บทที่ 368 ระดับปฐมเทพขั้นสอง สาปแช่งวังเทพ
เสียงของจักรพรรดิสวรรค์เป็นเหตุให้ผู้คนในสำนักซ่อนเร้นวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ต่างพูดคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างวังเทพและวังสวรรค์กันแน่
จอมปีศาจคุกรัตติกาลทำเสียงจิ๊ๆ ก่อนเอ่ยด้วยความสงสัย “จักรพรรดิสวรรค์โหดเหี้ยมจริงๆ ยัดข้อหาวังเทพว่าเป็นเผ่ามาร ต่อไปนี้หากวังเทพคิดจะหาพวกสร้างอำนาจอีกก็ยากยิ่งนักแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อไม่นานมานี้สำนักพุทธก็เพิ่งเกิดข่าวอื้อฉาวแบบนี้เช่นกัน”
เผ่ามารรับบทตัวร้ายมาชั่วนาตาปี ถึงขั้นที่มีพวกเจ้าเล่ห์ไม่น้อยพากันยัดเยียดความผิดของตนให้กับเผ่ามาร
ราวกับเรื่องราวชั่วร้ายทั้งปวงล้วนเป็นฝีมือของเผ่ามารทั้งสิ้น
ต้วนหงเฉินส่ายหน้าพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ก็ไม่แน่หรอก มหาเคราะห์มาเยือนแล้ว ผู้ใดจะยังสนใจเผ่ามารเล่า อภัยด้วยที่ข้าต้องกล่าวตรงๆ วังสวรรค์มีแรงดึงดูดต่อมนุษย์ปุถุชนเท่านั้น แต่ในแดนเซียนขอเพียงเป็นผู้มีรากฐานที่ดี จะมีสักกี่คนเชียวที่หมายตาวังสวรรค์จริงๆ”
มู่หรงฉี่แค่นเสียง “ไม่ว่าอย่างไรวังสวรรค์ก็มีแรงดึงดูดมากกว่าวังเทพ บุตรแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อลือชาของวังเทพไม่หลงเหลืออยู่แล้ว”
เขามาจากวังเทพ ทว่ากลับเคียดแค้นชิงชังวังเทพอย่างลึกล้ำ
“พวกเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล นายท่านสนับสนุนวังสวรรค์นะ!” ไก่คุกรัตติกาลเอ่ยเตือน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน
ถูหลิงเอ๋อร์ถามด้วยความฉงน “พวกเจ้าว่า ถ้าอาจารย์พาพวกเราชาวสำนักซ่อนเร้นไปช่วยเหลือวังสวรรค์ วังสวรรค์จะมีชัยในมหาเคราะห์หรือไม่”
จินกังนู่หัวเราะดังลั่น กล่าวขึ้นว่า “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเจ้าต่างเป็นบุตรแห่งสวรรค์ พลังของเจ้าสำนักเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ด้วยซ้ำ มีกองกำลังระดับนี้เข้าร่วม ผู้ใดจะขวางได้เล่า”
มู่หรงฉี่ยิ้มพลางเอ่ยอย่างคล้อยตาม “ถูกต้อง เพียงแต่ความคิดของอาจารย์คือคาดหวังให้พวกเราตั้งใจบำเพ็ญดีๆ มหาเคราะห์ครั้งนี้ไม่เหมาะสมกับพวกเรา แต่เมื่อมหาเคราะห์ครั้งต่อไปมาถึง พวกเราต่างจะอยู่ในระดับจักรพรรดิเซียน ระดับเทพ ไม่แน่ว่าอาจมีต้าหลัวถือกำเนิดขึ้นก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลามิใช่ว่าจะสามารถกวาดล้างปวงสวรรค์หมื่นโลกาได้หรอกหรือ”
อยู่ร่วมกันมาเนิ่นนาน พวกเขาต่างรู้ชัดถึงพรสวรรค์ของแต่ละคนเป็นอย่างดี ทุกคนล้วนเป็นบุตรแห่งสวรรค์จริงๆ!
ดวงตาฉู่ซื่อเหรินส่องประกายแวบหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำพูดของมู่หรงฉี่ ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้
เขามองไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทานด้วยสายตาที่เผยให้เห็นถึงความเคารพยำเกรง
“พวกเจ้าอย่าลืมผู้อาวุโสนามหลี่ว์ปู้ท่านนั้นสิ!” สวินฉางอันเอ่ยขึ้นในทันใด
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางชายหาดของเกาะสำนักซ่อนเร้น ต่างฝ่ายต่างรู้สึกหวาดผวา
พวกเขาล้วนเคยต่อสู้กับจู่ถูในแบบจำลองการทดสอบมาก่อน จินกังนู่เองก็ด้วย ทั้งหมดล้วนถูกจู่ถูสังหารภายในชั่วพริบตา!
