บทที่ 404 มรรคาสองวิถี มรรคผลแห่งต้าหลัว
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนโจมตีผู้นำของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ อย่างต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีการเจรจากับอริยะเอาไว้แล้ว
หานเจวี๋ยเป็นปฏิปักษ์กับเขา ก็เท่ากับกำลังเล่นเกมเดิมพันกับอริยะอยู่
กล่าวได้เลยว่าน่าตื่นเต้นยิ่งนัก!
ในตอนนี้อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมของอริยะได้ แล้วหานเจวี๋ยจะกลัวไปไยเล่า
แล้วเขาก็ไม่คิดจะสู้ตายกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนแบบตัวต่อตัวด้วย
อย่างไรก็ตามภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือพิสูจน์ต้าหลัวให้ได้เสียก่อน!
“ปวงสวรรค์หมื่นโลกา สรรพสิ่งในวิถีมรรคาสวรรค์ รอข้าทะลวงระดับก่อนเถิด!”
หานเจวี๋ยคิดด้วยความปลาบปลื้มภูมิใจ จากนั้นเขาก็หยั่งรู้มหามรรคเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
….
โพ้นทะเลแดนเซียน บนเกาะลูกหนึ่ง
หลี่เต้าคงนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ ด้านข้างมีเงาร่างสองร่างยืนอยู่ เป็นหลี่เสวียนเอ้าและหวงจี๋เฮ่า
หวงจี๋เฮ่ามองใบหน้าที่ซีดขาวของหลี่เต้าคง ลอบตระหนกอยู่ในใจ
เขาเพิ่งเคยเห็นหลี่เต้าคงได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ในใจของเขา หลี่เต้าคงกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ แม้กระทั่งหลี่เสวียนเอ้าเอง อากาศของเขาก็ยังถูกหลี่เต้าคงสะกดข่มไว้อย่างมั่นคง
หลี่เสวียนเอ้าเปิดปากเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ ต้องการกลับคุนหลุนหรือไม่”
หลี่เต้าคงเอ่ยโดยไม่ลืมตาขึ้นเลย “เหตุใดต้องกลับไป”
หลี่เสวียนเอ้าขมวดคิ้วพลางตอบ “วังสวรรค์ถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนยึดอำนาจ ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องให้การสนับสนุนต่อแล้ว”
“ที่ทำอยู่ตอนนี้มิใช่เพื่อวังสวรรค์ แต่เพื่อนิกายเหริน”
“หมายความว่าอย่างไร ท่านยังคิดจะไปสู้กับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอีกหรือ เขาเป็นครึ่งอริยะแล้ว ส่วนท่านเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับต้าหลัวได้สักเท่าไรกัน”
“เหตุใดจะทำไม่ได้เล่า”
“แต่ว่า…”
“หึ หากมิใช่เพราะเขาควบคุมจักรพรรดิสวรรค์ให้ลอบโจมตีข้า ข้าไหนเลยจะปราชัยได้”
หลี่เต้าคงลืมตาขึ้นมา ดวงตาฉายแววเฉียบคมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลี่เสวียนเอ้าคิดจะกล่าวต่อแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หลี่เต้าคงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากพูดอะไร ข้าก็ทราบเช่นกันว่าเวลานี้คือมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต หากประมาทไปแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะสังขารสิ้นจิตแตกดับ ไม่อาจหวนกลับมาได้อีก แต่ถ้าข้าต้องการต่อสู้ ตัวเขาจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเองจะนับเป็นสิ่งใดได้”
หลี่เสวียนเอ้าเอ่ยด้วยความจนปัญญา “ศิษย์พี่ เก็บความหยิ่งทะนงของท่านไว้เถิด พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจริงๆ”
หลี่เต้าคงหลับตาลงอีกครั้ง กล่าวไปว่า “ศิษย์น้อง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าแตกต่างกับข้าอย่างไร”
“แตกต่างอย่างไร”
“เจ้า รู้ว่าควรทำถึงได้ลงมือทำ ส่วนข้า รู้ว่าทำไม่ได้แต่ยังมุ่งมั่นจะทำ ”
หลี่เสวียนเอ้าขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “เช่นนี้คือข้าสู้ท่านไม่ได้สินะ”
หลี่เต้าคงไม่เอ่ยวาจาอีก
หลี่เสวียนเอ้าจ้องมองหวงจี๋เฮ่าที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม “ศิษย์เอ๋ย เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
หวงจี๋เฮ่าโอดครวญกับตัวเองอยู่ในใจ ถึงแม้เขาจะเลื่อมใสในความหยิ่งทะนงของหลี่เต้าคง แต่ก็รู้สึกว่าเส้นทางที่หลี่เสวียนเอ้าเลือกเดินนั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่เลย
เขาเคยรู้จักคนที่ระมัดระวังตัวยิ่งกว่าหลี่เสวียนเอ้ามาแล้ว
