บทที่ 372 จู่ถูดับสูญ หนี่ว์วาเข้าฝัน
อริยะลงมือกับจักรพรรดิสวรรค์อย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยรู้สึกแปลกใจ แบบนี้ไม่นับว่าผิดกติกาหรือ
ช้าก่อน
บรรพชนเต๋าที่จำกัดและควบคุมอริยะได้ล้วนแล้วแต่หายตัวไปหมดแล้ว ถ้าหากอริยะฝ่าพรมแดนขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ฝ่าบาท เบื้องหลังพระองค์ไม่มีอริยะคอยเกื้อหนุนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มขื่นพลางเอ่ยตอบ “เบื้องหลังวังสวรรค์คือมรรคาสวรรค์ อริยะอื่นใดไม่อาจแทรกแซงได้ ด้วยเกรงว่าจะแปดเปื้อนกรรมแห่งมรรคาสวรรค์”
เหลวไหล!
ข้าเห็นแผนลับของท่านกับอริยะหมดแล้ว!
หานเจวี๋ยบ่นในใจ ทว่าไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่ขัดแย้งผ่านทางสีหน้า
เขาเอ่ยถามต่อ “สถานการณ์ของหลงเฮ่าเป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่คิดจะกลับมาอีกหรือ”
“ฮึ่ม อย่าเอ่ยถึงไอ้ลูกทรพีเลย เขากลายเป็นศัตรูของวังสวรรค์ไปแล้ว”
“เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เรื่องพวกนี้เจ้าก็อย่าถามถึงเลย พูดไปเราก็อับอายขายขี้หน้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสวรรค์พูดถึงขนาดนี้แล้ว หานเจวี๋ยจึงไม่ถามมากอีก
ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็สิ้นสุดการสนทนา หานเจวี๋ยตระหนักอย่างชัดแจ้งว่าวังสวรรค์เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
แต่เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ไม่ยอมเล่าให้ชัดเจน เขาก็จะไม่ถามมากเช่นกัน
หลังจากเก็บป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์แล้ว สายตาของหานเจวี๋ยก็เลื่อนไปที่ขวดโอสถ
เขาเปิดขวดโอสถ หยิบมรรคาโอสถเม็ดหนึ่งออกมา และเริ่มใช้ดู
โอสถที่ช่วยในการบำเพ็ญของระดับเทพได้ สามารถกล่าวได้เลยว่านิกายเหรินช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ได้ยินว่ามรรคาโอสถมีต้นกำเนิดมาจากนิกายเหริน
มิน่าเล่าสองศิษย์จากนิกายเหรินล้วนแต่แข็งแกร่งกันถึงเพียงนั้น มีทรัพยากรด้านโอสถอยู่ ตบะย่อมไม่มีทางต่ำต้อยแน่
แน่นอน ธรรมเนียมเต๋าของนิกายเหรินเองก็แกร่งกล้าเช่นกัน
หลังจากมรรคาโอสถเข้าสู่ร่างกาย ก็สลายเป็นปราณฟ้าประทานมากมายเหลือคณา ทั้งหมดไหลเวียนอยู่ในร่างเขาอย่างอิสระ และกลายเป็นพลังเวทปฐมเทพในที่สุด
ประสิทธิภาพมหาศาลยิ่ง!
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมคิดว่าโอสถนี้คงมีประโยชน์ไม่มาก ไม่ต่างจากซี่โครงไก่ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะประเมินมรดกทางปัญญาของนิกายเหรินต่ำไป
หลายวันผ่านไป
หลังจากหานเจวี๋ยใช้มรรคาโอสถเม็ดนี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้กลับดียิ่งกว่าบำเพ็ญตบะสิบปีเสียอีก
เขาใช้ต่อไปเรื่อยๆ
สองเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยใช้มรรคาโอสถทั้งหมดแล้ว ตบะบรรลุถึงขีดสูงสุด จวนจะทะลวงระดับปฐมเทพขั้นสามได้แล้ว
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น รู้สึกตื้นตันในตัวจักรพรรดิสวรรค์อย่างยิ่ง
โอสถวิเศษเช่นนี้กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่มิอาจประเมินค่าได้ ไม่น่าเชื่อว่าจักรพรรดิสวรรค์จะมอบมรรคาโอสถสิบเม็ดให้ตนในคราวเดียว
ต่อจากนี้เขาสามารถเตรียมตัวทะลวงขั้นได้แล้ว
….
