บทที่ 419 กรรมหนักแสนล้านปี ตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาลึกลับ หานเจวี๋ยก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยง จนต้องเงยหน้าขึ้นมองในที่สุด
สายตาของหานเจวี๋ยมองทะลุทะลวงไอหมอกที่ตลบอบอวล เขามองเห็นดวงตาคู่หนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกับดวงตาของมนุษย์อย่างยิ่ง มันดูเย็นชาจนคล้ายกับไร้ความรู้สึก
ตู้ม!
จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยพลันเดือดพล่าน ท่ามกลางความมืดมิด เขามองเห็นมหาสงคราม สิ่งมีชีวิตรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่างกำยำมหึมาอย่างที่สุดร่างหนึ่ง ราวกับแมลงเม่าบินเข้าหากองไฟ
ร่างกำยำเหยียบบนบัลลังก์ดอกบัว ในมือถือขวานยักษ์ พร้อมทั้งลำแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองสาดส่องอยู่เหนือศีรษะ ความองอาจทรงพลังนั้นทำให้หัวใจของหานเจวี๋ยสั่นสะท้าน
‘ช่างองอาจเสียนี่กระไร! ไม่มีทางอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้เลย’
หานเจวี๋ยไม่ทันเห็นตอนจบของสงครามนั้น เมื่อเขาเรียกสติกลับคืนมา ก็เหลือเพียงห้วงอากาศว่างเปล่าอันแสนยุ่งเหยิง ทว่าร่างสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าได้อันตรธานไปเสียแล้ว
“มรรคาสวรรค์เป็นดั่งความฝัน ทุกสิ่งเป็นเพียงภาพลวง เจ้ามนุษย์เอ๋ย เจ้าจะมีชีวิตที่แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าหลุดพ้นจากภาพลวงโดยเร็วที่สุด”
น้ำเสียงคลุมเครือดังขึ้นที่ข้างหูของหานเจวี๋ย มันเนิบช้าเอื่อยเฉื่อยเช่นเดียวกับน้ำเสียงของมหามรรค
หานเจวี๋ยพลันตกตะลึง นี่มันหมายความว่าอย่างไร
ทันใดนั้นภาพความทรงจำนี้ก็แตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับคืนสู่โลกความเป็นจริง ดวงจิตประหลาดลอยคว้างอยู่เบื้องหน้าของเขา
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘คนที่พูดเมื่อครู่เป็นใครกัน’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
หนึ่งแสนล้านปี?
หานเจวี๋ยสะดุ้งโหยงทันที
‘ค่าตัวสูงขนาดนี้ ต้องเป็นบุคคลระดับใดกันแน่ จะต้องคำนวณออกมาให้ได้!’
ดำเนินการ!
[ผลกรรมยิ่งใหญ่เกินไป สัมพันธ์กับระดับขอบเขตพลังที่ระบบปัจจุบันไม่สามารถเข้าถึงได้ในขณะนี้ ไม่อาจวิวัฒนาการได้ ยกเลิกการหักค่าตอบแทนอายุขัย]
‘หืม ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ’ หานเจวี๋ยรู้สึกหวาดกลัว แม้แต่บรรพชนเต๋าระบบก็ยังสามารถคำนวณได้ แต่คนผู้นี้เหนือกว่าบรรพชนเต๋าอีกงั้นหรือ
‘หรือจะเป็นเทพยักษ์ผานกู่จริงๆ’ หานเจวี๋ยรู้สึกกระวนกระวายใจ จึงถามต่อ ‘ตอนนี้นอกจากสำนักซ่อนเร้น ยังมีใครอีกบ้างที่ล่วงรู้ที่อยู่ของข้า’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[ยังไม่มีข้อมูลรั่วไหลในขณะนี้]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เช่นนั้นก็ดีไป
เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขายังคงควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นให้เคลื่อนย้ายหนีออกไปจากที่นี่ได้ตามเดิม
ครึ่งชั่วยามต่อมา
หานเจวี๋ยเคลื่อนสายตาไปมองที่ดวงจิตประหลาด
‘เหตุใดดวงจิตประหลาดถึงนำความทรงจำนี้มาให้ข้า หรือภาพความทรงจำเมื่อครู่คือภาพสงครามของเทพมารฟ้าบุพกาลเมื่อครั้งบุพกาลกันแน่’
