บทที่ 356 สำนักซ่อนเร้น หลี่ว์ปู้
หานเจวี๋ยไล่สายตาไปตามจดหมายเรื่อยๆ เห็นโอกาสวาสนาหลากหลายแบบที่ชวนให้ตกใจ มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยตามคาด
หานเจวี๋ยเปิดดูค่าความสัมพันธ์ ตบะของสหายส่วนใหญ่ต่างเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทพเซียนส่วนใหญ่ในวังสวรรค์ เขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ วังสวรรค์เคยผ่านมหาเคราะห์มาแล้วหลายครั้งมิใช่หรือ เช่นนั้นพลังก็น่าจะแข็งแกร่งมากถึงจะถูกต้อง หรือว่าเทพเซียนส่วนใหญ่ต่างก็ล้มตายในมหาเคราะห์กันหมดแล้ว
หานเจวี๋ยตรวจดูเหล่าสหายเทพเซียนในค่าความสัมพันธ์ ดวงตาฉายแววเวทนา คนเหล่านี้ล้วนตกเป็นเบี้ยของสงครามทั้งสิ้น!
หนึ่งเดือนต่อมา
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป แรงกรรมซัดกระหน่ำจากภายนอกเข้ามาสู่เกาะสำนักซ่อนเร้น เกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ นับวันพื้นที่ภายในของเกาะสำนักซ่อนเร้นก็ยิ่งกว้างใหญ่ขึ้น รอบเกาะมีมหาสมุทรที่เกิดจากการซึมซับน้ำปรโลกจากยมโลกเอาไว้ในอดีตรายล้อม และอาจขยายตามอาณาเขตเต๋าที่ยกระดับขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน จนขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาลกว่าโลกเขย่าพิภพหลายเท่า
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างทดสอบพลังวิเศษเหนือแม่น้ำปรโลกเป็นครั้งคราว
ต้นฝูซังเติบโตจนลำต้นสูงกว่าหลายพันจั้ง สมกับเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
อาณาเขตเต๋าในตอนนี้กลายเป็นดินแดนอีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ พื้นที่รกร้างบนเกาะเริ่มมีดอกไม้ใบหญ้า รวมถึงพืชพรรณต่างๆ งอกงามขึ้นมา
บางทีเมื่อหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้น อาณาเขตเต๋าแห่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นพื้นที่กว้างใหญ่เช่นเดียวกับสรวงสวรรค์สามสิบสามชั้นก็เป็นได้ หานเจวี๋ยตั้งตารอสิ่งนี้อย่างยิ่ง
วันเวลาผันผ่านไปเรื่อยๆ
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปอีกสิบปี
ตบะของหานเจวี๋ยยกระดับขึ้นอีกครั้ง ทว่าระดับเทพนั้นกว้างใหญ่ไพศาล หากคิดจะทะลวงระดับเทพให้ได้ก็ต้องใช้เวลาสั่งสมตบะยาวนาน
เป้าหมายของหานเจวี๋ยไม่สูงนัก ขอแค่ทะลวงระดับปฐมเทพขั้นสองให้ได้ภายในพันสองร้อยปีก็พอแล้ว! เช่นนี้ก็มีหวังที่จะบรรลุระดับต้าหลัวได้ภายในหมื่นปี ถึงตอนนั้นมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็อาจจะยังไม่สิ้นสุดก็เป็นได้
“สหายเต๋า โปรดออกมาพูดคุยกันสักหน่อยได้หรือไม่” จู่ๆ ก็มีเสียงที่แสนเย็นชาดังก้องไปทั่วเกาะสำนักซ่อนเร้น ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นในทันใด จากนั้นเขาก็ค้นหาศัตรูที่อยู่โดยรอบทันที ทว่ากลับไม่พบศัตรูเลย
‘เดี๋ยวก่อน! หรือว่าจะเป็น…’ หานเจวี๋ยคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบผุดตัวลุกขึ้นทันที
“นายท่าน เสียงเมื่อครู่พูดคุยกับท่านหรือ” อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นางไม่ตื่นตระหนกกับอะไรง่ายๆ อีกต่อไป ฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ฝั่งนั้นน่าจะเกรงกลัวหานเจวี๋ยอย่างมาก จึงได้พูดจาเกรงอกเกรงใจถึงขั้นนี้
หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ให้พวกเขาฝึกบำเพ็ญกันอย่างสงบเถอะ” พูดจบ เขาก็หลับตาลงและกระจายจิตนึกคิดให้มุ่งตรงไปยังต้นตอของเสียงนั้น
ไม่นานเขาก็ได้พบกับไท่กู่หยวนเฟิ่ง ที่แท้ก็คือคนผู้นี้นี่เองที่ติดต่อหานเจวี๋ย
