บทที่ 333 บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์ ย้อนเวลาปองร้าย
คิดปลดปล่อยผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมาอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาบังเกิดความคิดอาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง!
หากผีร้ายทั้งหมดในแดนชำระบาปเก้าขุมหนีออกมา เขาก็อาศัยจังหวะนี้เข้าไปซ่อนในแดนชำระบาปเก้าขุมได้มิใช่หรือ
ไม่ได้!
หากผู้ทรงพลังลงมือ จับผีร้ายยัดกลับไป ผนึกทางเข้าออกไว้ เช่นนั้นเขามิกลายเป็นตะพาบในไหหรอกหรือ
หานเจวี๋ยกล่าว “ดูต่อไปก่อนเถอะ ในช่วงเวลานี้ เจ้าจงจับตามองความเคลื่อนไหวของแม่น้ำปรโลกให้มากหน่อย หากไม่ได้การจริงๆ พวกเราไปจากยมโลกเสียก็พอ ข้ามีพลังวิเศษ สามารถหนีออกจากยมโลกได้ทันที”
เมื่อต้วนหงเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจในทันใด
เขาก็ไม่ได้คาดหวังให้หานเจวี๋ยช่วยหยุดเรื่องนี้ ขอเพียงมีวิธีรักษาชีวิตไว้ก็พอ
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป สำหรับความเคลื่อนไหวทางแม่น้ำปรโลก เขาไม่ใส่ใจเลย
พลังจิตระดับต้าหลัวไม่สามารถสอดแนมอาณาเขตเต๋าได้ หากอยากหาเกาะสำนักซ่อนเร้นให้พบ ต้องมีโชคฝืนชะตาฟ้าแล้วกระมัง
หลายเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้น เขาสัมผัสถึงรัศมีอันแกร่งกล้าสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของแม่น้ำปรโลก
มีผู้ทรงพลังโผล่มาแล้ว!
หานเจวี๋ยเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวาย
เขาตรวจหาศัตรูแข็งแกร่งบริเวณรอบเกาะสำนักซ่อนเร้น แต่ตรวจสอบไม่พบ เนื่องจากระยะห่างยังไกลเกินไป
ผ่านไปอีกสักพัก ทั่วยมโลกก็เต็มไปด้วยไอสังหารอันน่าหวาดหวั่น
เจ็ดปีผ่านไป
พุทธะอาภรณ์ขาวในโลกเขย่าพิภพเรียกหาหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงสอบถาม ที่แท้พุทธะอาภรณ์ขาวอยากแนะนำศิษย์คนหนึ่งให้หานเจวี๋ย เป็นหลี่ว์ฮว่าซวีนั่นเอง
“เด็กคนนี้มีพรสวรรค์เลิศล้ำ หากชุบเลี้ยงให้ดี วันหน้าต้องกลายเป็นยอดฝีมือแห่งสำนักซ่อนเร้นได้แน่ ให้เขาอยู่ในโลกเขย่าพิภพ ดูจะอยุติธรรมอยู่บ้าง” พุทธะอาภรณ์ขาวเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น
หานเจวี๋ยเงียบไป
หลี่ว์ฮว่าซวี
มหาจักรพรรดิจื่อเวยกลับชาติมาเกิด!
เป็นถึงต้าหลัวเชียวนะ
หากเขารับต้าหลัวเข้าสู่เกาะสำนักซ่อนเร้น จะเป็นอันตรายหรือไม่
ต้องใคร่ครวญสักหน่อย ไม่ถูกสิ โลกเขย่าพิภพอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณเขา เท่ากับหลี่ฮว่าซวีอยู่ในเกาะสำนักซ่อนเร้นอยู่แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็รับเขาไว้เถอะ
ในเกาะสำนักซ่อนเร้นก็มีต้าหลัวอยู่คนหนึ่งแล้วมิใช่หรือ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เป็นต้าหลัว บรรพชนพุทธภควัตจะมิใช่ต้าหลัวได้อย่างไรเล่า
หานเจวี๋ยตอบรับ “ได้ ข้าจะพาตัวเขาไป”
เขาเข้าไปดึงตัวหลี่ว์ฮว่าซวีทันที
หลี่ว์ฮว่าซวีที่ขณะนั้นอยู่ตรงหน้าพุทธะอาภรณ์ขาวถูกหานเจวี๋ยดึงตัวออกจากโลกเขย่าพิภพและปล่อยลงในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ทันทีที่เห็นหานเจวี๋ย หลี่ว์ฮว่าซวีก็รีบคุกเข่าลงและเอ่ยด้วยความประหม่า “คารวะผู้อาวุโส!”