ดวงจิตประหลาดดูเหมือนจะลืมเลือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น และเที่ยวเตร่ไปรอบๆ อีกครั้ง
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อ
พูดให้ชัดเจน เป็นเพราะขอบเขตพลังต่ำเกินไป จึงไม่อาจมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
…
แดนเซียน ริมแม่น้ำสวรรค์
ฟางเหลียงยืนอยู่บนก้อนเมฆ สองมือไพล่หลัง สายตาของเขาทะนงองอาจ ข้างกายมีเทพเซียนคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับเขาทุกกระเบียดนิ้วยืนอยู่
หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดฟางเหลียงก็ได้เป็นจักรพรรดิสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ สายตาสง่าภูมิฐาน สติปัญญาปราดเปรื่องล้ำลึก
ยอดแม่ทัพเทพปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ฟางเหลียง เขาเหลือบมองเทพเซียนข้างกายฟางเหลียงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปถามฟางเหลียง “ฝ่าบาท ตระกูลเจียงแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ เลือกสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจียงตู๋กูกลับมาแล้ว เขานำไท่กู่หยวนเฟิ่งมากลืนกินทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์เรือนแสน นำความเสียหายครั้งใหญ่มาสู่วังสวรรค์”
“หลี่เต้าคงรู้เรื่องเจียงตู๋กูหรือไม่”
ยอดแม่ทัพเทพตอบ “หลี่เต้าคงเข้าร่วมสงครามแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหลียงจมจ่อมอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปเนิ่นนาน
ฟางเหลียงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “ส่งเทพเซียนไปยังสุดดินแดนขั้วอุดร เชิญตระกูลฟางมา”
‘ตระกูลฟางหรือ’ ยอดแม่ทัพเทพตกตะลึงไป เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านมีความสัมพันธ์กับตระกูลฟางหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฟางเหลียงพยักหน้าน้อยๆ
ยอดแม่ทัพเทพลอบตกใจ ที่แท้ที่จักรพรรดิสวรรค์เลือกฟางเหลียงก็เพราะมีความสัมพันธ์เช่นนี้นี่เอง
เขารับคำสั่งและจากไปทันที
ฟางเหลียงหันไปมองเทพเซียนข้างกาย พร้อมกล่าวพึมพำ “สงครามครั้งนี้ขึ้นอยู่กับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแล้ว”
เทพเซียนผู้มีใบหน้าเหมือนกันกับฟางเหลียงราวกับแกะสีหน้านิ่งเฉย ไม่เปลี่ยนแปลง ดูราวกับหุ่นเชิด
…
วันเวลาผันผ่าน ยี่สิบปีล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน พร้อมกับอ่านจดหมายไปด้วย
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญเผ่าพันธุ์มนุษย์] x170098
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญเผ่าพันธุ์มนุษย์] x390221
[ผานซินสหายของท่านเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดวงชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลง]
[เจียงตู๋กูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]
[หานมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานซินสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานซินสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
…
เจียงตู๋กูและผานซินเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์งั้นหรือ
ช่างแข็งแกร่งจริงๆ!
