บทที่ 331 ดาวจักรพรรดิจื่อเว่ย ลัทธิอันธการ
จิตสำนึกของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง เขาใช้พลังเวทห่อหุ้มเกาะสำนักซ่อนเร้น บังคับเกาะให้เหาะไปอย่างรวดเร็ว เกาะสำนักซ่อนเร้นเปรียบเสมือนทรายเม็ดหนึ่งในแม่น้ำปรโลก เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวไปไกลนับหมื่นพันลี้
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
เมื่อหานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนมาถึงสุดมุมชายขอบของยมโลกแล้ว ถึงได้ยอมหยุด
ยมโลกแห่งนี้ใหญ่โตมากจริงๆ ราวกับกว้างไกลไร้สิ้นสุด
หานเจวี๋ยเฝ้ารอด้วยความระแวดระวังกลัวว่าศัตรูของจินกังนู่จะไล่ตามมา
ผ่านไปหลายวัน หานเจวี๋ยสัมผัสถึงกลิ่นอายการต่อสู้ได้อีกครั้ง อยู่ห่างจากเกาะสำนักซ่อนเร้นไปนับพันนับหมื่นลี้ เป็นกลิ่นอายการต่อสู้ของระดับจักรพรรดิเซียน
การต่อสู้ดำเนินอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน ถึงได้ล่าถอยเลิกราไป
เกาะสำนักซ่อนเร้นไม่เผชิญกับการโจมตีแม้แต่น้อย
ยมโลกวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ ขนาดยมโลกยังเป็นเช่นนี้ ยากจะจินตนาการได้แดนเซียนจะวุ่นวายปานใด
เวลาผ่านไปสิบปีเต็ม
หลังจากแน่ใจแล้วว่าจินกังนู่จะไม่ชักนำความวุ่นวายมาให้ หานเจวี๋ยถึงได้ปล่อยวิญญาณของจินกังนู่ออกมา ให้กลับสู่กายเนื้อ
เมื่อได้พบถูหลิงเอ๋อร์ จินกังนู่ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เสมือนได้พบพานคนบ้านเดียวกันในต่างแดน สองตามีหยาดน้ำเอ่อคลอ
ถูหลิงเอ๋อร์เองกลับเฉยเมยยิ่งนัก ไม่ยินดียินร้าย
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นับจากนี้ไป เจ้าก็อยู่ฝึกบำเพ็ญที่เกาะสำนักซ่อนเร้นเถอะ อย่าได้ออกจากเกาะ หากเจ้าออกจากเกาะ ข้าจะบังคับเกาะนี้จากไปทันที เมื่อถึงเวลาอย่าหวังว่าข้าจะช่วยเจ้าอีก”
จินกังนู่พยักหน้ารับ
หานเจวี๋ยเพิ่มจินกังนู่เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ ทั้งสองประลองกันรอบหนึ่ง
จินกังนู่ถูกสังหารในชั่วพริบตา
เขาพลันตกตะลึง
เขาจำที่ยายเมิ่งเคยบอกไว้ว่าหานเจวี๋ยเพียงมีวิธีการพิเศษเท่านั้น ด้านพลังมิได้แข็งแกร่งเลย
เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏเชียวนะ!
ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกอีกฝ่ายสังหารในชั่วพริบตา!
เขาสัมผัสได้ว่าภายในแบบจำลองการทดสอบเขาสามารถสำแดงพลังอย่างสมบูรณ์เต็มที่ได้ เช่นเดียวกับในโลกความจริง หากแต่หานเจวี๋ยแข็งแกร่งเกินไป
เขารู้สึกตื่นตระหนกเสมือนเผชิญหน้ากับผู้ทรงพลังระดับเทพ
เขายำเกรงหานเจวี๋ยมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกัน เขาพลันบังเกิดความสนใจในแบบจำลองการทดสอบขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีเผ่าจอมเวทก็เป็นเผ่าพันธุ์นักสู้โดยกำเนิดอยู่แล้ว
เพื่อให้เขาได้ดื่มด่ำในสวนนี้ หานเจวี๋ยจึงเปิดเผยคู่ต่อสู้บางส่วนออกมา ล้วนเป็นจักรพรรดิเซียนจากตำหนักเอกอนันต์
อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้ที่จินกังนู่โปรดปราดที่สุดยังคงเป็นเทพผีชิงเซวี่ย เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยพ่ายแพ้ต่อเทพผีชิงเซวี่ย
การเข้าร่วมสำนักของจินกังนู่ ทำให้สำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จอมปีศาจคุกรัตติกาลและต้วนหงเฉินรู้สึกถึงแรงกดดัน ต่างฝึกบำเพ็ญอย่างจริงจังยิ่งกว่าเดิม
….
