร่วงลงมาจากบนฟ้า สลายพลังดาบพลางกดทับลงไปหาชายชุดดำ
เมื่ออานุภาพกดดันอันน่าสะพรึงกลัวมาเยือน ชายชุดดำตกใจจนหน้าถอดสี รีบกระโดดหนีไป
ครั้นแล้วหานเจวี๋ยก็ใช้วิชาสามกระบี่แยกเงา เงากระบี่สว่างวาบ
ชายชุดดำยังไม่ทันถึงพื้นก็ดับดิ้นทันที
เรียกได้ว่าฟันแหลกเป็นหมื่นชิ้น ตายได้อนาถยิ่ง!
สิงหงเสวียนเบิกตากว้าง ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
“หาที่ซ่อนเสียก่อน”
หานเจวี๋ยทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะบินมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหลัก
สิงหงเสวียนตะลึงงันอยู่ในป่า ผ่านไปนานก็ยังไม่อาจเรียกสติกลับมา
[ความประทับใจที่สิงหงเสวียนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 6 ดาว]
เพิ่มขึ้นอีกแล้ว!
หานเจวี๋ยยิ้มขมขื่น ดูเหมือนในชาตินี้แม่นางผู้นี้จะชอบพอชายคนอื่นไม่ได้แล้ว
‘เสน่ห์และพลังที่สมควรตายของข้านี่มัน!’
…
บนยอดเขาหลัก เซียนซีเสวียน เซียนเฒ่าเต้าเหลย นักพรตเต๋าจิ้งซวี และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ล้วนนอนจมกองเลือด ร่างกายบาดเจ็บสาหัส
ผู้อาวุโสทั้งสิบแปดยอดเขาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสหลายคนที่เหลือถูกยอดฝีมือลัทธิมารฟ้ามืดตรึงกำลังอยู่ที่สำนักฝ่ายใน
เทียบกับพวกเขาแล้ว หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดน่าสังเวชที่สุด
กายทองเทียนกังของทั้งสองถูกโจมตีทำลาย หลี่ชิงจื่อเสียแขนทั้งสองข้าง คุกเข่าอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ผู้อาวุโสสูงสุดเลือดอาบใบหน้า กำลังนั่งสมาธิรักษาบาดแผล
ศึกครั้งนี้รู้ผลชัดเจนแล้ว
ต้วนทงเทียนยืนอยู่บนแม่เหล็กทมิฬตามธรรมชาติ ใบหน้าเผยยิ้มสัพยอก “ยังจะต่อต้านอีกหรือ พวกเจ้าลองเดาดูสิ สำนักหยกพิสุทธิ์ยังเหลือผู้รอดชีวิตอยู่อีกกี่คน”
เหล่าผู้อาวุโสเงียบงัน กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยปิดเปลือกตาลงรอรับความตายแล้ว
เซียนซีเสวียนเองก็หลับตาด้วย
ในวันนี้สำนักหยกพิสุทธิ์จะพินาศย่อยยับ นับแต่นี้เป็นต้นไป แดนบำเพ็ญพรตจะไม่มีสำนักหยกพิสุทธิ์อีก
“ตัวร้ายตายเพราะพูดมาก เจ้าคงไม่เคยได้ยินประโยคนี้สินะ”
เสียงหนึ่งลอยมาตามลม
ต้วนทงเทียนเหลือบตามอง เห็นเพียงหานเจวี๋ยเหยียบกระบี่บินลอยเข้ามาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
ระดับสร้างฐานขั้นเก้า?
ต้วนทงเทียนหัวเราะ
บรรดาผู้อาวุโสของสำนักหยกพิสุทธิ์พากันมองตามไป
เมื่อเซียนซีเสวียนเห็นหานเจวี๋ยก็พลันร้อนรน รีบเอ่ยว่า “เจ้ามาทำไม! ยังไม่รีบหนีไปอีก!”
หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดมองไปยังหานเจวี๋ยด้วยแววตาสับสน
พวกเขาต่างจำหานเจวี๋ยได้
พวกเขาประเมินหานเจวี๋ยไว้ต่ำมาก คิดว่าเจ้าเด็กนี่รักตัวกลัวตาย น่าอายและพึ่งไม่ได้
ไม่นึกว่าในตอนที่สำนักหยกพิสุทธิ์เจอภยันตราย จะมีเพียงหานเจวี๋ยศิษย์ผู้นี้ที่กล้าขึ้นเขามา
เฮ้อ!