เขาถึงขั้นที่รู้สึกว่าหลี่เสวียนเอ้าไม่สมกับคำวิจารณ์ของหลี่เต้าคงเลย
หวงจี๋เฮ่ากลั่นกรองถ้อยคำ กล่าวออกมา “ต่างมีดีกันคนละแบบ”
หลี่เสวียนเอ๋าร้องเฮอะ ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
เขาหันไปมองหลี่เต้าคงพลางขมวดคิ้ว ดวงตาฉายแววกังวลแวบหนึ่ง
เขารู้ดีว่าคงไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหลี่เต้าคงได้
ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ของหลี่เต้าคงได้ ต่อให้เป็นท่านอาจารย์ของพวกเขา หรืออริยะก็ทำไม่ได้
ในเวลานี้ หลี่เสวียนเอ้าค่อนข้างเหม่อลอยอยู่บ้าง
จู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลี่เต้าคงถึงได้เป็นศิษย์คนโต เหตุใดถึงเดินนำหน้าเขาอยู่เสมอ
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมา
หรือว่าเขาคิดผิดไปแล้ว
….
เวลาผ่านไปอีกยี่สิบปี
หานเจวี๋ยหยุดการหยั่งรู้มรรค หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายที่ยกระดับเป็นสมบัติวิญญาณต้าหลัวขึ้นมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
ทุกๆ ห้าปีเขาจะต้องสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนหนึ่งครั้ง ป้องกันไม่ให้จักรพรรดิโจวเหยี่ยนทำลายล้างโลกได้สำเร็จ
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[โจวฝานสหายของท่านหลอมรวมโลหิตบรรพชนต้นตระกูลเผ่าเทพอีกาทอง ได้รับร่างจำลองอีกาทอง ได้รับดวงชะตาเผ่าเทพอีกาทอง]
[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านวิญญาณข้ามสู่แดนบรรพกาล]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]
[ผานซินสหายของท่านตื่นรู้พลังวิเศษ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านได้รับยอดสมบัติ ดวงชะตาเพิ่มพูน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x13
[หลี่เต้าคงสหายของท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีมีอริยะช่วยเหลือ วิญญาณหลบหนีไปได้]
….
หานเจวี๋ยตระหนกอยู่ในใจ หลี่เต้าคงเข้าสู่เคราะห์แล้ว
สู้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่ได้ ยังจะบ้าเข้าไปสู้อีกหรือ
แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้อีกข้อคือเขาถูกจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนตามล่า
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าวิญญาณของฟางเหลียงข้ามสู่แดนบรรพกาลอีกครั้งแล้ว
ทุกครั้งที่เจ้าหนุ่มคนนี้ย้อนกลับไป เขาทำอะไรบ้างนะ
หานเจวี๋ยไม่ได้คิดต่อไปอีก ไว้สาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทุ่มอายุขัยสองหมื่นล้านปีให้กับเขาโดยตรง ถือเป็นการให้เกียรติแล้ว!
ครึ่งเดือนผ่านไป
หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลง เขาถามในใจ ‘ข้าอยากรู้ว่าวิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่แดนบรรพกาลไปทำอะไร’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
หนึ่งหมื่นล้านปีหรือ
มากขนาดนี้เชียว
ไอ้หนุ่มคนนี้วางแผนอะไรอยู่กันแน่
หานเจวี๋ยรู้สึกตกใจขึ้นมาแล้ว เช่นนี้ต้องดำเนินการต่อเท่านั้น!
ดำเนินการต่อ!
[ไม่สามารถวิวัฒนาการได้ในครั้งเดียว มีปัจจัยเกี่ยวข้องมากเกินไป ยกเลิกการหักอายุขัย]
หืม
คำนวณไม่ได้งั้นหรือ
หานเจวี๋ยจึงได้แต่เปลี่ยนวิธีถาม ‘วิญญาณฟางเหลียงข้ามสู่แดนบรรพกาลเพื่อทำร้ายข้าใช่หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ใช่เพื่อทำร้ายท่าน]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาจำเป็นต้องระวังตัว ถึงแม้ค่าความรู้สึกดีที่ฟางเหลียงมีต่อเขาจะไม่ได้ลดลง แต่ห่างเหินกันไปเนิ่นนานปานนี้ ใจคนยากแท้หยั่งถึง จำเป็นต้องระวังเอาไว้
หานเจวี๋ยไม่วิวัฒนาการต่อแล้ว เขาทุ่มสมาธิจดจ่อกับการทะลวงระดับ
ด้วยกายดาราอนธการรวมถึงวิชายุทธ์ระดับมหามรรคอย่างมหามรรควัฏจักรอนธการ ความเร็วในการหยั่งรู้ของหานเจวี๋ยจึงรวดเร็วยิ่ง เขาคาดว่าตนน่าจะอยู่ไม่ไกลจากการพิสูจน์ต้าหลัวเท่าไรแล้ว
หากไม่บรรลุต้าหลัว เขาก็ไม่มีทางมีคุณสมบัติพอที่จะต่อกรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้
….