ยมโลกไม่มีสี่ฤดูหมุนเวียน แต่วันเวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เนื่องจากยมโลกเกิดโกลาหล ลำดับเวียนว่ายตายเกิดก็ย่อยยับ สะพานอนิจจังทำให้กลับชาติกำเนิดใหม่ไม่ได้อีกต่อไป ทั้งสองภพไม่ว่าจะหยินหรือหยาง ล้วนมีจำนวนผีเถื่อน วิญญาณเร่ร่อนมากมายล้นหลาม
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ชัดเจนว่าแรงกรรมในโลกหล้ากำลังเพิ่มมากขึ้น
สิ่งที่เรียกว่าแรงกรรม คือความอาฆาตพยาบาทที่ก่อตัวขึ้นจากการสังหารฆ่าฟัน แปรผันเป็นพลังกรรมอย่างหนึ่ง เมื่อทำชั่วย่อมได้รับกรรมชั่วตอบแทน
แรงกรรมพัวพันกายเปรียบเสมือนถูกวิญญาณร้ายตามสาปแช่งอยู่ตลอด
เวลาผ่านพ้นไปปีแล้วปีเล่า
สามสิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้ หลังจากหานเจวี๋ยสั่งให้อู้เต้าเจี้ยนออกไป เขาก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู พร้อมตรวจดูจดหมาย
[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังแห่งวังเทพ]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ สังขารมลายสิ้น โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]
[โจวฝานสหายของท่านพลัดลงเข้าสู่แดนต้องห้ามบรรพกาล กลายเป็นผู้สืบทอดของเทพสังหาร ดวงชะตาเกิดความเปลี่ยนแปลง]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปีศาจ] x120982
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านร่วงหล่นสู่บึงฝันมายา วิญญาณข้ามสู่บรรพกาล]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญของวังเทพ] x459003
[จี้เซียนเสินสหายของท่านครอบครองอัสนีสวรรค์ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
….
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หลี่เต้าคงถูกบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์โจมตีได้อย่างไร
วังสวรรค์และสำนักพุทธเป็นพันธมิตรกันมิใช่หรือ
หลี่เต้าคงเลิศล้ำโดยแท้ เผชิญกับการโมตีจากจักรพรรดิปีศาจและบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
หลังจากคนผู้นี้บรรลุระดับต้าหลัวแล้วจะแข็งแกร่งจนน่ากลัวขนาดไหนกันนะ
สมกับเป็นยอดยุทธ์มรรคกระบี่แห่งแดนเซียน!
หานเจวี๋ยยังสังเกตเห็นอีกว่าวิญญาณของฟางเหลียงข้ามสู่บรรพกาลงั้นหรือ
เป็นการข้ามภพไปจริงๆ หรือว่ามีเพียงจิตสำนึกที่ข้ามไป เหมือนความฝันงั้นหรือ
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าสถานะออกมาตรวจสอบ คำบรรยายของฟางเหลียงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ชื่อก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นชื่ออื่นเช่นกัน
เขาได้แต่อวยพรขออย่าให้เกิดเรื่องขึ้นกับฟางเหลียง
หนึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ
เวลานี้เอง เขารับรู้ถึงบางสิ่งได้จึงหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง สั่นไปมาอย่างต่อเนื่อง
ดวงชะตาพุ่งทะยานอีกแล้วหรือ
ตัวอักษรแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย
[ตรวจสอบพบผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด จะตรวจสอบที่มาหรือไม่]
ผู้มีดวงชะตาแต่กำเนิด!
ไม่ปรากฏออกมานานมากแล้ว ที่ปรากฏขึ้นครั้งล่าสุดน่าจะเป็นต้วนหงเฉิน ผู้ฝ่าเคราะห์
[หลี่ว์ฮว่าซวี: เซียนพิภพไท่อี่ระยะต้น ต้น ดาวจักรพรรดิจื่อเวย ต้าหลัวกลับชาติมาเกิด เคยดำรงตำแหน่งหนึ่งในสี่ยอดมหาจักรพรรดิแห่งวังสวรรค์ กลับชาติมาเกิดพร้อมยอดสมบัติมรรคาสวรรค์หอกประกายม่วง หอกประกายม่วงก่อวิญญาณ ทั้งสองไม่อาจแยกจากกันได้ พรสวรรค์เลิศล้ำ ไม่ถึงสามร้อยปีก็บรรลุระดับเซียนพิภพไท่อี่ ปลุกมรรคผลแห่งดาวจักรพรรดิจื่อเวย]
ต้าหลัวกลับชาติมาเกิดงั้นหรือ
ดีเลิศขนาดนี้เชียว
ช้าก่อน!