ถึงแม้เขาจะปลุกพรสวรรค์ขึ้นมาแล้ว แต่จิตสำนึกแห่งต้าหลัวยังไม่กลับคืนมา
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ ถ่ายทอดเสียงหาศิษย์คนหนึ่ง
ในไม่ช้า ฉู่ซื่อเหรินก็เข้ามาในถ้ำ
“นับจากนี้ไป เขาก็คือศิษย์ของเจ้า!”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจกลับตั้งตารออย่างยิ่ง
บรรพชนพุทธรับมหาจักรพรรดิเป็นศิษย์
มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะข่มผู้ใดกันแน่!
หานเจวี๋ยไม่กลัวเลยว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน บรรพชนพุทธภควัตปรารถนาจะให้เวไนยสัตว์ละทิ้งการบำเพ็ญใจแทบขาด พวกเขาไม่มีทางลงรอยกับมหาจักรพรรดิจื่อเวยที่เกิดมาเพื่อแสวงหาความแข็งแกร่งแน่นอน
ฉู่ซื่อเหรินแปลกใจระคนยินดี ในที่สุดเขาก็ได้รับศิษย์อีกครั้ง
สำหรับโจวหมิงเยวี่ย เขารู้สึกหน่ายเต็มที
“ขอรับ อาจารย์” ฉู่ซื่อเหรินรีบคารวะขอบคุณ
หลี่ว์ฮว่าซวีลังเลอยากล่าวบางสิ่ง แต่หานเจวี๋ยโบกมือทันที สื่อให้พวกเขาถอยออกไป
ฉู่ซื่อเหรินลากหลี่ว์ฮว่าซวีออกไปด้วยความยินดี
จากนั้น ฝันร้ายของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
พรสวรรค์ของหลี่ว์ฮว่าซวีไม่อาจนำไปเทียบกับโจวหมิงเยวี่ยผู้เป็นเทพปีศาจกลับชาติมาเกิดได้ ไอเซียนของเกาะสำนักซ่อนเร้นเลิศล้ำกว่าโลกเขย่าพิภพ หลี่ว์ฮว่าซวีดุจมัจฉาได้วารี ตบะรุดหน้าได้รวดเร็วยิ่ง
เพื่อควบคุมหลี่ว์ฮว่าซวี ฉู่ซื่อเหรินจึงจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญอย่างเอาจริงเอาจังด้วย
ในอดีตให้ควบคุมดูแลโจวหมิงเยวี่ยเขายังพอทำตัวเกียจคร้านได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ว์ฮว่าซวี เขาไม่กล้าผ่อนคลายเลยจริงๆ
หากปล่อยให้ศิษย์มีตบะเหนือล้ำกว่า เช่นนั้นก็น่าอับอายเกินไปแล้ว
การเข้าร่วมสำนักของหลี่ว์ฮว่าซวีสร้างความกดดันให้ศิษย์คนอื่นๆ เช่นกัน พวกเขาล้วนสนใจใคร่รู้ว่าคนผู้นี้โผล่มาจากที่ใด
ราวกับหลงเฮ่าคนที่สองไม่มีผิด!
….
สามปีผ่านไป ครบกำหนดสิบปีแล้ว หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรูพลางตรวจดูจดหมายไปด้วยตามความเคยชิน
ในช่วงสิบปีมานี้ ไม่มีจดหมายพิเศษๆ เลย หานเจวี๋ยอ่านจนถึงด้านล่างก็ไม่ข้อมูลสำคัญใดๆ
หลังสาปแช่งเสร็จ หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาเพื่อติดต่อหาจักรพรรดิสวรรค์ สอบถามสถานการณ์ของยมโลก
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าเอาตัวรอดเก่งจริงๆ เจ้าอยู่ในยมโลกยังจะมาถามข่าวในยมโลกจากเราอีกหรือ คงมิใช่ว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ตลอด ไม่ออกไปไหนเลยกระมัง”
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ออกไปก็เสี่ยงตายได้ง่ายๆ”
“เจ้าไม่ได้ไปล่วงเกินผู้ใด จะมากลัวตายอันใด การบำเพ็ญแบบเจ้า ไร้กรรมไร้ความแค้น ไม่มีผู้ใดบุกไปฆ่าเจ้าก่อนหรอก”
สิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์กล่าวเป็นความจริง เมื่อบรรลุระดับจักรพรรดิ หากคิดสังหารจักรพรรดิเซียน อาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวาน หากจักรพรรดิเซียนมีเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่ในถิ่นฐาน เช่นนั้นสังหารไปก็ไร้ประโยชน์
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ไม่แน่หรอกพ่ะย่ะค่ะ มีคนหัวรั้นและบ้าบิ่นอยู่เสมอ ต่อให้ตบะสูงส่ง ก็ไม่อาจละทิ้งนิสัยมุทะลุไปได้อยู่ดี”
ยกตัวอย่างเช่นโจวฝาน จี้เซียนเสินและเจียงอี้
จักรพรรดิสวรรค์แค่นเสียง “เจ้าไปสรรหาคำพูดแปลกๆ มาจากที่ใดกัน แล้วไปเถอะ เรารู้มาว่ามีตัวตนลึกลับเปิดแดนชำระบาปเก้าขุมออกและตอนนี้ก็ร่วมมือกับเมืองนรกต่อกรกับวังเทพ การต่อสู้ในยมโลกยังคงดำเนินต่อไป”
ตัวตนลึกลับหรือ
ตัวแปรอีกคนกระมัง
“เรายังยืนยันตามเดิมว่า หากเจ้าอยากมาที่วังสวรรค์ ก็มาได้ทุกเมื่อ!”