เจียงอี้นั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อได้ยินบทสนทนาของทุกคน เขาครุ่นคิดในใจ ‘สำนักซ่อนเร้นช่างมีศักยภาพจริงๆ เจ้าซือหม่าอี้คนนี้ไม่มีทางหลบซ่อนตัวไปตลอดแน่ มิเช่นนั้นคงไม่ก่อตั้งสำนักซ่อนเร้นขึ้นมา ถ้าติดตามเขาอาจจะมีศักยภาพมากกว่าอยู่กับเผ่าเทพอีกาทอง’
บางทีพอผ่านไปนานเข้า เผ่าเทพอีกาทองอาจต้องมาพึ่งพาเขา ร้องขอการคุ้มครองจากสำนักซ่อนเร้นก็เป็นได้
ยิ่งคิดเจียงอี้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
คนอย่างหานเจวี๋ยช่างน่ากลัวเหลือเกิน
พรสวรรค์เลิศล้ำไม่เป็นสองรองผู้ใด ทั้งยังเก็บงำพลังเอาไว้ตลอดมา!
หานเจวี๋ยกำลังบำเพ็ญตบะอยู่ สำหรับบทสนทนาของชาวสำนักซ่อนเร้น เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
ในช่วงเวลาอันยาวนานและจืดชืดไร้สีสัน ต้องมีการตั้งวงนินทากันบ้างอยู่แล้ว มิเช่นนั้นก็จะน่าเบื่อเกินไป
….
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามสิบปี!
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ได้เผชิญกับโอกาสในการทะลวงแล้ว
เขาตื่นเต้นยิ่งนัก ผ่านมาเกือบสามร้อยปี ในที่สุดก็จะได้ทะลวงขั้นแล้ว เขาแทบจะอึดอัดตายแล้ว
แม้แต่การสาปแช่งศัตรูหานเจวี๋ยก็ไม่ทำแล้ว เริ่มทะลวงขั้นทันที
คลื่นแรงกรรมที่ซัดสาดอยู่รอบเกาะสำนักซ่อนเร้นเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา เฉกเช่นพายุที่ไร้สุ้มเสียง ยิ่งใหญ่ทรงพลัง ให้ความรู้สึกกดดัน
การทะลวงขั้นของระดับเทพขึ้นอยู่กับการเสริมพลังแก่นแท้ปฐมเทพ ใช้แก่นแท้พลังเวทฝ่าทะลวงขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพลังเวทและดวงวิญญาณต่างเข้าสู่สภาวะสมบูรณ์พร้อม เช่นนั้นก็มีโอกาสเข้าสู่การพิสูจน์ต้าหลัว!
หานเจวี๋ยมีกายดาราอนธการ มหามรรควัฏจักรอนธการ ขอเพียงดูดซับแรงกรรมอย่างต่อเนื่องก็ใช้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปหาหนทางบรรลุด้านนอกเลย
มหามรรควัฏจักรอนธการเป็นวิชายุทธ์ระดับมหามรรคที่หานเจวี๋ยใช้เก้าชิ้นส่วนมหามรรคแลกเปลี่ยนมา กล่าวได้ว่าแม้จะเสาะหาไปทั่วทั้งแดนเซียนก็ยังยากที่จะพานพบ!
แรงกรรมของแดนชำระบาปเก้าขุมมากมายไร้สิ้นสุด ใช้ได้ไม่มีหมด เพียงพอให้หานเจวี๋ยบำเพ็ญไปได้อีกเนิ่นนาน
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
แปดปีผ่านไป
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงขั้นสำเร็จ!
พลังปฐมเทพแปรผัน!
ปฐมเทพขั้นสอง!
หานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ความรู้สึกนี้ช่างน่าอภิรมย์จริงๆ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตะเบ็งเสียงที่ไม่อาจบรรยายได้ออกมา
เขาควบรวมตบะพลางตรวจสอบหน้าจอแสดงคุณสมบัติไปด้วย
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุการใช้งาน: 5058/109,999,999,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ]
[ตบะ: ปฐมเทพขั้นสอง]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ ชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม]
….
หานเจวี๋ยแทบจะสบถ!
ช่างสมกับที่เป็นการทะลวงขั้นของระดับเทพ อายุขัยขยายเพิ่มขึ้นกว่าระดับจักรพรรดิมากนัก!
ตัวเลขอายุขัยยาวเกินไป หานเจวี๋ยไม่อาจนับได้แล้ว
อายุขัยที่หักใช้ไปก่อนหน้านี้ได้กลับคืนมาจากการทะลวงขั้นแล้ว ถึงขั้นที่ไม่ใช่แค่ได้คืนมาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มขึ้นเป็นทบทวี
นี่มันเท่าไรกัน
พันล้านล้านหรือ
ร้อยล้านปีนั่นไร้ความหมายไปในทันใด
ครั้งหน้าจะได้เอามาเล่นสนุกกันสักหน่อย!
ในใจหานเจวี๋ยบังเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น!
ตอนนี้เขามีเศษอายุขัยอยู่เกือบร้อยล้านล้านปี พลันบังเกิดความเหี้ยมหาญขึ้นแล้ว!