เดาว่าเป็นเพราะกระแสแรงกรรมที่รายล้อมเกาะสำนักซ่อนเร้น ไท่กู่หยวนเฟิ่งจึงได้หาอาณาเขตเต๋าเจอ เหตุผลที่อีกฝ่ายตามหาเขาคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอความช่วยเหลือ
ท่ามกลางความมืดมิด ไท่กู่หยวนเฟิ่งราวกับจุดกำเนิดของสิ่งชั่วร้าย ความลึกลับสุดจะหยั่งถึง ชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ใต้เท้ามีเรื่องอันใดหรือ”
เสียงของไท่กู่หยวนเฟิ่งตอบกลับมา “ข้าสังเกตเห็นว่าการดูดซับแรงกรรมของสหายเต๋าช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
“ท่านจึงอยากขอให้ข้าช่วยสินะ”
“ถูกต้อง”
“แล้วข้าจะได้อะไร หากปล่อยท่านไป ท่านจะสร้างปัญหาให้แก่ข้าหรือไม่”
“ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน เหตุใดข้าต้องทำร้ายเจ้าด้วย หากเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าก็ติดหนี้เจ้าชั่วชีวิต หากวันใดเจ้าเผชิญภยันตราย ข้าจะช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดกำลัง”
“ก็ได้ แต่ข้ากำลังอยู่ในระหว่างการฝึกบำเพ็ญพลังวิเศษ ไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ในทันที ท่านจงรอก่อน”
“ข้าต้องรอนานเท่าไร”
“หนึ่งแสนปี”
“ได้!” น้ำเสียงของไท่กู่หยวนเฟิ่งแฝงซ่อนความยินดี
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบไป ‘ดูเหมือนว่าเจ้านี่คงจะปิดด่านมานานแล้ว แค่แสนปีคงไม่สะเทือนหรอก’
หานเจวี๋ยกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อืม เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ สหายเต๋าโปรดรอคอยอย่างสงบเถิด”
[ไท่กู่หยวนเฟิ่งเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 3 ดาว]
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
หลังจากได้ยินเสียงกล่าวขอบคุณของไท่กู่หยวนเฟิ่ง หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร และเรียกจิตนึกคิดกลับคืน
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
อู้เต้าเจี้ยนออกไปจากถ้ำเทวาแล้ว หานเจวี๋ยหลับตาและจมจ่อมในห้วงความคิด
แม้ไท่กู่หยวนเฟิ่งจะค้นหาอาณาเขตเต๋าพบ แต่ก็ไม่สามารถมาเยือนที่นี่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ปล่อยเขาไปก่อนเถิด
หานเจวี๋ยปิดกั้นถ้ำเทวา ป้องกันไม่ให้อู้เต้าเจี้ยนกลับมา จากนั้นเขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาและเริ่มสาปแช่ง พร้อมกับอ่านจดหมายไปพลางๆ
วังสวรรค์ วังปีศาจ และนิกายเจี๋ยเริ่มทำสงครามกันแล้ว แม้แต่หวงจุนเทียนก็ยังถูกโจมตีจากปีศาจ
หานเจวี๋ยครุ่นคิดว่าจะอาศัยโอกาสนี้สังหารจักรพรรดิปีศาจดีหรือไม่
เขากลัวว่าหลังจากที่วังปีศาจถูกทำลาย วังสวรรค์จะตกเป็นเป้าโจมตีแทน หากวังสวรรค์ถูกปิดล้อมจากกลุ่มอิทธิพลรอบด้านย่อมไม่เป็นการดี หานเจวี๋ยไม่เคยคาดหวังว่าวังสวรรค์จะต้องชนะ เขาหวังเพียงให้วังสวรรค์อยู่รอดก็เป็นพอ
‘เดี๋ยวนะ’ หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ในความคิดของเขานั้น ระดับภัยคุกคามของจู่ถูนั้นสูงกว่าจักรพรรดิปีศาจเสียอีก
[คัดลอกองครักษ์อาณาเขตเต๋าสำเร็จ กรุณาตั้งชื่อ]
เมื่อเห็นข้อความหนึ่งบรรทัดที่ปรากฏขึ้นมาต่อหน้า หานเจวี๋ยก็เลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ‘ในที่สุดก็เสร็จสักที!’
เขาครุ่นคิดเงียบๆ “หลี่ว์ปู้!”
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งแสงสีม่วงออกมา และตกกระทบไปยังเบื้องหน้า จากนั้นก็ควบแน่นเป็นรูปร่างของมนุษย์ขึ้นมา
มันคือจู่ถูนั่นเอง! พูดให้ถูกมันคือหลี่ว์ปู้ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับจู่ถูอย่างกับแกะ
หลี่ว์ปู้คุกเขาลงข้างหนึ่ง พร้อมกับกุมหมัด “คารวะท่านเจ้าอาณาเขต!”
