บทที่ 47 สำเร็จระดับเปลี่ยนวิญญาณ พลังเทพหมื่นกระบี่
หลังจากเซวียนฉิงจวินจากไป หานเจวี๋ยก็เปิดขวดโอสถออกดู ทั้งสองขวดต่างก็มีโอสถบรรจุอยู่ด้านในสิบสองเม็ด
เขาใช้พลังวิญญาณหกสายตรวจสอบอยู่พักหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าไม่ใช่โอสถพิษ ถึงเริ่มกินเข้าไป
เพียงไม่นานเขาก็ประหลาดใจที่พบว่า ผลลัพธ์ของโอสถนี้แข็งแกร่งมาก!
แข็งแกร่งกว่าโอสถของเย่ซานหลางมากกว่าเท่าตัว
สมกับเป็นจอมมารจริงๆ ลงมือทียิ่งใหญ่มาก!
หานเจวี๋ยพยายามระงับความตื่นเต้นดีใจ และเริ่มทำการฝึกบำเพ็ญ
……
ภายในวังใต้ดินอันมืดสลัวแห่งหนึ่ง
เพียะ! เพียะ! เพียะ…
เสียงแส้กระทบร่างดังเข้ามาไม่ขาดหู
พบเพียงหยางเทียนตงและโจวฝานถูกมัดขึงอยู่บนเสาไม้ คนในชุดคลุมกันฝนสองคนกำลังโบกสะบัดแส้ยาวหวดพวกเขา โลหิตสดๆ สาดกระจายเต็มพื้น
ห่างออกไปนั้นผู้บำเพ็ญจำนวนมากที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่มองดูจนไม่กล้ามองตรงๆ
“เฮ้อ คนสำนักหยกพิสุทธิ์สองคนนี่ช่างดื้อด้านจริงๆ!”
“นั่นน่ะสิ คิดจะหนีทุกปี สุดท้ายโดนตีกลับมาก็ยังไม่ยอมแพ้”
“น่าสงสารจริงๆ!”
“เหตุใดลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณถึงไม่ฆ่าพวกเขาเล่า”
“หากฆ่าพวกเขาแล้ว ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณจะดึงเสียงสนับสนุนจากผู้คนมาได้อย่างไร”
“ความจริงติดตามลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณก็ไม่เลว”
บรรดาผู้บำเพ็ญต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อโบยไปสักพัก หยางเทียนตงและโจวฝานถึงได้ถูกปล่อยตัวลงมา
ผู้หนึ่งแฝงไปด้วยสายเลือดเทพปีศาจ!
ผู้หนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญระดับมหายานกลับชาติมาเกิด!
ยามนี้ ทั้งสองถูกโบยจนลมหายใจรวยริน
แส้ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่ทำมาจากเอ็นของสัตว์ปีศาจชนิดหนึ่ง ยามที่ฟาดลงบนร่าง จะรู้สึกราวกับเนื้อถูกฉีกทิ้ง เจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง
หยางเทียนตงหมอบอยู่บนพื้น กัดฟันเอ่ยว่า “นี่ก็คือแผนของเจ้าหรือ ยังไม่ทันได้ออกไปก็ถูกจับเสียแล้ว!”
โจวฝานรู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างมาก น้ำตาคลอเบ้า
กี่ปีแล้ว!
ทุกครั้งที่หนีล้วนล้มเหลว!
บัดซบ!
หากวันหน้าข้าสำเร็จมรรค จะต้องสังหารลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณของพวกเจ้า แม้แต่ไก่และหมาก็ไม่เว้น!
“พวกเราอย่าได้ดิ้นรนเลย รออาจารย์ข้ามาเถอะ” หยางเทียนตงถอดทอนใจกล่าว
อาจารย์นะอาจารย์!
เหตุใดท่านถึงยังไม่มา
สิบปีก่อน หลี่ชิงจื่อเคยมาที่นี่ คิดจะช่วยพวกเขาแต่ก็ล้มเหลว ทว่าก่อนไปหลี่ชิงจื่อแอบถ่ายทอดเสียงบอกเขาว่า ช้าเร็วหานเจวี๋ยจะต้องมาแน่ ให้พวกเขาช่วยทำให้จิตใจของศิษย์คนอื่นมั่นคงด้วย
และเป็นเพราะคำพูดนี้ ทำให้หยางเทียนตงถึงยืนหยัดมาโดยตลอด
โจวฝานกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “อาจารย์เจ้าใจเสาะขนาดนั้น ไม่มีทางมาหรอก!”