หานเจวี๋ยใช้เวลาสองปีเพื่อควบรวมตบะ
เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง และเริ่มสาปแช่ง
หนนี้เขาจะสาปแช่งวังเทพโดยตรง!
เขาจะสาปแช่งโชคชะตาของวังเทพ!
นำอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปีมาสาปแช่งโชคชะตาของวังเทพก่อน
จากนั้นค่อยนำอายุขัยอีกห้าหมื่นล้านปีมาเล่นสนุกกับจู่ถู!
หานเจวี๋ยไม่เชื่อหรอกว่าจะเล่นงานวังเทพไม่ได้!
การล้างแค้นวังเทพ ไม่เพียงแต่ช่วยคลี่คลายปัญหาให้จักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น ยังเป็นการเอาคืนให้มู่หรงฉี่ศิษย์ของเขาด้วย เขาลงมืออย่างผ่อนคลาย ไม่เป็นกังวลเลยสักนิด
พันล้านล้านปีลบหกหมื่นล้านปีจะเหลืออยู่เท่าไรกันเล่า
หานเจวี๋ยคร้านจะคำนวณแล้ว เขารู้เพียงว่าเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงอายุขัยอันยาวนานเท่านั้น
ห้าวันต่อมา
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลง วังเทพเริ่มประสบหายนะ
หลังทะลวงขั้นแล้ว อายุขัยของเขาลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิม สาเหตุเพราะแรงสาปแช่งของเขาก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน อัตราการลดลงย่อมเร็วขึ้นเป็นธรรมดา
สองวันผ่านไป เขาผลาญอายุขัยไปหกพันล้านปีแล้ว
เขายังคงทำเช่นนี้ต่อไป
….
ณ วังเทพ
จู่ถูนั่งอยู่ในห้องโถง โคจรพลังต้านแรงสาปแช่ง
“รายงาน…จักรพรรดิเทพโทสะประสบกับคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขอรับ!”
“รายงาน…ลูกศิษย์ทั้งหมดของหอมาศเหมันต์ประสบกับคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการขอรับ!”
“รายงาน…ศิษย์ที่เพิ่งเข้าสู่สำนักต้านทานคำสาปแช่งไม่ไหว จิตสลายกายสิ้นแล้วขอรับ!”
“รายงาน…”
เสียงลูกศิษย์วังเทพแว่วเข้ามาจากนอกวังทีละรายๆ ประตูวังมีคนคุกเข่าอยู่หลายร้อยคน ล้วนเป็นตัวแทนของสังกัดย่อยแต่ละแห่งของวังเทพ
จู่ถูสีหน้ามืดครึ้ม ไม่ได้เอ่ยตอบใดๆ
เขาก็ไม่มีวิธีโต้กลับเช่นกัน!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการบ้าคลั่งเหลือเกิน!
เขาต้องมาจากวังสวรรค์แน่นอน!
ใช่แน่ๆ!
จู่ถูเกรี้ยวกราด เขาหยิบหนังสือสาปแช่งของตนออกมา เริ่มสาปแช่งวังสวรรค์ทั้งวัง
ในไม่ช้า น่าเศร้าที่เขาค้นพบว่าโชคชะตาของวังสวรรค์ได้รับการปกปักรักษาจากมรรคาสวรรค์ เขาสาปแช่งวังสวรรค์ไม่ได้เลย
แต่เขากลับไม่ยอมแพ้ ตัดสินใจสละอายุขัยของตนเพื่อสาปแช่ง
ใช้อายุสู้กับมรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์น่าจะขวางไม่ได้แล้ว!
แต่หากอยากสาปแช่งวังสวรรค์ทั้งวัง เขาต้องเสียอายุขัยไปเท่าใดกันเล่า
อายุขัยของต้าหลัวแทบจะเป็นนิรันดร์ไร้สิ้นสุด หมื่นเคราะห์ไม่มลาย หมื่นภัยไม่ดับสูญ แต่หากใช้มากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อร่างกายและวิญญาณของเขา ทำให้อาการบาดเจ็บทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นว่าเสียอายุขัยไปนับหมื่นล้านปีแล้ว ก็หยุดมือทันที เขาเริ่มปรับลมหายใจ
[เนื่องจากการสาปแช่งของท่าน ดวงชะตาจู่ถูตกต่ำลง ศิษย์ชั้นเซียนหลายพันคนบาดเจ็บล้มตาย]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดชะตาก็ตกต่ำลงแล้ว
ส่วนผู้รับเคราะห์พวกนั้น หานเจวี๋ยทำได้เพียงสวดภาวนาอย่างเงียบงันเพื่อขอให้ชาติหน้าพวกเขาอย่าได้เข้าร่วมกับวังเทพอีก
ติดตามวังเทพ ไม่มีจุดจบที่ดีแน่!
หลังจากพักอยู่ครึ่งวัน หานเจวี๋ยก็เริ่มสาปแช่งจู่ถูต่อ
………………………………………………………………