บทที่ 367 อายุห้าพันปี ความเกรงกลัวของจู่ถู
หานเจวี๋ยอ่านจดหมายอยู่สักพัก จากนั้นก็สาปแช่งศัตรูอย่างตั้งอกตั้งใจ
สถานการณ์ในแดนเซียนเกิดความเปลี่ยนแปลง หานเจวี๋ยแค่เฝ้ามองจากข้างสนาม อ่านจดหมายแก้เบื่อก็พอแล้ว เรื่องที่เขาทำได้มีอยู่ไม่มากนัก
หนึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยบำเพ็ญตบะต่อ เป้าหมายคือระดับปฐมเทพขั้นสอง
จากที่เขาประเมินไว้ อย่างมากอีกร้อยปีเขาก็สามารถทะลวงขั้นได้แล้ว
ความเร็วในการบำเพ็ญยังคงรวดเร็วยิ่ง
….
สิบเจ็ดปีผ่านไป
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยมองอักษรสามแถวที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า
[ตรวจพบว่าท่านมีอายุห้าพันปีบริบูรณ์แล้ว ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไป]
[หนึ่ง ก้าวเข้าสู่เคราะห์ทันที แย่งชิงอำนาจวาสนา ผงาดขึ้นมาท่ามกลางความโกลาหล สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วสรวงสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคาหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]
[สอง ไม่ก้าวเข้าสู่เคราะห์ชั่วคราว เก็บตัวบำเพ็ญเพียร จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคาหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
หานเจวี๋ยลอบสบถ
หลังจากมหาเคราะห์เริ่มต้นขึ้น รางวัลในการเลือกก็โน้มเอียงไปในทางก้าวสู่เคราะห์
นี่เป็นการชักจูงให้เขาเข้าสู่เคราะห์ชัดๆ!
หานเจวี๋ยไม่เอาด้วยแน่
มหาเคราะห์อันตรายเกินไป เป็นแบบปัจจุบันนี้ก็ดีมากแล้ว บำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจ
หานเจวี๋ยอยากเอาอย่างบรรพชนเต๋า เปิดตัวในจุดสูงสุด สยบมหาเคราะห์ทั้งหมดด้วยพลังของตนเท่านั้น
‘ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาของข้า!
ยุคสมัยของข้าอยู่ในมหาเคราะห์ครั้งต่อไป!’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ จากนั้นจึงเลือกตัวเลือกข้อที่สอง
[ยินดีด้วยท่านได้รับชิ้นส่วนมหามรรคาหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
ขาดอีกเพียงชิ้นเดียว ชิ้นส่วนมหามรรคาก็จะครบเก้าชิ้นแล้ว!
หินวิญญาณมรรคาสวรรค์ก็เอามายกระดับให้สมบัติวิเศษได้
หานเจวี๋ยแทบจะไม่ลังเลเลย หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายและหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมาทันที เริ่มยกระดับให้หนังสือแห่งความโชคร้าย
เขาไม่ก้าวเข้าสู่เคราะห์ สมบัติวิเศษสายโจมตีอื่นใดไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ดังนั้นไม่สู้เพิ่มความแข็งแกร่งให้หนังสือแห่งความโชคร้ายเสีย หนังสือแห่งความโชคร้ายยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปการณ์ของมหาเคราะห์ได้อีกด้วย
หลังจากหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หลอมรวมเข้ากับหนังสือแห่งความโชคร้าย หนังสือแห่งความโชคร้ายก็กระจายแสงสีดำออกมา ส่องสะท้อนใบหน้าของหานเจวี๋ย
รอบถ้ำดูมืดมนน่าหวาดผวาราวกับถ้ำปีศาจก็มิปาน
เจ็ดวันผ่านไป
[หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับจากสมบัติวิญญาณระดับเทพเป็นยอดสมบัติระดับเทพ]
ยอดสมบัติระดับเทพ!
หากไม่นับรวมการหักใช้อายุขัยแล้ว ตัวตนในระดับเทพก็ยังไม่อาจต้านทานคำสาปแช่งจากหนังสือแห่งความโชคร้ายได้
ถ้าหากไม่ต้องแลกด้วยอายุขัย สมบัติชิ้นนี้จะสำแดงบทบาทอันทรงพลังได้มากกว่านี้
หานเจวี๋ยตัดสินใจจะลองทดสอบดู
สาปแช่งจู่ถูก่อน!