สี่ยอดมหาจักรพรรดิแห่งวังสวรรค์งั้นหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หรือจะเป็นการจัดแจงจากจักรพรรดิสวรรค์
หลังจากป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์สงบลง หานเจวี๋ยก็หยิบมันขึ้นมาติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์
“สี่ยอดมหาจักรพรรดิหรือ เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงถามถึงพวกเขา” จักรพรรดิสวรรค์ถามด้วยความสงสัย
หานเจวี๋ยเองก็ไม่ปิดบัง บอกเล่าเรื่องที่ดาวจักรพรรดิจื่อเวยกลับชาติมาเกิดบนโลกเขย่าพิภพ
จักรพรรดิสวรรค์เงียบไป
ผ่านไปพักใหญ่
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยเสียงแผ่ว “สี่ยอดมหาจักรพรรดิในวังสวรรค์มีตำแหน่งทัดเทียมกับเราจริงๆ เพียงแต่เราเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ดาวจักรพรรดิจื่อเวยจิตใจทะเยอทะยานมากที่สุด ไม่ยอมศิโรราบต่อเราเลย ในอดีตกาลแม้จะเคยมาช่วยค้ำจุนคราหนึ่ง แต่หลังจากครั้งนั้น เราก็ไม่เคยพบเห็นเขาอีกเลย ไม่คิดเลยว่าเขาจะล่วงลับแล้ว ซ้ำยังกลับชาติถือกำเนิดในโลกมนุษย์ของเจ้าด้วย คาดว่าระหว่างกลับชาติกำเนิดใหม่คงถูกดวงชะตาของโลกเขย่าพิภพดึงดูดเข้า”
ยามนี้ลำดับของโลกเขย่าพิภพบนป้ายศิลามรรคาสวรรค์สูงลิ่ว อยู่ในร้อยลำดับแรกของโลกมนุษย์ภายใต้ร่มเงามรรคาสวรรค์!
มีความเป็นไปได้สูงที่มหาจักรพรรดิจื่อเวยจะเลือกโลกเขย่าพิภพด้วยความบังเอิญ
หานเจวี๋ยสอบถาม “ข้าควรเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร”
“ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ เจ้าก็อย่าได้ไปสะกดข่มเขาก่อนถึงเวลา มิเช่นนั้นจะกระตุ้นมรรคผลแห่งต้าหลัวที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเขาขึ้นมา ต้าหลัวล่วงลับได้ในมหาเคราะห์เท่านั้น หรือไม่ก็ถูกสังหารโดยอริยบุคคล หากเจ้าไปล่วงเกินเขา มีโอกาสตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หานเจวี๋ยไม่คิดเลยว่าหลี่ว์ฮว่าซวีจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
นี่น่ะหรือต้าหลัว
ข้าต้องไปถึงให้ได้!
หานเจวี๋ยเบี่ยงหัวข้อสนทนาเอ่ยถามว่า “ระยะนี้สถานการณ์ของวังสวรรค์เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ สำนักพุทธมิได้หักหลังวังสวรรค์ใช่หรือไม่”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวตอบ “มีการต่อสู้อยู่ตลอด แต่ไม่มีอันตรายใหญ่หลวง ยามนี้สำนักพุทธอยู่ในการควบคุมของบรรพชนพุทธเทวัญ ยังคงให้ความร่วมมือกับวังสวรรค์อยู่ เพียงแต่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เข้ารีตมาร ไม่นานมานี้ได้ทำลายยันต์สะกดของสำนักพุทธแล้วหนีออกมา เริ่มทำตัวรุกรานเหิมเกริมในแดนเซียน วังสวรรค์ วังปีศาจ วังเทพรวมถึงสำนักพุทธล้วนเผชิญกับการโจมตีจากเขา เฮ้อ บรรพชนพุทธผู้งามสง่าตกต่ำจนมีจุดจบเช่นนี้ ช่างน่าสังเวชนัก เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกระทำการอุกอาจ มรรคาสวรรค์ยากจะปล่อยผ่านได้!”
หานเจวี๋ยแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
ฝ่าบาทของข้า ข้าจัดการบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ก็เพื่อท่านนะ!
ใต้หล้าล้วนสามารถประณามข้าได้ แต่ท่านน่ะทำไม่ได้!
หานเจวี๋ยบ่นอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงออกไป ได้แต่ด่าทอเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปกับจักรพรรดิสวรรค์ด้วย
“เอ่ยถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ผู้ศรัทธาในตัวแดนต้องห้ามอันธการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว พวกเขาถึงขั้นรวมตัวกันในแดนเซียนก่อตั้งเป็นลัทธิอันธการ เตรียมเข้าร่วมช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ สร้างความพอใจให้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปด้วย ในกลุ่มนั้นผู้แข็งแกร่งที่สุดคือเผ่าอสูร ในเผ่ามีต้าหลัวอยู่ พวกเขาถือกำเนิดขึ้นหลังจากมหาเคราะห์มรรคาสวรรค์ครั้งแรก ถึงแม้จะมิใช่กลุ่มอิทธิพลที่เก่งกาจ แต่ก็รอดชีวิตมาได้เสมอ” จักรพรรดิสวรรค์เล่า
……………………………………