ณ วังสวรรค์ พระราชวังเทียมเมฆา
จักรพรรดิสวรรค์อยู่กับหลี่เต้าคงตามลำพัง
หลี่เต้าคงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “มรรคาโอสถยี่สิบเม็ดแบ่งสันปันส่วนเรียบร้อยแล้วกระมัง”
จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้มตอบรับ “อืม ฝากขอบคุณเจ้านิกายเหรินแทนเราด้วย”
หลี่เต้าคงส่ายหน้าเอ่ยยิ้มๆ “ยามนี้ท่านอริยะเข้าสู่เคราะห์กรรม นิกายเหรินจำเป็นต้องให้การสนับสนุนนอย่างเต็มกำลัง ได้ยินท่านอาจารย์ข้ากล่าวว่า หลังจากมหาเคราะห์ผ่านพ้นไปหลายครั้งก็มีความเป็นไปได้ว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาเยือน เหลือเวลาสำหรับมรรคาสวรรค์ไม่มากแล้ว หากวังสวรรค์มีชัยในมหาเคราะห์ได้ ให้ข้ามผ่านหุบเหวแห่งระดับเทพ มุ่งสู่บรรพกาลเสีย เตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
รอยยิ้มของจักรพรรดิสวรรค์เลือนหายไป ก่อนจะถามขึ้นมา “การกระทำในช่วงที่ผ่านมาของศิษย์น้องเจ้า เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
เขาหรี่ตาลง เผยเจตนาสังหารรางๆ
หลี่เต้าคงทำราวกับมองไม่เห็นเจตนาสังหารของเขา กล่าวตอบไปว่า “ก่อกรรมไว้ย่อมต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง หากเขาขัดขวางความก้าวหน้าของวังสวรรค์ เช่นนั้นข้าจะยับยั้งเขาด้วยตัวเอง ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขา เขาเพียงอยากประชันขันแข่งกับข้าเท่านั้น หาได้มีแผนร้ายไม่”
จักรพรรดิสวรรค์จมอยู่ในห้วงความคิด
หลี่เต้าคงยังพูดต่อไป “จู่ถูยังไม่ตาย ข้าสืบพบเบาะแสเสี้ยวหนึ่งของเขา จึงวางแผนจะไปตามล่าสังหารเขาแล้ว”
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยตอบ “เรื่องนี้ปล่อยไปชั่วคราวเถิด จู่ถูใช้แผนจักจั่นทองลอกคราบ ทว่ายังมีอำนาจคุกคามอื่น วังเทพพินาศไปแล้ว วังสวรรค์ต้องกลืนวังเทพและวังปีศาจทันที เพื่อเตรียมการขึ้นต่อไป”
หลี่เต้าคงพยักหน้า
“ระยะนี้ตี้หล่านเทียนแห่งเผ่าเทพอีกาทองค่อยๆ เคลื่อนไหวแล้ว หากต้องการเชิดธงวังสวรรค์ให้ตั้งตระหง่าน กลืนกินเผ่าพันธุ์โบราณ ตัวเจ้าจงเป็นตัวแทนวังสวรรค์ไปเจริญไมตรีกับเผ่าเทพอีกาทองเถอะ” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
หลี่เต้าคงตอบตกลงทันที
….
เจ็ดปีผ่านไป
หานเจวี๋ยทะลวงสู่ระดับปฐมเทพขั้นสามอย่างราบรื่น
พลังเวทปฐมเทพเพิ่มพูน ร่างกายเขาราวกับอาบไล้ไปด้วยความปีติปรีดาจากการเลื่อนระดับ
เขาควบรวมตบะพลางตรวจดูหน้าจอคุณสมบัติไปด้วย
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 5132 / 23, 999, 999, 999, 999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ]
[ตบะ: ปฐมเทพขั้นสาม]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม]
….
อายุขัยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!
ไม่เพียงแต่ได้ส่วนที่เสียไปก่อนหน้านี้กลับคืนมา ยังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอีกด้วย
ครั้งนี้ต้องขอบคุณจักรพรรดิสวรรค์ยิ่งนัก ทำให้เขาลดระยะเวลาที่ต้องบำเพ็ญตบะลง มิเช่นนั้นอย่างน้อยเขาก็ต้องรอไปอีกสองร้อยปี
หานเจวี๋ยทำให้ตบะเสถียรต่อไป
สามปีต่อมา ตบะของเขามั่นคงดีแล้ว เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเตรียมสาปแช่งจู่ถู
ในเมื่อคนผู้นี้เหลืออยู่เพียงเศษวิญญาณเสี้ยวหนึ่ง เช่นนั้นสาปแช่งให้ตายไปตรงๆ ก็จบแล้ว หลีกเลี่ยงมิให้ยืดเยื้อนานไปจนเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ภายหน้าต้องมีศัตรูคนใหม่โผล่ขึ้นมาแน่นอน หานเจวี๋ยไม่อยากถูกศัตรูที่ล้มลงไปแล้วกลับมาตอแยพันแข้งพันขาอีก
ถึงเจ้าจะมากเล่ห์เจ้าแผนการขนาดไหน แต่ข้าก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ
หานเจวี๋ยถ่ายพลังเวทปฐมเทพเข้าสู่หนังสือแห่งความโชคร้าย ทุ่มพลังสาปแช่ง
ห้าวันต่อมา
อายุขัยของเขาเริ่มลดฮวบลง
ครั้งนี้หานเจวี๋ยจะต้องสาปแช่งจู่ถูให้ถึงที่ตายให้ได้
อายุขัยพันล้านปี!