นอกจากจู่ถูแล้ว ศัตรูที่เหลือล้วนยังไม่สะดวกและยังไม่อาจสาปให้ตายไปทันทีได้
ขอสละอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปีสำหรับจู่ถูก่อนแล้วกัน!
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
ห้าวันผ่านไป อายุขัยของเขาเริ่มลดลง
อีกด้านหนึ่ง
ณ วังเทพ
จู่ถูกำลังต่อต้านแรงสาปแช่งของหานเจวี๋ย เขาตกตะลึงเมื่อพบว่าแรงสาปแช่งครั้งนี้ทรงพลังกว่าครั้งก่อน
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!
เขากำลังจะถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลงดาบต่อจากบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์และจักรพรรดิปีศาจหรือ
“ฮึ่ม ข้าจะรอดูสิว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้!”
จู่ถูไม่ยอมเชื่อ ต้านทานแรงสาปแช่งต่อไป
แรงสาปแช่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วยาม
สีหน้าจู่ถูพลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนและดูย่ำแย่
เขาพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง
วันต่อมา
เขาหยิบของวิเศษที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าออกมา นี่คือดอกบัวสีแดงสดดอกหนึ่ง เขาถือบัวแดงไว้ในระดับท้องน้อย ไอสีแดงค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างเขาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ยังคงซีดเผือดอยู่ดี
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน ดวงตาทั้งสองข้างของหานเจวี๋ยปรากฏเส้นเลือดฝอยแล้ว
อายุขัยของเขาลดลงแปดสิบล้านปีแล้ว!
เมื่อถึงหนึ่งร้อยล้านปีก็จะหยุดมือทันที!
เขาจ้องหน้าจอแสดงคุณสมบัติอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยกลัวว่าอายุขัยของตนจะลดลงไปมากกว่าที่กำหนดไว้อีกหลายปี
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
เขาวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงทันที ใช้อายุขัยไปหนึ่งร้อยล้านปีพอดิบพอดี!
เขาพรูลมหายใจออกมายาวๆ เอ่ยพึมพำ “เยี่ยม!”
หนังสือแห่งความโชคร้ายถูกยกระดับแล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าจู่ถูจะไม่เกิดปัญหาจาการสาปแช่งเลยแม้แต่น้อย!
อีกด้านหนึ่ง
จู่ถูกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เขายกมือซ้ายขึ้น สกัดจุดชีพจรสองสามจุดบนร่าง ต้องการควบคุมพลังเวทที่พลุ่งพล่านไว้
“บัดซบ…แรงสาปแช่งของเขารุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไร ตบะของเขาเหนือกว่าข้าหรือว่าเขาใช้วิธีการพิเศษอันใด”
จู่ถูกัดฟันกรอด ในดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและตกตะลึง
หากทำการสาปแช่งเป็นเวลานานผลจะสะท้อนกลับเข้าตัวผู้สาปแช่ง ยามปกติที่เขาสาปแช่ง จะพุ่งเป้าไปที่คนเพียงคนเดียวและใช้เวลาไม่เกินหนึ่งวัน ไหนเลยจะเหมือนเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ สาปแช่งติดต่อกันเป็นเวลาสิบวัน
ถ้าหากยามนี้เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังต่อสู้อยู่ เช่นนั้นมิแย่หรอกหรือ
จู่ถูบังเกิดความเกรงกลัวต่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขึ้นมาเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เพียงแค่รู้สึกหวาดหวั่นเท่านั้น
“ไม่ได้การแล้ว จะต้องหาตัวเขาให้พบ!”
“ระยะนี้ลัทธิอันธการหันไปพึ่งพาวังสวรรค์ หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมาจากวังสวรรค์”
ยิ่งคิดจู่ถูก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
สำนักเต๋าและลัทธิอันธการเกื้อหนุนวังสวรรค์ เห็นได้ชัดว่ามีอำนาจลึกลับบางอย่างคอยผลักดันทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง ต้องการผลักวังสวรรค์ไปให้ถึงยอดเมฆา
ถ้าหากโจมตีวังสวรรค์ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคงนั่งไม่ติดแล้ว
ขอเพียงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเผยตัว เช่นนั้นจู่ถูก็มีวิธีสังหารอีกฝ่าย!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาของจู่ถูพลันฉายแววอำมหิต
….