เขารู้แล้วว่าหานเจวี๋ยก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ แม้จะรู้สึกตกตะลึง แต่เขาก็เข้าใจนิสัยของหานเจวี๋ย
พรสวรรค์ของคนผู้นี้น่าตกใจจริงๆ แต่เขากลัวตายนี่!
คนที่กลัวตาย ไม่มีทางที่จะมาช่วยพวกเขา!
หากจะมาก็มาเสียนานแล้ว!
หยางเทียนตงกัดฟันเอ่ย “วางใจเถอะ อาจารย์ข้าต้องมาแน่ ไม่แน่เขาอาจจะลอบสังเกตพวกเราอยู่ก็ได้ เพื่ออยากจะเห็นว่าข้าสามารถทนความลำบากและจิตใจมั่นคงพอหรือไม่!”
โจวฝานกรอกตา เขารู้สึกว่าเจ้าหนูนี่ถูกธาตุไฟและจิตมารเข้าแทรกแล้ว
เฮ้อ อย่าว่าแต่เขาเลย โจวฝานเองก็ใกล้จะทนไม่ไหวเต็มที
……
สองปีต่อมา
หานเจวี๋ยบุกทะลวงถึงระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเก้า
จำต้องเอ่ยว่าโอสถของจอมมารนั้นมีผลเป็นอย่างมาก
หลังจากนี้จะต้องหาวิธีเอามาให้มากหน่อย
เดิมทีหานเจวี๋ยยังกังวลว่าเซวียนฉิงจวินจะมาหาเขาอยู่บ่อยๆ แต่ผลกลับเป็นเขาเองที่คิดมากไป
ดูท่าเซวียนฉิงจวินจะไม่ได้หลงใหลในกายเนื้อของเขา เหตุที่ผูกสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเพียร คาดว่าก็เพื่อจะใช้ในขณะถือกำเนิดฐานะเดิมในภายหลัง
หานเจวี๋ยไม่กล้าเชื่อใจนางเด็ดขาด ก่อนที่จะถึงเวลานั้นเขาต้องพยายามแข็งแกร่งให้มากที่สุด หากถึงเวลานั้นเซวียนฉิงจวินอยากจะเค้นเขาจนแห้งเล่าจะทำอย่างไร
ระดับความประทับใจ 4.5 ดาวไม่ได้หมายความว่าเซวียนฉิงจวินจะไม่ทำร้ายเขา
มีกี่การสังหารแล้วที่เกิดขึ้นเพราะความรัก?
ภาพยนตร์ต่างประเทศในชาติก่อนมักจะถ่ายทอดอารมณ์เช่นนี้ โดยเฉพาะภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้น
หานเจวี๋ยเริ่มสืบทอดพลังวิเศษเมฆตีลังกา
เมฆตีลังกา ระยะที่เคลื่อนย้ายนั้นสัมพันธ์กับพลังวิญญาณที่ถ่ายเทเข้าไปในร่าง ไม่ใช่สามารถกระโดดได้แค่หนึ่งแสนแปดพันลี้
หลังจากสืบทอดสำเร็จ เขาก็ตรวจสอบดูผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์อีกครั้ง
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือกวนโยวกัง ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสอง
หานเจวี๋ยค้นหาผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่อ เมื่อไม่เจอคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ เขาก็รู้สึกโล่งใจทันที
ยังมีเวลา!
ทำการฝึกบำเพ็ญต่อ ทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณให้เร็วที่สุด
หานเจวี๋ยตั้งสติรวมจิตใจ ใช้พลังทั้งหมดดูดซับปราณ
หนึ่งเดือนต่อมา
หลี่ชิงจื่อมาหาหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถาม “ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมาแล้วหรือ”
เขาเข้าใกล้ระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว เหตุใดศัตรูต้องมาในช่วงเวลานี้เล่า?
