บทที่ 459 ต้าหลัวระยะสมบูรณ์ ไร้พ่ายในระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไป
‘ไม่ได้!’
‘ยังคงต้องระมัดระวังไว้บ้าง จะต่อสู้กับอริยะได้อย่างไร เว้นแต่ว่าข้าจะสังหารพวกเขาได้ในชั่วพริบตา ถึงจะต่อกรกับพวกเขาได้ ทว่าตอนนี้ไม่อาจมีเจตนาในเชิงนี้’
‘บรรพชนเต๋าคือแบบอย่างของข้า เผยตัวต่อโลกในยามที่ใต้หล้าไร้ศัตรูแล้ว’
หานเจวี๋ยปรับสภาพอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
ต้องกล่าวเลยว่าคำพูดของฉิวซีไหลแฝงเจตนาล่อลวงไว้เด่นชัดเกินไป อย่าว่าแต่คนที่เอาแต่ฝึกบำเพ็ญอย่างเขาเลย หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นก็คงแบกรับไม่ไหวเช่นกัน
หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้ว ก่อนที่จะอยู่เหนือกว่าอริยะมรรคาสวรรค์ ตนจะไม่เป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาเด็ดขาด
ในตอนนี้ยังคงต้องเก็บตัวบำเพ็ญเพียรต่อไป
จากนั้น หานเจวี๋ยจึงฝึกบำเพ็ญต่อ
ต้องทะลวงถึงระดับเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์ให้ได้ก่อน ถึงจะมุ่งสู่ระดับครึ่งอริยะได้
….
สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ พลันมีลำแสงสายหนึ่งส่องกระทบลงบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน หานเจวี๋ยที่อยู่ภายในถ้ำถูกแสงเจิดจ้าเข้าปกคลุม
[ตรวจสอบพบว่ามหาเคราะห์มรรคาสวรรค์สิ้นสุดลงแล้ว มรรคาสวรรค์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ท่านได้รับดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง กลับสู่แดนเซียนมรรคาสวรรค์ ปูทางเพื่อกลายเป็นตำนานในภายภาคหน้า จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น โอกาสเปิดใช้งานความสามารถใหม่ของระบบหนึ่งครั้ง]
[สอง ไม่หวนคืนแดนเซียน รั้งอยู่ที่แดนต้องห้ามอันธการตลอดไป จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]
มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตเช่นนั้นหรือ
หานเจวี๋ยตัดสินใจยังไม่เลือกในตอนนี้ รอเขากลับไปที่แดนเซียนแล้วค่อยเลือกอีกครั้ง ความสามารถใหม่ของระบบมีแรงดึงดูดมากเหลือเกิน
เขาทุ่มความสนใจให้กับมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต
ดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้เขาเข้าสู่เคราะห์แล้วและนับว่ารอดพ้นมาได้
‘ดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตมีประโยชน์อย่างไร’
[ช่วยต้านทานความเย้ายวนจากแรงกรรมมรรคาสวรรค์ให้ท่านได้ ไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปในมหาเคราะห์มรรคาสวรรค์ครั้งถัดไป]
แค่นี้เองหรือ
หานเจวี๋ยแอบนึกดูถูกอยู่ในใจ
หานเจวี๋ยตรวจสอบค่าความสัมพันธ์ พบว่าจ้าวเซวียนหยวน เต้าจื้อจุน เจียงอี้ มู่หรงฉี่ สิงหงเสวียน ฟางเหลียง จี้เซียนเสิน ซูฉี หวงจุนเทียนต่างได้รับฉายามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตเช่นกัน
ตัวตนแทบทั้งหมดที่รอดชีวิตจากมหาเคราะห์มาได้ล้วนได้รับดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต
แต่ผู้คนจำพวกไก่คุกรัตติกาลและสวินฉางอันที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตเต๋ามาโดยตลอดกลับไม่ได้รับ เพราะหลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้ย่างเท้าออกไปนอกอาณาเขตเต๋าเลย
‘แดนต้องห้ามอันธการไม่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์ ดวงชะตามรรคาสวรรค์ยังถ่ายทอดมาถึงข้าได้อีกหรือ’
หานเจวี๋ยลอบตระหนกอยู่กับตัวเอง พลังของมรรคาสวรรค์ช่างพิสดารจริงๆ
ช้าก่อน!
‘ดวงชะตามหาจักรพรรดิไร้ขอบเขตมาจากมรรคาสวรรค์หรือมาจากมหามรรค’ หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[มหามรรค]
ว่าแล้วเชียว!
มหามรรคคงอยู่ทุกแห่งหน สูงส่งกว่ามรรคาสวรรค์!