ณ เผ่ามนุษย์ในแดนเซียน
บนลานฝึกยุทธ์ที่ใหญ่โตกว้างขวางแห่งหนึ่ง ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันที่นี่
สิงหงเสวียนก็รวมอยู่ในหมู่ฝูงชนด้วย รอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้บำเพ็ญหญิง แต่ละคนล้วนมีท่าทางไม่ธรรมดา
ผู้บำเพ็ญทั้งหมดต่างมองดูท้องฟ้า ภาพวาดขนาดมหึมาแผ่นหนึ่งลอยอยู่เหนือทะเลเมฆหมอก ในภาพเป็นฉากขุนเขาธารา สดใสมีชีวิตชีวา วิหคสวรรค์สารพัดชนิดจับคู่บินโฉบผ่าน งดงามประหนึ่งแดนสวรรค์
“ลูกหลานเผ่าพันธุ์มนุษย์เอ๋ย มหาเคราะห์มาเยือนแดนเซียน สรรพสิ่งเผชิญอันตราย แล้วผู้บำเพ็ญอย่างพวกเราจะใช้ชีวิตบนโลกอย่างสงบสุขได้หรือ สมควรต้องขึ้นสู่สวรรค์เข้าร่วมสงคราม ช่วยเหลือเทพเซียนที่ถูกกักขังไว้!”
น้ำเสียงก้องกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่ปลุกเร้าทำให้ผู้บำเพ็ญมนุษย์ต่างรู้สึกฮึกเหิมคึกคัก
สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ร้องในใจว่าแย่แล้ว
ต้องแกล้งตายอีกแล้วหรือ
สิ่งที่วังสวรรค์เผชิญอยู่ นางเองก็เคยได้ยินมาบ้างเช่นกัน
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เทพเซียนล้วนถูกปราบปราม เผ่ามนุษย์อย่างพวกเขาจะสามารถต่อต้านจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนที่แสนทรงพลังได้อย่างไร
ในอดีตนางเป็นศัตรูของวังสวรรค์ ยามนี้กลับต้องช่วยเหลือวังสวรรค์…
สิงหงเสวียนไม่เข้าใจความคิดของผู้นำเผ่ามนุษย์เลย
ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ให้ได้!
….
สองปีผ่านไป
หานเจวี๋ยประสบความสำเร็จรู้แจ้งมรรคแล้ว เริ่มหลอมรวมเข้ากับมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด ประทับมันลงในพลังเวทของตน ใช้พลังเวทแปรสภาพ และยกระดับพลังจิต
เมื่อทุกอย่างในตัวเขาหลอมรวมเข้ากับมหามรรคแล้ว จะสามารถควบรวมเป็นมรรคผลแห่งต้าหลัว กลายเป็นต้าหลัวได้
ตามการชี้นำของมหามรรควัฏจักรอนธการ ระดับต้าหลัวจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์สวรรค์ ข้ามผ่านห้วงเวลา หมื่นเคราะห์ไม่สิ้นสูญ หมื่นภัยไม่แตกดับ
เคราะห์ภัยที่เอ่ยถึงในที่นี้คือเคราะห์สวรรค์ หากเผชิญการล่าสังหารจากตัวตนที่แข็งแกร่งกว่า นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว
[ตรวจสอบพบตัวตนลึกลับที่ส่งผลกระทบต่อดวงชะตาของท่าน จะป้องกันหรือไม่]
หานเจวี๋ยตะลึงงัน
เขาคิดจะตัดสินใจเลือกไปตามจิตใต้สำนึก
แต่เมื่อคิดดูแวบหนึ่ง ก็ถามไปก่อนว่า ‘เป็นผลดีหรือผลร้าย’
[ยังไม่ทราบชั่วขณะ]
‘ป้องกัน!’
หานเจวี๋ยตัดสินใจเลือกในทันที
………………………………………………………………