ซวยจริง!
“เปล่า หวงจี๋เฮ่าจากสำนักกระบี่วิหคชาดโจมตีลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ สุดท้ายถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณจับตัว สำนักกระบี่วิหคชาดโกรธเป็นอย่างมาก เตรียมร่วมมือกับพวกเราโจมตีลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ สถานการณ์พลิกกลับ!” หลี่ชิงจื่อยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น
เขาล่ะชอบหวงจี๋เฮ่าจริงๆ!
หาเรื่องเก่งนัก ทั้งครั้งนี้ยังหาเรื่องได้ถูกคนด้วย!
หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว
ใช้ได้นี่ เจ้าหวงน้อย!
“เช่นนั้นพวกท่านไปเถิด เรียกผู้อาวุโสกวนไปด้วย ข้าจะรักษาการณ์อยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์เอง หรือท่านจะนำผู้แข็งแกร่งระดับปราณก่อกำเนิดทั้งหมดไปด้วยได้ มีข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว” หานเจวี๋ยกล่าวจริงจัง
ใบหน้าของหลี่ชิงจื่อกระตุก
ท่านนี่มันจริงๆ…
เก่งเอาตัวรอดจริงๆ!
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา “ข้ากำลังจะทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณ ต้องการเวลา”
พอได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงจื่อก็สะดุ้งไปทั้งตัว สีหน้าดีใจเป็นล้นพ้น
ตอนหานเจี๋ยอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดสามารถสังหารระดับเปลี่ยนวิญญาณได้ รอจนเขาบรรลุระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว นั่นไม่เท่ากับว่า…
เขาไม่กล้าคิด!
หลี่ชิงจื่อกล่าวอย่างตื่นเต้น “ตกลง! ท่านอยู่ทะลวงระดับอย่างวางใจเถิด เรื่องนี้มอบให้พวกข้าก็แล้วกัน นอกจากสำนักกระบี่วิหคชาดแล้ว คงยังมีสำนักอื่นๆ สามารถร่วมมือกับพวกเราได้”
“เช่นนั้นก็ขอให้ราบรื่น!”
ทั้งสองพูดคุยกันไม่นาน หลี่ชิงจื่อก็จากไปด้วยความตื่นเต้น
ก่อนจากไป เขายังหยอกล้อไก่คุกรัตติกาลด้วย
ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกรำคาญยิ่งนัก ฉวยโอกาสที่เขาหันหลังกลับไป จิกก้นของเขาไปหนึ่งที
หลี่ชิงจื่อโมโห แต่รับรู้ได้ถึงสายตาของหานเจวี๋ย เขาจึงรีบจากไปโดยเร็ว
หานเจวี๋ยอดส่ายหน้ายิ้มไม่ได้ “เจ้าแมลงสาบนี่ทำตัวอย่างกับเด็ก”
แมลงสาบคือฉายาที่เขาตั้งให้กับหลี่ชิงจื่อ
ก็เขาตีไม่ตายไง!
……
ครึ่งปีต่อมา หลี่ชิงจื่อ กวนโยวกังพาผู้อาวุโสปราณก่อกำเนิดจำนวนสิบกว่าคน รวมทั้งศิษย์แกนหลัก และศิษย์อัจฉริยะไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์
เรื่องนี้ทำเป็นที่ฮือฮาในสำนักฝ่ายในเป็นอย่างมาก ไม่ว่าผู้ใดก็รู้ดีว่าจะเกิดเรื่องใหญ่กับแดนบำเพ็ญพรต!