“เรายังมีธุระต่อ ยอดแม่ทัพเทพเผชิญอุปสรรคยากเข็ญ เราต้องไปดูสักหน่อย”
พอกล่าวจบ จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดกระแสจิตไปทันที
ไปเสียแล้ว
หานเจวี๋ยเองก็เริ่มคิดในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดเปิดแดนชำระบาปเก้าขุม’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แค่ร้อยล้านหรือ!
ข้ามีอายุขัยเป็นหมื่นพันล้านล้านปีแล้ว!
หานเจวี๋ยลอบดูหมิ่นระบบ จากนั้นก็เลือกดำเนินการต่อ
ในไม่ช้า เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองของหานเจวี๋ย
หืม?
นี่มิใช่จู่ถูบรรพชนผู้ก่อตั้งวังเทพขึ้นหรอกหรือ
อดีตรองเจ้านิกายเจี๋ย ปัจจุบันเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต
เกิดอะไรขึ้น
คนผู้นี้ร่วมมือกับเมืองนรกโจมตีวังเทพที่ตนก่อตั้งขึ้นหรือ
เขาเคยถูกวังเทพหักหลัง หรือตกลงกับวังเทพแล้วว่าจะแสร้งเล่นละครด้วยกันแน่
หานเจวี๋ยเอนเอียงไปทางข้อหลัง คนผู้นี้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต หากต้องการควบคุมวังเทพ ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก
ไม่ควรประมาทวังเทพ!
นี่คือบทละครของผู้มีชัยในมหาเคราะห์สินะ!
กลุ่มอิทธิพลใหม่ที่ไม่เคยประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อน พวกเขารวบรวมบุตรแห่งสวรรค์ไว้นับไม่ถ้วน เมื่อนำดวงชะตาไปเทียบกับกลุ่มอิทธิพลรุ่นเก่า ไม่ว่ามองอย่างไร วังเทพก็มีโอกาสสูงยิ่งที่จะได้ชัยในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต
หากเป็นก่อนหน้านี้ หานเจวี๋ยจะไม่ถือสาเลยหากพวกเขาจะชนะ
แต่ตอนนี้วังสวรรค์และวังเทพเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้พวกเขาชนะไม่ได้!
‘สาปแช่งจู่ถูดีหรือไม่นะ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
ไม่ได้!
คนผู้นี้เป็นอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต จะบุ่มบ่ามสาปแช่งไม่ได้ รอให้หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับแล้วค่อยพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้งเถอะ
ต้องหาโอกาสแจ้งเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิสวรรค์ ให้จักรพรรดิสวรรค์เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
หานเจวี๋ยส่ายหน้า เตรียมฝึกบำเพ็ญต่อ
[ตรวจสอบพบว่ามีตัวตนลึกลับกำลังวางแผนทำร้ายตัวท่านในอดีต ต้องการใช้ความสามารถของอาณาเขตเต๋าเสริมกำลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีตหรือไม่]
ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาเบื้องหน้าหานเจวี๋ย
เขาอดตกตะลึงไม่ได้
ล้อเล่นอะไรกัน
เขารีบเลือกใช้ความสามารถทันที
อาณาเขตเต๋าในปัจจุบันสามารถปิดกั้นพลังจิตระดับต้าหลัวได้ หากเสริมพลังให้อาณาเขตเต๋าในอดีต น่าจะสามารถต้านทานศัตรูลึกลับได้
กลัวก็แต่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าระดับต้าหลัว!
‘ใครกันแน่ที่ต้องการปองร้ายข้า’
หานเจวี๋ยนึกถึงฟางเหลียงเป็นคนแรก วิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่บรรพกาล
อย่างไรก็ตามฟางเหลียงข้ามภพสู่ยุคบรรพกาล ช่วงเวลายังห่างกันเกินไป
“ข้าจะมัวเดาอยู่ทำไม ใช้ระบบวิวัฒนาการเสียก็สิ้นเรื่อง!”
หานเจวี๋ยบ่น แล้วรีบใช้ระบบวิวัฒนาการ หลังจากสืบทราบว่าเป็นผู้ใดเขาจะสาปแช่งทันที บีบคั้นให้อีกฝ่ายล่าถอยไป
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
ทันทีที่หานเจวี๋ยคิด เงาร่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
สีหน้าท่าทางของเขาพิลึกยิ่ง
เป็นเขาไปได้อย่างไร
มารดามันเถอะ รนหาที่ตายหรือ!
………………………………………………………………