อาจารย์ทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน
หานเจวี๋ยบินมาด้านหน้าเซียนซีเสวียน ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “อาจารย์ ท่านปลอดภัยดีหรือไม่”
เซียนซีเสวียนผมเผ้ายุ่งเหยิง นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยเห็นนางจนตรอกเช่นนี้
แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น อาจารย์ก็ยังงดงามชวนให้คนใจสั่น
เซียนซีเสวียนกล่าวเสียงแผ่ว “เชื่อฟังข้า รีบหนีไป หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ นับตั้งแต่วันนี้เจ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์อีกต่อไป!”
[เผชิญหน้าเจ้าลัทธิมารผู้แข็งแกร่ง เซียนซีเสวียนปรารถนาให้ท่านหลบหนี ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง เชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์ หนีไปอย่างสุดชีวิต หากหนีสำเร็จจะได้รับอาวุธเวทหนึ่งชิ้น]
[สอง สังหารระดับเปลี่ยนวิญญาณ เส้นทางการบำเพ็ญเพียรยากจะเลี่ยงจากการต่อสู้ เก็บตัวฝึกบำเพ็ญไม่ใช่ความขี้ขลาด หากกอบกู้สำนักหยกพิสุทธิ์สำเร็จจะได้รับโอสถชั้นเลิศหนึ่งขวด]
หานเจวี๋ยไม่ได้หวั่นไหวเพราะตัวเลือกด้านหน้า
เหตุผลที่เขามาที่นี่ เป็นเพราะเขาตัดสินใจไว้แล้ว
ต้วนทงเทียนยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้าใจกล้าไม่เบา ในบรรดาศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ก็มีเจ้านี่แหละที่ใจเด็ด หากเจ้ายอมคุกเข่าโขกหัวคำนับข้าสามที ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า และให้โอกาสเจ้าเข้าร่วมลัทธิมารฟ้ามืด!”
ตูม!
เขาระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวของระดับเปลี่ยนวิญญาณออกมาทันที เศษหินบนพื้นสั่นสะเทือนจนลอยขึ้นมา
เส้นผมดำขลับตรงหน้าผากและจอนหูของหานเจวี๋ยปลิวตามแรงลม เขาหันไปมองทางต้วนทงเทียนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ลัทธิมารฟ้ามืดแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าจะไม่ปล่อยสำนักหยกพิสุทธิ์” หานเจวี๋ยเอ่ยถาม
กระบี่กิเลนปรากฏขึ้นในมือเขา
เลือดของเขาเดือดพล่านแล้ว
ฝึกฝนไปวันๆ ก็เลือดร้อนได้เช่นกัน!
สังหารระดับเปลี่ยนวิญญาณ ก็อยู่ตรงหน้านี้เอง!
ต้วนทงเทียนหัวเราะดูถูกพลางกล่าว “ความแค้นหลายร้อยปีจะปล่อยวางง่ายๆ ได้ที่ไหน หากเปลี่ยนเป็นสำนักหยกสุทธิ์ ก็ไม่อาจปล่อยลัทธิมารฟ้ามืดไปเหมือนกัน”
หานเจวี๋ยพยักหน้า รู้สึกว่ามีเหตุผล
เขาเดินเข้าไปหาต้วนทงเทียน
“ยอมอ่อนข้อให้แล้วรึ” ต้วนทงเทียนเอ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หานเจวี๋ยยิ้มบอก “ผิดแล้ว ข้ากำลังจะฆ่าเจ้าต่างหาก”
ข้ากำลังจะฆ่าเจ้าต่างหาก!
เขาพูดประโยคนี้อย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับทำให้ทุกคนฝ่ายสำนักหยกพิสุทธิ์ตกตะลึงสุดจะบรรยาย
ในขณะที่ผู้แข็งแกร่งของสำนักหยกพิสุทธิ์พ่ายแพ้ กลับมีศิษย์ระดับสร้างฐานคนหนึ่งกล้าออกหน้าประกาศว่าจะสังหารเจ้าลัทธิมารฟ้ามืด นี่คือความกล้าหาญระดับใดกัน!
เวลานี้ สายตาที่ผู้อาวุโสทั้งหลายมองหานเจวี๋ยเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
ต่อให้ตายก็ต้องตายอย่างเกรียงไกร!