เมื่อไล่สายตาอ่านลงมาเรื่อยๆ เขาก็พบว่าผานซินทำการใหญ่พอตัว ถึงขั้นที่ทำให้สหายของหานเจวี๋ยได้รับบาดเจ็บไปหลายคน
‘ทำไมเจ้าคนขี้ขลาดนี่ถึงก้าวสู่เคราะห์ได้’ หานเจวี๋ยเกิดความสงสัยเกี่ยวกับสงครามในแดนเซียนอย่างยิ่ง
‘ข้าอยากรู้ว่ามหาเคราะห์ครั้งนี้ เผ่าพันธุ์ใดจะได้รับชัยชนะ’ หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[วังสวรรค์]
เปลือกตาของหานเจวี๋ยกระตุกไม่หยุด
‘เผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกทำลายงั้นหรือ’ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกราวกับทัศนะสามประการของเขาได้พังทลายลงมาหมดแล้ว จิตใต้สำนึกของเขาเชื่อว่าตัวเขาเองยังเป็นมนุษย์อยู่ จึงหวังใจอยู่เสมอว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะอยู่ยั้งยืนยง
หานเจวี๋ยถามต่อ ‘จุดจบของเผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นอย่างไร’
[ทั้งหมดจะสูญพันธุ์ ผู้ที่เกิดมาในเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องตกตายทั้งหมด รวมถึงเทพเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย]
คราวนี้ไม่หักอายุขัย น่าจะเพราะเกี่ยวเนื่องมาจากคำถามเมื่อครู่
ทั้งหมดจะสูญพันธุ์…รวมถึงเทพเซียนเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน
‘หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุด ข้าจะตายหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[ไม่ตาย]
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าจะมีแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ในแดนเซียนเท่านั้นที่ต้องตาย
เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดี
หานเจวี๋ยตัดสินใจเข้าฝันสิงหงเสวียน และบอกให้นางกลับมา
เขาสำแดงพลังวิเศษ และดึงตัวสิงหงเสวียนเข้าไปในแดนความฝันทันที
ทั้งสองพบกันเหนือปุยเมฆ
สีหน้าของสิงหงเสวียนไม่ชอบมาพากล นางไม่โผเข้ามากอดหานเจวี๋ยทันทีที่พบ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ‘เป็นอะไรไป หรือสิงหงเสวียนไม่สะดวกเข้าฝันในเวลานี้’
เขาเห็นร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายของสิงหงเสวียน ร่างนั้นเป็นหญิงสาว รูปร่างหน้าตาเหมือนกับอู้เต้าเจี้ยนทุกกระเบียดนิ้ว
‘ไท่ซู่เทียน! ให้ตายสิ! อุตส่าห์ระวังตัวดันมาตกม้าตายเสียได้! ต่อไปถ้าจะเข้าฝัน คงต้องคำนวณสถานการณ์ของอีกฝ่ายล่วงหน้าไว้ก่อน’ หานเจวี๋ยแอบก่นด่าตนเองที่ประมาทเลินเล่อ
ไท่ซู่เทียนจ้องหานเจวี๋ยตาเขม็ง และเอ่ยปากพูด “ได้โปรดช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย!”
‘ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นหรือ’
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่มีทางเลือก “เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องการความช่วยเหลือจากข้าด้วยหรือ”
ไท่ซู่เทียนตอบ “ต้องการสิ ในบรรดาอริยะมรรคาสวรรค์เก้าท่าน มีหกท่านเลือกที่จะสนับสนุนวังสวรรค์ กำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีเพียงอริยะหนี่ว์วา และอริยะฝูซีเท่านั้น ที่เลือกปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ จักรพรรดิสวรรค์ฟางเป็นศิษย์หลานของเจ้า ผลกรรมของเจ้าบางเบา แต่กลับเกี่ยวพันลึกซึ้งกับผู้ฝ่าเคราะห์ไม่น้อย บางทีเจ้าอาจจะพลิกสถานการณ์ได้”
หานเจวี๋ยกล่าว “แต่ตบะของข้าไม่มากพอ”
“ข้าเคยได้ยินอริยะกล่าวว่า อย่างต่ำเจ้าก็เป็นบุคคลในระดับเทพ”
ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้พลันสึกใจคอไม่ดี อริยะหนี่ว์วาจับตามองเขาอยู่
เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นหลุมลึกที่หานเจวี๋ยไม่คิดจะกระโจนลงไป ต่อให้ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์จริง แต่ก็ไม่อาจช่วยเหลืออย่างโจ่งแจ้งได้ เพื่อหลีกเลี่ยงกรรมหนักที่จะเกิดแก่ตัว
ไท่ซู่เทียนพูดต่อ “หากเผ่าพันธุ์มนุษย์รอพ้นจากมหาเคราะห์ครั้งนี้ อริยะจะตอบแทนเจ้าด้วยโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ รวมถึงวิชาพิสูจน์มรรคด้วย!”
‘วิชาพิสูจน์มรรค! พิสูจน์มรรคเพื่ออะไร เพื่อเป็นอริยะไม่ใช่หรือ!’
หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “อริยะไม่ได้มีเพียงเก้าคนหรอกหรือ”
ไท่ซู่เทียนตอบ “อริยะหนี่ว์วากำลังจะสละตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์”
………………………………………………..