ถึงแม้แดนต้องห้ามอันธการจะห่างไกลจากมรรคาสวรรค์ ทว่ายังคงอยู่ภายใต้มหามรรค
หานเจวี๋ยถามต่อ ‘หากข้ากลับสู่มรรคาสวรรค์ จะถูกอริยะสังหารหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ตรวจสอบพบว่าระเบียบมรรคาสวรรค์ฟื้นฟูแล้ว ข้อผูกมัดแห่งมรรคาสวรรค์ที่มีต่ออริยะมรรคาสวรรค์ก็กลับคืนมาเช่นกัน อริยะไม่สามารถเข้าสู่ปวงสวรรค์หมื่นโลกาด้วยร่างจริงได้ และไม่สามารถลงมือสังหารสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ตรงๆ ได้ มิเช่นนั้นจะเผชิญผลสะท้อนกลับจากมรรคาสวรรค์]
ไม่แปลกเลยที่เหล่าอริยะต่างลงมือในมหาเคราะห์ทั้งสิ้น ทั้งที่ตามปกติแล้วต้องอยู่ที่ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ที่แท้มีสาเหตุมาจากกฏมรรคาสวรรค์
ตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์รับไว้ไม่ได้จริงๆ!
ถึงแม้จะเป็นอมตะ แต่ก็สูญเสียความเป็นอิสระไป
ถ้าลองคิดกลับกันดู อริยะมรรคาสวรรค์ไม่อาจลงมือภายใต้อำนาจมรรคาสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็สามารถลงมือในแดนต้องห้ามอันธการได้อย่างนั้นหรือ
แดนต้องห้ามอันธการจะกลายเป็นสถานที่อันตรายใช่หรือไม่?
หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้วว่าหลังจากที่บรรลุเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์แล้วจะกลับไปแดนเซียน
ก่อนเกิดมหาเคราะห์ขึ้น ต่อให้มีอริยะต้องการสังหารเขา ก็ทำได้เพียงเชิญผู้ทรงพลังคนอื่นมาลงมือแทน ทว่าครึ่งอริยะก็ไม่สามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยได้อยู่ดี
หานเจวี๋ยกล่าว “ทุกคนจงเร่งฝึกบำเพ็ญ เมื่อผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ให้เตรียมตัวหวนคืนแดนเซียน”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วอาณาเขตเต๋า
เมื่อทุกคนได้ยินก็ล้วนตื่นเต้นกันขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่ประหม่ากังวลอย่างยิ่งอยู่ด้วย
“ในที่สุดก็จะได้กลับไปแล้ว”
“มหาเคราะห์สิ้นสุดลงแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ถูกต้อง เมื่อครู่ข้าได้รับดวงชะตาอันยิ่งใหญ่ จึงรู้ว่ามหาเคราะห์สิ้นสุดลงแล้ว”
“มหาเคราะห์ครานี้ช่างรวดเร็วจริงๆ เรียกได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย”
“เพิ่งจะไม่กี่พันปีเท่านั้นเองกระมัง อาจเป็นเพราะมีอริยะเข้าร่วมด้วย”
“ทำอย่างไรได้ อริยะแข็งแกร่งเกินไป เมื่อพวกเขาเข้าสู่เคราะห์ สรรพสิ่งจะเล่นกันอย่างไรได้เล่า”
….
หลังจากตกลงใจว่าจะกลับสู่แดนเซียนแล้ว หานเจวี๋ยก็เร่งบำเพ็ญตบะต่อทันที
ผ่านมาห้าร้อยปีแล้วนับจากการทะลวงระดับในครั้งก่อน หากคาดคะเนจากเวลา ก็ใกล้จะได้เวลาทะลวงระดับอีกครั้งแล้ว
ระดับต้าหลัวช่างบำเพ็ญได้ยากเย็นโดยแท้
หานเจวี๋ยไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าผู้บำเพ็ญที่ใช้เวลานับล้านปีหรือหลายสิบล้านปีเพื่อทะลวงระดับเล็กๆ สักขั้นเหล่านั้นมีความมุ่งมั่นเพียงใดกัน
หลังจากซูฉีสำแดงพลังวิเศษทลายมรรคา กล่องจดหมายของหานเจวี๋ยก็ซบเซาลงไปไม่น้อย ในหนึ่งปียังไม่แน่ว่าจะมีจดหมายเข้ามาสักฉบับหนึ่ง
หลังจากมหาเคราะห์ผ่านพ้นไป ช่างซบเซาเปล่าเปลี่ยวโดยแท้
เวลาไหลผ่านไปดั่งกระสวยทอผ้า
เก้าสิบเจ็ดปีผ่านไป ในที่สุดโอกาสในการทะลวงขั้นของหานเจวี๋ยก็มาถึงแล้ว
ใช้เวลาหกปี เขาถึงจะสามารถทะลวงขั้นได้สำเร็จ
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 7909/100, 999, 999, 999, 999, 999, 999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารอนธการ (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต) ]
[ตบะ: เซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด มหามรรคแห่งกรรม]
….