‘บรรพชนเต๋างั้นหรือ’ หานเจวี๋ยฟังผิดไปโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานนักเขาก็เข้าใจในทันที
เป็นเจ้าของอาณาเขตเต๋าต่างหาก!
“อืม เจ้าออกไปหาที่อยู่สักที่เถอะ” หานเจวี๋ยออกคำสั่ง
ก่อนหน้านี้เขาศึกษาระบบขององครักษ์อาณาเขตเต๋ามาแล้ว เขาเป็นเหมือนกับหุ่นกระบอกที่ไม่มีสติปัญญาและจิตวิญญาณ มีชุดความคิดคือการปกป้องอาณาเขตเต๋า และเชื่อฟังคำสั่งของเขาทุกประการ
หลี่ว์ปู้ลุกขึ้นยืนและจากไปทันที
หลังจากก้าวพ้นจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ทุกคนก็หันมามองเขาทีละคนสองคน เพราะรังสีที่น่าสะพรึงกลัวของเขา!
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน” จอมปีศาจคุกรัตติกาลขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างยิ่ง
จินกังนู่ตกใจจนหน้าถอดสี “จู่ถูจากวังเทพนี่! เป็นไปได้อย่างไร!”
คนอื่นๆ ต่างงุนงง จู่ถูคือใครกัน
หลี่ว์ปู้ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจพวกเขา ก่อนจะหยุดและนั่งบื้ออยู่ที่ริมหาด
เสียงของหานเจวี๋ยลอยออกมา “ชื่อของเขาคือหลี่ว์ปู้ จากนี้ไปเขาจะคอยปกป้องอาณาเขตเต๋า พวกเจ้าอย่าไปรบกวนเขา เขาเองก็ต้องฝึกบำเพ็ญเช่นกัน”
เขากลัวว่าเหล่าศิษย์จะเข้าไปซักไซ้ไล่เรียงจนจับพิรุธได้
เมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว เหล่าศิษย์ต่างก็อยู่ในความโกลาหล
พวกเขาอดคิดถึงเสียงที่ดังขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่ได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นชายผู้นี้ที่เรียกหานเจวี๋ย
มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง!
เหล่าศิษย์จับกลุ่มล้อมวงหารือกันยกใหญ่
เมื่อมีหลี่ว์ปู้คอยสอดส่องดูแล หานเจวี๋ยก็ผ่อนคลายขึ้นมาได้ชั่วขณะ ต่อให้จู่ถูบุกมาด้วยตนเอง ก็อย่าหวังว่าจะสังหารเขาได้!
หานเจวี๋ยคลี่ยิ้มออกมา
นี่สิถึงจะเป็นสถานที่สำหรับฝึกบำเพ็ญที่เขาปรารถนา ปลอดภัยหายห่วง ไอเซียนเปี่ยมล้น
…
วังเทพ
จู่ถูที่กำลังนั่งฝึกบำเพ็ญอยู่นั้นลืมตาขึ้นมากะทันหันและขมวดคิ้ว เขานับนิ้วคำนวณ คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงกระสับกระส่ายขนาดนี้” ยิ่งคิดจู่ถูก็ยิ่งร้อนใจ เขารู้สึกเหมือนจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น
“ไม่ ข้าต้องขึ้นไปถามสวรรค์ชั้นสามสิบสาม มหาเคราะห์ครั้งนี้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นไม่ได้”
จู่ถูลุกขึ้นและรีบออกไปจากวังเทพโดยเร็ว
เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็มาถึงสวรรค์ขั้นที่สามสิบสามและหยุดอยู่เบื้องหน้าวังหนี่ว์วา
เขาคุกเข่าลงทั้งสองข้าง มองไปยังประตูขนาดใหญ่ของวังหนี่ว์วาและเอ่ย “ท่านอริยะ ผู้เยาว์มีเรื่องใคร่ขอพบ!”
เสียงเย็นยะเยือกลอยมาจากวังหนี่ว์วา “มหาเคราะห์เริ่มแล้ว ทุกสิ่งอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวเจ้า”
จู่ถูมองขึ้นไป พร้อมไต่ถาม “หากเกิดผลกรรมที่อยู่นอกเหนือจากมหาเคราะห์ ข้าควรทำเช่นไร”
“เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
“ขออริยะโปรดช่วยคำนวณด้วย!”
จู่ถูกล่าวอย่างหนักแน่น แววตาลุกโชนดุจคบเพลิง
……………………………………..