อายุขัยสองพันล้านปี!
อายุขัยห้าพันล้านปี!
อายุขัยแปดพันล้านปี!
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
จู่ๆ ตัวอักษรแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เขานึงถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ในทันใด นี่จะต้องเกี่ยวข้องกับจู่ถูแน่
จู่ถูไปขอความช่วยเหลือจากอริยะ?
อริยะไม่สามารถสอดแนมอาณาเขตเต๋าได้ จึงทำได้เพียงใช้วิธีการนี้ เมื่อก่อนจักรพรรดิสวรรค์ก็เคยทำมาก่อนเช่นกัน
หานเจวี๋ยลังเล จะยอมรับดีไหมนะ
ถ้ายอมรับ จะถูกจับได้หรือไม่
เดิมทีอริยะไม่สามารถสอดแนมอาณาเขตเต๋าได้ แต่ถ้าหากเข้าสู่ความฝัน อีกฝ่ายจะพบโอกาสในการฉกฉวยประโยชน์หรือไม่
ช้าก่อน!
ข้ากลัวอะไรกัน
ข้ามีจักรพรรดินีผืนพิภพหนุนหลังอยู่นะ!
หากปล่อยให้จู่ถูมีชีวิตอยู่ต่อไป วันหน้าจะต้องสร้างความเดือดร้อนให้เขาอีกเป็นแน่ ควรต้องจัดการได้แล้ว
หานเจวี๋ยกัดฟันสาปแช่งต่อไป
คนผู้นี้ปล่อยไว้ไม่ได้!
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[หนี่ว์วาต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
การแจ้งเตือนเช่นนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าหานเจวี๋ยไม่หยุด เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นไปเสีย
ในที่สุด
ในยามที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงไปหมื่นล้านปี จู่ๆ การสาปแช่งของเขาก็ไม่เป็นผลแล้ว
เขาถามอยู่ในใจ ‘จู่ถูตายแล้วใช่หรือไม่’
[จู่ถูกายสิ้นจิตดับสูญ ร่างสลายมรรคผลมลาย]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก คราวนี้ไปของจริงแล้ว
สิ่งที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือ หนี่ว์วาไม่ได้บังเกิดความเกลียดชังต่อเขา
ดูเหมือนหนี่ว์วาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือหานเจวี๋ย
นางเพียงใช้พลังเวทย้อนทวนคำสาปแช่งบางอย่างเท่านั้น
หากว่าเมื่อครู่หานเจวี๋ยยอมรับ จะมิใช่การเผยตัวว่าตนคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรอกหรือ
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกโชคดี
เกือบถูกอริยะหลอกต้มเสียแล้ว
อริยะอาจทำนายถึงหนังสือแห่งความโชคร้ายได้ แต่เมื่อผนวกเข้ากับอาณาเขตเต๋า อริยะก็ยากจะทำนายได้แล้ว
“ต่อไปต้องทำการสาปแช่งในอาณาเขตเต๋าเท่านั้น พกหนังสือแห่งความโชคร้ายออกไปไม่ได้เด็ดขาด”
หานเจวี๋ยคิดอยู่เงียบๆ แววตาแปรเปลี่ยนเด็ดเดี่ยว
ถึงแม้ตบะจะกล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แต่หลังจากนี้จะเสมือนเหยียบย่างอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ แล้ว ไม่อาจประมาทได้
หลายวันผ่านไป
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็สัมผัสถึงกลิ่นอายของจักรพรรดินีผืนพิภพได้ เห็นได้ชัดว่าจงใจแผ่กลิ่นอายออกมา รอคอยให้หานเจวี๋ยไปพบนาง
ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงส่งจิตรับรู้ของตนออกไป ไปพบจักรพรรดินีผืนพิภพอย่างรวดเร็ว
ทั่วร่างของจักรพรรดินีผืนพิภพปกคลุมด้วยประกายแสงเจิดจ้าจนตาพร่า มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง
“จักรพรรดินี มีเรื่องใดหรือ” หานเจวี๋ยถาม
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาขนลุกซู่แล้ว
จักรพรรดินีผืนพิภพก็ไม่อาจมองทะลุอาณาเขตเต๋าได้ แต่ทราบถึงการคงอยู่ของหานเจวี๋ย หรือว่าทั่วทั้งแดนเซียนจะมีเพียงอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยที่อริยะไม่อาจมองทะลุได้
เมื่อคิดเช่นนี้ก็นับว่ามีเหตุผล
………………………………………………………………