บทที่ 412 เทพมารเก้าหยิน พลิกชะตา
สามสิบปีผ่านไป
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น คิ้วของเขาขมวดแน่น
ระดับความยากในการบำเพ็ญของระดับเซียนทองต้าหลัวแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้มากนัก ถึงแม้ความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของเขาจะยังคงรวดเร็วเช่นเดิม แต่ฐานการบำเพ็ญกลับเพิ่มขึ้นไม่มากเลย อยู่ห่างจากการบรรลุเซียนทองต้าหลัวระยะกลางอีกมากโข
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับร่างจำลองเสรีสุญญตา
ตอนนี้ร่างจำลองเสรีสุญญตาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาได้
ถึงแม้ภายในอาณาเขตเต๋าจะปลอดภัยอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นมหาเคราะห์ หานเจวี๋ยต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองอย่างสุดกำลัง
ร่างจำลองของเทพมารฟ้าบุพกาลร่างที่สองแตกต่างจากร่างจำลองเทพมารขุนพลสวรรค์ เป็นพลังหยินสุดขั้ว พิสดารน่าพรั่นพรึง
หานเจวี๋ยฝึกฝนร่างจำลองนี้อย่างระมัดระวังยิ่ง ด้วยเกรงว่าจะเผชิญกับการสะท้อนกลับ
วิชาร่างจำลองนี้หานเจวี๋ยใช้เวลาฝึกฝนเกือบยี่สิบปีเต็ม
ร่างจำลองเทพมารเก้าหยิน พลังแห่งหยินกลืนเวทกินวิญญาณ ทรงพลังอย่างยิ่ง หากฝึกฝนสำเร็จในขั้นสูงสุดจะถึงขนาดที่สามารถกลืนกินมรรคาสวรรค์ได้ด้วยซ้ำ!
หลังจากหานเจวี๋ยฝึกสำเร็จ ก็เข้าสู่แบบจำลองการทดสอบทันที
เมื่อสำแดงร่างจำลองทั้งสองอย่างออกมา ระดับที่ต่ำกว่าเซียนทองต้าหลัวระยะกลางลงไป ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้ ต่อให้เป็นเซียนทองต้าหลัวระยะปลาย หานเจวี๋ยก็สู้ได้เช่นกัน
หลังจากบรรลุระดับต้าหลัว นอกจากพลังเวทแล้ว สิ่งที่ต้องทดสอบอย่างจริงจังคือพลังวิเศษและสมบัติวิเศษ
เซียนทองต้าหลัวทุกคนต่างมีสมบัติวิเศษอันทรงพลังเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตามมิใช่ทุกคนที่จะมียอดสมบัติมรรคาสวรรค์เช่นเดียวกับหานเจวี๋ย
‘แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่เป็นร่างจำลองของสองร่างแรกเท่านั้น ถ้าฝึกฝนร่างจำลองครบร้อยร่าง ข้ามิกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในระดับต้าหลัวไปเลยหรอกหรือ’
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
เขาทำความเข้าใจร่างจำลองลำดับที่สามต่อไป
จากนั้น เขาก็พลันตกตะลึงเมื่อค้นพบว่าตนไม่สามารถทำความเข้าใจร่างจำลองลำดับที่สามต่อไปได้ ราวกับร่างจำลองเสรีสุญญตาได้ปิดประตูใส่เขาแล้ว ความทรงจำมหาศาลนั้นก็อันตรธานหายไปด้วย
เกิดอะไรขึ้น
หรือว่าร่างจำลองเสรีสุญญตาของเขาสามารถเรียนได้เพียงสองลำดับแรกเท่านั้น
หานเจวี๋ยจับสัมผัสดูอย่างละเอียด ความทรงจำที่ได้รับถ่ายทอดร่างจำลองเสรีสุญญตามายังคงอยู่ เพียงแต่ปิดผนึกตัวเองไว้ในส่วนลึกของวิญญาณเขา เขาไม่สามารถบังคับให้เผยออกมาได้ มีอำนาจประหลาดขัดขวางเขาเอาไว้
หัวใจหานเจวี๋ยพลันเต้นแรง เอ่ยถามในใจ ‘ร่างจำลองเสรีสุญญตาเป็นแผนการของอริยะหรือไม่’
[ทุกอย่างที่ได้รับจากระบบล้วนปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์]
หานเจวี๋ยยิ้มเยาะตัวเองคราหนึ่ง
ระแวงเกินไปแล้วจริงๆ
‘เช่นนั้นข้าอยากรู้ว่าเหตุใดจึงไม่สามารถรับสืบทอดมรดกต่อไปได้’ หานเจวี๋ยถามอยู่ในใจ
[ตบะไม่เพียงพอ พลังวิเศษแฝงผนึกแห่งมหามรรคเอาไว้]
หานเจวี๋ยพลันกระจ่างแจ้ง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ดูเหมือนการเลือกฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตาก่อนจะไม่เป็นผลเสียแล้ว ยังคงต้องเพิ่มพูนตบะก่อนอยู่ดี
หานเจวี๋ยถอนหายใจคราหนึ่ง ทำได้เพียงเริ่มดูดซับแรงกรรมอันยาวนานและน่าเบื่อหน่าย
ช่วงเวลานี้ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าเหตุใดเซียนทองต้าหลัวเหล่านั้นจึงเอ้อระเหยกันถึงเพียงนั้น
ขนาดมีกายดาราอนธการยังบำเพ็ญอย่างลำบากลำบนถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ เลย
….