“ฮ่าๆๆ สำนักหยกพิสุทธิ์ของข้ามีศิษย์เช่นนี้อยู่ด้วย ถึงจะถูกทำลายแล้วอย่างไร”
เซียนเฒ่าเต้าเหลยหัวเราะเสียงดัง เพราะหัวเราะมากเกินไป จึงไม่ระวังสะเทือนถึงบาดแผล ทำให้เขาเจ็บจนไอออกมา
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ พากันยกย่องหานเจวี๋ย
ต้วนทงเทียนขมวดคิ้ว ในดวงตาฉายจิตสังหาร
ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงตะโกนก้องเหมือนเสียงระเบิดดังมา
“เฉาเชา! เจ้าอยู่นี่นี่เอง! ตายเสียเถอะ!”
เห็นแต่จางคุ่นหมัวพุ่งตรงเข้ามา เขาถือแส้เหล็กไว้ ฝ่าเท้าเหยียบอยู่บนกระบี่บิน รัศมีพลังดูยิ่งใหญ่
หานเจวี๋ยหันไปมอง มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
อ้าว!
นี่ไม่ใช่อาจารย์ของเฉินซานเทียนหรอกหรือ
จางคุ่นหมัวที่โกรธจัดโจมตีไปทางหานเจวี๋ยทันใด ไม่มีทีท่าจะหยุดแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเขากำลังปะทะเข้ามา หานเจวี๋ยยกมือขึ้นส่งประทับตราเก้ามังกรขจัดมาร
พลังวิญญาณหกสายที่พลุ่งพล่านแปรเปลี่ยนเป็นลัญจกรหยกสีทองกวาดออกไปประหนึ่งขุนเขา รุนแรงจนไม่อาจต้านทานได้
เหล่าผู้อาวุโสสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างเบิกตาโต
พลังวิญญาณนี้…
เซียนซีเสวียนก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง
จางคุ่นหมัวหน้าเปลี่ยนสี เหวี่ยงแส้เหล็กออกไปทันที ไอปีศาจหลั่งไหลเข้าไปในแส้เหล็ก ทำให้การลงแส้ครั้งนี้เกิดลมคลั่งขึ้นมา
เสียงตูมดังขึ้น!
ตราประทับเก้ามังกรขจัดมารถูกหวดจนระเบิด จางคุ่นหมัวก็ถูกสะเทือนจนกระอักเลือดกระเด็นออกไป ก่อนจะตกลงในทะเลเมฆแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
พ่ายแพ้ในพริบตา!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ทุกคนต่างตื่นตกใจ
ต้วนทงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับเห็นผี
จางคุ่นหมัวไม่ได้อ่อนแอ ถ้ากล่าวเรื่องความแข็งแกร่งในลัทธิมารฟ้ามืด ก็มากพอที่จะอยู่ในสามอันดับแรก!
พลังวิญญาณของเจ้าเด็กนี่ช่างรุนแรงเหลือเกิน!
ต้องไม่ใช่ระดับสร้างฐานขั้นเก้าแน่นอน!
ระดับปราณก่อกำเนิด!
เหตุใดเขาถึงไม่รู้เลยว่าสำนักหยกพิสุทธิ์ซ่อนระดับปราณก่อกำเนิดเช่นนี้ไว้
“เจ้าหนุ่ม ไม่แปลกที่เจ้าจะอวดดีเช่นนี้ แต่ว่าเจ้ารู้ระดับตบะของข้าหรือไม่” ต้วนทงเทียนถามอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ปกติเท่าไร
ทำไมถึงได้พูดมากเช่นนี้
โอ้อวดหรือ
หานเจวี๋ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ กล่าวขึ้นว่า “ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเก้า?”
“ข้าคือระดับเปลี่ยนวิญญาณ!”
ต้วนทงเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หานเจวี๋ยหัวเราะตาม ในขณะเดียวกันก็ยกนิ้วกลางให้ต้วนทงเทียน
ทันใดนั้น หลี่ชิงจื่อถ่ายทอดเสียงมาหาหานเจวี๋ย ‘เขากำลังถ่วงเวลา แม้ว่าเขาจะอวดดี แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดมากเช่นนี้
เจ้าหนู เจ้ามีพรสวรรค์เป็นเลิศ อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย หนีไปเถอะ หากเจ้าหนีไปคนเดียวก็ยังหนีพ้น
บางทีเจ้าอาจเอาชนะระดับปราณก่อกำเนิดได้ แต่ว่าระดับเปลี่ยนวิญญาณต่างกันราวฟ้ากับเหว เจ้าอย่าส่งตัวเองไปตายเลย’
ถ่วงเวลา?
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องรีบเผด็จศึกโดยเร็วแล้ว!
…………………………………………………………
Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการลงต้นฉบับในตอนที่ 32-62 ทางสำนักพิมพ์ได้ดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