ยี่สิบปีผ่านไป
หานเจวี๋ยหยุดบำเพ็ญ เริ่มทำภารกิจสาปแช่งครั้งแรกของรอบสิบปีนี้
เขาสาปแช่งไปพลางตรวจดูจดหมายไปพลาง
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่าน]
[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่าน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านได้รับสืบทอดพลังอันยิ่งใหญ่ มรรคกระบี่แปรผัน เหยียบเข้าสู่ระดับจักรพรรดิครึ่งก้าวแล้ว]
[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านตระหนักรู้มหามรรคโชคชะตา พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเทพเซียนวังสวรรค์] x280
[หวงจุนเทียนได้รับการชี้แนะจากอริยะ เรียนรู้พลังวิเศษ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน วาสนาพุ่งทะยาน]
[โจวฝานสหายของท่านเข้าร่วมลัทธิอันธการ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
….
ช่วงสิบปีมานี้กลับไม่ปรากฏคำสาปแช่งลึกลับขึ้นเลย ดูเหมือนเซวี่ยหมิงเหอและจู่ถูต่างหยุดมือแล้ว
แต่หานเจวี๋ยกลับรู้สึกแปลกใจเรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์เผชิญการโจมตีจากเทพเซียน
เขารู้สึกเสมอว่ามีคนทรยศปะปนอยู่ในวังสวรรค์ แม้กระทั่งตี้ไท่ไป๋คนที่จักรพรรดิสวรรค์ไว้ใจที่สุดก็เป็นจักรพรรดิเซียนวัฏจักรปลอมตัวมา ไม่มีทางที่เทพเซียนคนอื่นจะจงรักภักดีกันทั้งหมดอยู่แล้ว
แต่ก็หานเจวี๋ยก็ไม่นึกกังวล จักรพรรดิสวรรค์ย่อมมีวิธีรับมือเป็นแน่ สามารถนั่งในตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้ จะธรรมดาได้อย่างไร
นอกไปจากนี้ หวงเทียนจุนก็ดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ยเช่นกัน
เจ้าหมอนี่คบค้ากับอริยะงั้นหรือ
หานเจวี๋ยคิดว่าภายหน้าถ้าพบหวงเทียนจุนต้องระวังตัวเอาไว้หน่อย หากว่าอริยะลบตราประทับหกวิถีในส่วนลึกของวิญญาณหวงเทียนจุนออกไป ทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งแล้วหันกลับมาปองร้ายเขาจะทำอย่างไรเล่า
มีความเป็นไปได้ยิ่งนัก!
อริยะไม่อาจลงสู่โลกาได้ ทำได้เพียงควบคุมตัวหมาก
เช่นเดียวกับคนในวังหนี่ว์หวาผู้นั้น
ขณะที่หานเจวี๋ยใช้ความคิดอยู่นั้น แรงกดดันมหาศาลท่วมท้นประการหนึ่งก็ได้เข้าปกคลุมแดนชำระบาปเก้าขุม
จากนั้นเสียงตะคอกขู่เข็ญเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“สรรพสัตว์ในมรรคาสวรรค์จงฟัง วังเทพเป็นหุ่นเชิดในการควบคุมของเผ่ามาร หลังเกิดมหาเคราะห์ก็กำเริบเสิบสาน หมายเข่นฆ่าปวงประชา ผู้ใดปลิดชีพศิษย์ของวังเทพได้ ล้วนจะได้รับบำเหน็จรางวัล มีความดีความชอบ นำป้ายประจำตัวศิษย์ของวังเทพมารับรางวัลได้ที่วังสวรรค์ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพเซียน สุขสำราญกับแรงกุศลแห่งมรรคาสวรรค์!”
“ผู้ใดสังหารจู่ถูได้ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาราชันแห่งวังสวรรค์”
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์!
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขาไม่เห็นว่าจักรพรรดิสวรรค์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงไม่ได้ติดต่อไปหาจักรพรรดิสวรรค์ ถ้าเกิดจักรพรรดิสวรรค์กำลังต่อสู้อยู่เล่า
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความปลดปลง เผ่ามารก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมายเพียงใดกันแน่ ข้อหาร้ายแรงที่สุดในโลกใบนี้ถึงไปตกอยู่ที่เผ่ามารจนหมด
เขารู้ว่าจู่ถูมิใช่คนของเผ่ามาร แต่เคยเป็นรองเจ้านิกายเจี๋ย
เพียงแต่นิกายเจี๋ยมีสานุศิษย์มากมาย ตอนนี้จู่ถูและนิกายเจวี๋ยเองก็มิได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อาจจะเป็นศัตรูตัวฉกาจกันเสียด้วยซ้ำ
………………………………………………………………