เวลาผ่านไปอีกสิบปี
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย
[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[ซูฉีศิษย์ของท่านกลืนกินสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล พลังแห่งความโชคร้ายเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[ฟางเหลียงศิษย์ของท่านพลิกฟื้นดวงชะตาวังสวรรค์ ฟื้นคืนชีพให้ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่าน โชควาสนาของวังสวรรค์เริ่มฟื้นตัว]
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์] x122287
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญของท่านเข้าสู่แดนเทพหวนปัจฉิม]
[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านสรรสร้างพลังวิเศษมรรคาสวรรค์ สะท้านฟ้าสะเทือนดินเทพผีโหยไห้]
….
เมื่อหานเจวี๋ยอ่านพบว่าซูฉีกลืนกินสิ่งชั่วร้ายอัปมงคลเข้าไป ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
ดูเหมือนเจ้าหนุ่มคนนี้จะเลือกเดินไปบนเส้นทางแห่งความชั่วร้ายเสียแล้ว แถมยิ่งเดินก็ยิ่งเก่งกาจเสียด้วย
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ซูฉีก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นจอมวายร้ายผู้ชั่วช้า!
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีผู้สืบทอดแล้ว!
ยังมีฟางเหลียงอีกคน ไม่น่าเชื่อว่าจะพลิกชะตาวังสวรรค์ได้ นี่เขาใช้วิธีการใดกัน
หานเจวี๋ยถึงกับตกตะลึงเลยทีเดียว ขนาดคนที่ตัวตายมรรคผลสลาย เขาก็ยังคืนชีพให้ได้งั้นหรือ
คงมิใช่ว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นบรรพชนเต๋ากลับชาติมาเกิดกระมัง
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกสงสัย
‘ข้าอยากรู้ตัวตนแท้จริงที่ปกปิดไว้อย่างลึกล้ำที่สุดของฟางเหลียง’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
แพงขนาดนี้เชียว!
หานเจวี๋ยสบถอยู่ในใจ ทำไมผู้คนรอบตัวถึงล้วนมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่กันนะ
หรือจะมีมือใหญ่ข้างหนึ่งคอยผลักดันทุกอย่างอยู่ในมุมมืด
[ฟางเหลียง: จักรพรรดิเซียนสามวัฏ ทายาทบรรพชนเต๋า เจ้าแห่งวังสวรรค์ บรรพชนเต๋าเทศนาเต๋าแก่สรวงสวรรค์ แบ่งปันโชควาสนาแก่ลูกหลานในดินแดนต่างๆ เนื่องจากฟางเหลียงยังคงพุ่งทะยานขึ้นเเรื่อยๆ อีกทั้งมีกรรมเชื่อมโยงกับท่าน ดังนั้นจึงถูกบรรพชนเต๋าคัดเลือกเป็นทายาท]
ทายาทบรรพชนเต๋าหรือ!
เยี่ยมยอดขนาดนี้เชียว
หานเจวี๋ยตกตะลึง ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเขาได้ล่ะ
บรรพชนเต๋าจับตามองเขาอยู่งั้นหรือ
นอกจากบรรพชนเต๋า หนี่ว์วา จักรพรรดินีผืนพิภพ อริยะจินอันรวมถึงปรมาจารย์ลัญจกรสรวงแล้ว หานเจวี๋ยพบว่าตนถูกอริยะมากมายกำลังจับตามองอยู่
สิ่งสำคัญที่สุดคืออริยะเหล่านี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง แต่ใช้คนอื่นเพื่อเข้าใกล้เขา
หรือเป็นเพราะเขาข้ามผ่านห้วงอันธการมา
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
หากอริยะคิดจะทำร้ายเขา ก็ต้องเกิดความเคียดแค้นชิงชังในตัวเขาก่อน
ถ้ามองจากปัจจุบันนี้ เหล่าอริยะสนใจในตัวเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ใช่แล้ว อริยะที่ทอดสายตามองปวงสวรรค์หมื่นโลกา จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับกับสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยคนหนึ่งที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงได้อย่างไร
สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้เหล่าอริยะไม่รู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน!
หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
หลังจากคิดได้เช่นนี้แล้ว หานเจวี๋ยก็รู้สึกผ่อนคลายลง
ไม่ว่าอย่างไร ฟางเหลียงก็มีฐานะเป็นทายาทบรรพชนเต๋า ภายหน้าคงสามารถกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้
‘มหาเคราะห์ครานี้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ แม้แต่บรรพชนเต๋าก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วย’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ยามนี้พอคิดดูแล้ว การที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนคิดจะล้มล้างบรรพชนเต๋า ช่างน่าขันโดยแท้
บรรพชนเต๋าเปิดศึกกับหนี่ว์วา ยิ่งน่าขันเป็นที่สุด
ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของอริยะทั้งสิ้น!
‘ช้าก่อน คงมิใช่ว่าความผกผันของมหาเคราะห์ครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าด้วยกระมัง’
เมื่อหานเจวี๋ยนึกถึงจุดนี้ ก็พลันบังเกิดความหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาทันที
เขาก็อับจนหนทางมากเช่นกัน
นี่คือโชคชะตางั้นหรือ
อริยะก็ยากจะผ่านไปได้ใช่หรือไม่
….
วังสวรรค์ ณ อุทยานหลวง
ฟางเหลียงนั่งอยู่ในสวน จิบสุรากับยอดแม่ทัพเทพ
ฟางเหลียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ขุนนางรักรู้สึกอย่างไรบ้าง”
ยอดแม่ทัพเทพตอบรับด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งนัก พลังวิเศษของฝ่าบาทช่างเลิศล้ำไพศาล พลังวิเศษระดับนี้ แม่ทัพอย่างข้าไม่เคยยลยินมาก่อนเลยจริงๆ”
เขาไม่ได้ประจบเอาใจ การฟื้นชีพคืนวิญญาณเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์โดยแท้
สีหน้าของฟางเหลียงดูซีดขาวอยู่บ้าง เขาเอ่ยยิ้มๆ “ในบรรดาสามยอดแม่ทัพสวรรค์ เราไว้ใจเจ้าที่สุด แม่ทัพเทพสวรรค์คาดเดาได้ยาก แม่ทัพเทพยุทธ์กระหายในอำนาจความสำเร็จ เพื่อไม่ให้เจ้าต้องวุ่นวายในภายภาคหน้า เราได้จัดเตรียมฐานะและตัวตนใหม่ไว้ให้เจ้าแล้ว”
“ทุกอย่างแล้วแต่ฝ่าบาทจะทรงจัดการพ่ะย่ะค่ะ”
ยอดแม่ทัพเทพกล่าวอย่างจริงจัง จากนั้นเขาก็หันเหหัวข้อสนทนา เอ่ยถามขึ้นมา “ไม่ทราบว่าสถานการณ์ของอดีตจักรพรรดิสวรรค์เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหลียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด เขาไม่เป็นอะไร ดูเหมือนฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์จะมองคนไม่ผิดเลยจริงๆ เจ้าสัตย์ซื่อถือคุณธรรมเช่นนี้ หากได้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ ก็นับเป็นโชคของวังสวรรค์แล้ว”
ยอดแม่ทัพเทพส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ตัวดีพ่ะย่ะค่ะ ข้าเหมาะกับการศึก ไม่เหมาะกับอำนาจ”
ฟางเหลียงเพียงแย้มยิ้ม ไม่พูดมากอีก
เวลานี้เอง ท้องนภาพลันเปลี่ยนสี เมฆาม่วงฉาบทอฟ้า บังเกิดนิมิตมหัศจรรย์ เทพธิดาโปรยบุปผา สามวิเศษรวมศูนย์ เจิดจ้าแยงตา
ยอดแม่ทัพเทพขมวดคิ้ว เอ่ยพึมพำ “บรรลุต้าหลัวอีกรายแล้ว”
ฟางเหลียงเอ่ยถาม “เจ้าอยากบรรลุต้าหลัวหรือไม่”
ยอดแม่ทัพเทพได้ฟังก็มองเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาใดแฝงในคำพูด
ฟางเหลียงกล่าวอย่างสงบเยือกเย็น “แม้เราจะเป็นเพียงจักรพรรดิเซียน ทว่ากลับมีวิธีช่วยเหลือเจ้าให้บรรลุต้าหลัวโดยเร็วได้ เพียงแต่เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัสเช่นกัน”
………………………………………