อายุขัยทะลุขีดจำกัดอีกแล้ว!
หนึ่งร้อยเก้าจุดเก้าพันล้านล้านปี!
อารมณ์ของหานเจวี๋ยเบิกบานขึ้นมาทันที อายุขัยที่ใช้จ่ายไปก่อนหน้าได้กลับคืนมาอีกครั้งแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถบรรลุระดับครึ่งอริยะได้ก่อนอายุหมื่นปีหรือไม่
หานเจวี๋ยเริ่มทำให้ตบะเสถียร
ใช้เวลาห้าปี เขาจึงทำให้ตบะมั่นคงสมบูรณ์ได้ จากนั้นจึงเริ่มยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่
ครึ่งปีผ่านไป พลังวิเศษมรรคกระบี่แต่ละอย่างของหานเจวี๋ยยกระดับถึงขีดสูงสุดแล้ว ทั้งหมดล้วนบรรลุระดับครึ่งอริยะ!
พลังวิเศษล้วนยกระดับความแข็งแกร่งถึงระดับครึ่งอริยะแล้ว เหลือแค่ยกระดับตบะขึ้นไปให้ถึงเท่านั้น
เขาเริ่มฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตา
ร่างจำลองเทพมารตนที่หก เทพมารฟ้ากระจ่าง พลังแห่งสุริยะ ร่างจำลองที่แผดเผาทุกสรรพสิ่งได้!
ร่างจำลองเทพมารตนที่เจ็ด เทพมารวารีแช่มช้อย สายน้ำอันทรงพลังที่สามารถท่วมทับทุกตัวตนได้!
ร่างจำลองเทพมารตนที่แปด เทพมารสิ้นแสง มหามรรคแห่งความมืดมิด ทำให้ความมืดมิดเข้าปกคลุมทุกโสตสัมผัสของสิ่งมีชีวิต!
สองปีผ่านไป หานเจวี๋ยฝึกฝนร่างจำลองเทพมารสำเร็จไปสามตนแล้ว จากนั้นก็พลันไม่มีความทรงจำในการฝึกฝนร่างจำลองเทพมารตนที่เก้าปรากฏขึ้นมาอีก
เมื่อเทพมารทั้งแปดตนปรากฏขึ้นพร้อมกัน ผู้ใดจะสามารถต่อกรได้เล่า
หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ครั้งนี้เขาเป็นผู้คงกระพันไร้พ่ายในระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไปแล้วจริงๆ
แต่สำหรับตัวตนที่บรรลุระดับครึ่งอริยะตอนปลาย หานเจวี๋ยยังไม่สามารถสังหารในชั่วพริบตาได้
เช่นสือตู๋เต้า หานเจวี๋ยต่อสู้ด้วยเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปถึงจะปลิดชีพอีกฝ่ายได้
สือตู๋เต้าสามารถกลืนกินพลังวิเศษทุกอย่างได้ ทว่าไม่สามารถกลืนกินพลังแห่งมหามรรคได้ อีกทั้งตัวเขามียอดสมบัติสายป้องกัน ร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งแปดตนปิดล้อมโจมตีเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปถึงจะจัดการได้
ส่วนพวกหลี่เต้าคง กลายเป็นเป้าหมายที่หานเจวี๋ยสามารถสังหารได้ในชั่วพริบตาแล้ว
ระดับที่ต่ำกว่าอริยะลงไป น่าจะไม่มีผู้ใดฆ่าหานเจวี๋ยได้
แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของหานเจวี๋ยเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็ต้องคำนึงถึงผู้สดับมรรคในตำหนักเอกอนันต์ด้วย บางทีในมหามรรคอาจยังมีตัวตนแข็งแกร่งอีกมากมายหลบเร้นอยู่ หรือยังมีโลกมรรคาสวรรค์อื่นใดอยู่อีก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หานเจวี๋ยสามารถหวนคืนแดนเซียนได้แล้ว!
เขาควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นให้ลอยไปยังแดนเซียน ภายในแดนต้องห้ามอันธการ ประสาทสัมผัสของเขาใช้การไม่ได้ แต่เขาสามารถรับรู้ถึงตราประทับหกวิถีได้ วิญญาณของพวกฟางเหลียงและหวงจุนเทียนล้วนมีตราประทับหกวิถีอยู่ พวกเขาล้วนอยู่ในทิศทางเดียวกัน คาดว่าที่นั่นน่าจะเป็นแดนเซียน
‘ข้ากลับแดนเซียนตอนนี้จะมีอันตรายหรือไม่’ หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!!
[ขณะนี้ยังไม่มี]
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีศัตรูในทางแจ้งอีก ผู้คนที่ชิงชังคั่งแค้นเขานอกเหนือจากอริยะมิ่งจี ก็แทบจะสิ้นชีพไปหมดแล้ว
………………………………………………………………