อีกด้านหนึ่ง
หานเจวี๋ยมาถึงหอสัตว์เลี้ยงปีศาจ เขาแสดงป้ายผู้อาวุโสและเข้าไปในแดนหมื่นปีศาจ
เขาเตรียมฝ่าด่านเคราะห์ในแดนหมื่นปีศาจ
การเคลื่อนไหวของด่านเคราะห์ระดับเปลี่ยนวิญญาณมันยิ่งใหญ่เกินไป สามารถทำให้ภูเขาลูกหนึ่งราบเป็นหน้ากลองได้ เขาไม่อยากทำลายถ้ำเทวาแต่กำเนิดของตัวเอง ดังนั้นจึงนึกถึงแดนหมื่นปีศาจขึ้นมา
ก่อนมา เขาได้สอบถามเซียนซีเสวียนมาแล้ว เซียนซีเสวียนยังแนะนำให้เขามาที่แดนหมื่นปีศาจ
หากไปฝ่าด่านในสถานที่อื่นของสำนักหยกพิสุทธิ์ และพบเจอกับศัตรูเข้า เช่นนั้นย่อมเกิดปัญหาใหญ่แล้ว
หลังจากเข้าไปในแดนหมื่นปีศาจ หานเจวี๋ยหาพื้นที่ราบนั่งสมาธิ เขาหยิบโอสถปราณก่อกำเนิดชั้นหนึ่งออกมารับประทานอีก
ผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งปี
หานเจวี๋ยอาศัยโอสถจนเข้าสู่สถานะที่กำลังจะทะลวงอย่างรวดเร็ว
เขาหายใจลึกๆ เพียงครั้ง
ก่อนฝ่าด่านเคราะห์ เขาเปิดดูค่าความสัมพันธ์
หลี่ชิงจื่อและคนอื่นๆ ยังมีชีวิตอยู่
เช่นนั้นก็ยังดีหน่อย!
แต่ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสบางคนจะไร้ชีวิตแล้ว
ส่วนเป็นใครนั้น หานเจวี๋ยเองก็จำไม่ได้
หลังจากสังหารต้วนทงเทียน ผู้อาวุโสที่เกิดความประทับใจในตัวเขาก็มีไม่น้อย
จากเท่าที่ดู ตอนนี้ก็ยังไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น
สามารถทะลวงได้!
หานเจวี๋ยรีบตั้งจิตรวมพลัง เตรียมจะทะลวงระดับ
ขณะที่พลังวิญญาณฟ้าดินพุ่งเข้าร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง เมฆอัสนีอันพวยพุ่งก็เริ่มรวมตัวกัน สัตว์ปีศาจทั้งหลายในแดนหมื่นปีศาจต่างก็อยู่ไม่เป็นสุข
พลานุภาพอันน่าหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้
อาศัยอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทอง และวิชาวัฏจักรหกวิถี ทำให้การฝ่าด่านเคราะห์ของหานเจวี๋ยย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
จำต้องกล่าวว่า ความแข็งแกร่งของเคราะห์สรรค์ระดับเปลี่ยนวิญญาณนั้นห่างชั้นกับระดับปราณก่อกำเนิดมาก
ดีที่วิชาวัฏจักรหกวิถีแข็งแกร่งพอ!
หานเจวี๋ยกลับไม่ได้ใช้ระฆังเพลิงอัคคี เขาอยากฝ่าด่านเคราะห์ด้วยพลังของตนเอง
ผู้บำเพ็ญส่วนมากล้วนเสียชีวิตในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์
คุณสมบัติและวิชายุทธ์ของหานเจวี๋ยย่อมไม่ทำให้เขาล้มเหลวกลางคัน
หลายวันต่อมา
หานเจวี๋ยทะลวงระดับสำเร็จ!
ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นหนึ่ง!
[ท่านทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณสำเร็จ ได้รับการสืบทอดพลังวิเศษสายกระบี่หนึ่งครั้ง]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับพลังวิเศษ–พลังเทพหมื่นกระบี่]
[พลังเทพหมื่นกระบี่: อาศัยปราณกระบี่ของตัวเองเรียกเงากระบี่โบราณในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน จำนวนในการเรียกสัมพันธ์กับพลังวิญญาณของตนเอง]
หานเจวี๋ยเบิกตาโพลง พลังวิญญาณหกสายภายในร่างเริ่มปั่นป่วนในทันใด
ราวกับลำธารเล็กๆ กลายเป็นมหานที ก่อนจะกลายเป็นมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง!
พริบตานั้น เงาแสงลำหนึ่งพุ่งขึ้นเหนือศีรษะของเขา ลักษณะก็เหมือนเขาไม่มีผิด
จิตดั้งเดิมออกจากร่าง!
……………………………………….