บทที่ 486 ฝ่ามือประหลาด อายุสองหมื่นปี
นับตั้งแต่จิ่งเทียนกงจากไป ก็ผ่านไปอีกหนึ่งพันปีถ้วน
หลังจากที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญ เขาก็สาปแช่งอริยะมิ่งจีขณะอ่านจดหมายไปด้วย
เนื้อหาส่วนใหญ่ในจดหมายยังคงเป็นโอกาสวาสนาต่างๆ นานา อ่านจนรู้สึกเบื่อหน่าย
นานแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าต่างแสดงว่า ‘เผชิญกับการโจมตีจาก’ หานเจวี๋ยรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าในระยะเวลาอันยาวนานนี้ แดนเซียนชักจะสงบสุขเกินไป
หานเจวี๋ยคิดว่าแบบนี้ดีเหมือนกัน จะได้มีเวลาให้พวกเขาได้เติบโต
ตบะของศิษย์สำนักซ่อนเร้นพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครหยุดนิ่ง ที่ขาดไปไม่ได้คือมหามรรคต้นกำเนิดที่อุดมสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุด เหล่าศิษย์ทั้งหมดตระหนักรู้ได้อย่างเต็มที่
หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าการไต่เต้าระดับมหามรรคขึ้นไปนั้น คุณสมบัติไม่ได้สำคัญมากนัก ที่สำคัญกว่าคือความเหมาะสมและความสามารถในการเข้าใจต่างหาก
อยู่มาวันหนึ่ง
อู้เต้าเจี้ยนมาเยี่ยมหานเจวี๋ย
นางอยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏแล้ว ห่างจากระดับเทพอีกเพียงก้าวเดียว นางหวังว่าหานเจวี๋ยจะให้ความช่วยเหลือนางได้
หานเจวี๋ยเริ่มแสดงธรรมให้แก่นางเพียงคนเดียว โดยมุ่งเน้นไปที่ระดับเทพ
ยี่สิบปีต่อมา อู้เต้าเจี้ยนกลับไปพร้อมกับการตระหนักรู้
หนึ่งร้อยสามสิบเก้าปีต่อมา อู้เต้าเจี้ยนเลื่อนขั้นเป็นปฐมเทพขั้นหนึ่งได้สำเร็จ
ศิษย์ระดับเทพของสำนักซ่อนเร้นนับวันยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
สำนักซ่อนเร้นอยู่ในช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรือง
สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าระดับล่างเริ่มหันมาฝึกบำเพ็ญแล้ว ส่วนจำนวนของสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่รอบนอกเขตเซียนร้อยคีรีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าตั้งแต่กู่จั๋วอินถูกปลิดชีพในที่แห่งนี้ ก็ไม่มีศัตรูผู้แข็งแกร่งคนใดรุกรานเข้ามาอีก
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
แผ่นดินรอบบริเวณเขตเซียนร้อยคีรีสั่นสะเทือน เหล่าสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าและสัตว์อสูรขวัญหนีดีฝ่อกันเป็นแถว
นิ้วมือขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน จากนั้นฝ่ามือทั้งฝ่ามือก็ผุดขึ้นมาเหนือพื้นดิน ขนาดของมันมหึมายิ่งกว่าภูเขา ปลายนิ้วสูงเสียดฟ้า
ฝ่ามือดังกล่าวเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง ดูน่าสยดสยอง นิ้วมือแข็งยิ่งกว่าหิน
เจียงอี้ที่อยู่ใต้ต้นฝูซังจ้องมองฝ่ามือนั้นจากไกลๆ อดที่จะขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพำไม่ได้ “เหมือนเคยเห็นฝ่ามือนั่นที่ไหนมาก่อนก็ไม่รู้”
ไก่คุกรัตติกาลกล่าวอย่างเรียบเฉย “เมื่อหลายพันปีก่อนก็เคยมีชิ้นส่วนมนุษย์ตกลงมาจากฟ้าไม่ใช่หรืออย่างไร สงสัยจะเป็นฝีมือของผู้ทรงพลังสักคนนั่นละ ขอแค่ไม่มาโผล่ในเขตเซียนร้อยคีรี พวกเราก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
เจียงอี้ชำเลืองมองมัน ทำท่าทางเย็นชาหยิ่งยโส
สิ่งมีชีวิตทั่วทุกมุมในเขตเซียนร้อยคีรีต่างก็พูดถึงฝ่ามือนั้น
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยทำสีหน้าแปลกประหลาด
ฝ่ามือนี้…
ฝ่ามือของจู่ถู!
กลิ่นอายเหมือนกันไม่ผิด แต่ชั่วร้ายกว่าเดิม!
หรือว่าหลังจากจู่ถูสิ้นลม กายเนื้อของเขาจะถูกอริยะเก็บเอาไป
จู่ถูเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาเคราะห์ช่วงแรกๆ อีกทั้งยังตายเพราะหานเจวี๋ยอีก มาวันนี้ฝ่ามือของเขากลับมาปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับอาณาเขตเต๋า ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดฝ่ามือนี้จึงปรากฏขึ้นใกล้กับอาณาเขตเต๋า’
หานเจวี๋ยคิดในใจเงียบๆ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[เป็นฝีมือของมหาจักรพรรดิเซียว]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เป็นเขาจริงๆ ด้วย
ตอนแรกที่มีชิ้นส่วนมนุษย์ตกลงมายังแดนเซียนก็เป็นฝีมือของมหาจักรพรรดิเซียว
คนผู้นี้เป็นหนึ่งในปฐมบรรพชนแห่งเผ่ามาร มีบรรพชนมารคอยหนุนหลัง จิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง
ที่มหาจักรพรรดิเซียวคอยจับตามองหานเจวี๋ย อาจเป็นเพราะเคยประจัญหน้ากันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว
หานเจวี๋ยมีลางสังหรณ์ว่าในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งถัดไป เผ่ามารจะต้องลงสนามอย่างแน่นอน และจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเมินเฉยไปเสีย
ดีเสียอีกได้ฝ่ามือยักษ์นั่นช่วยขับไล่สิ่งมีชีวิตโดยรอบออกไป เขตเซียนร้อยคีรีจะได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ต่อให้มหาจักรพรรดิเซียวมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง เขาก็ไม่สามารถทะลวงปราการของอาณาเขตเต๋าได้
ฝ่ามือของจู่ถูดูดซับแรงกรรมไร้สิ้นสุดและความเคียดแค้นเอาไว้ มันส่งกลิ่นอายแห่งความโชคร้ายออกมาทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายรู้สึกไม่ปลอดภัย
ภายในเวลาไม่กี่ปี สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ทนอยู่ไม่ได้ ต้องหนีออกไปจากบริเวณนี้
เรื่องนี้เป็นไปตามที่หานเจวี๋ยต้องการพอดี
หานเจวี๋ยลองส่งจิตรับรู้ออกไปสำรวจในหลายๆ เขตแดน จึงพบว่าไม่ใช่แค่ในบริเวณเขตเซียนร้อยคีรีเท่านั้น แต่ชิ้นส่วนแขนขาจากมหาเคราะห์ครั้งก่อนปรากฏตัวขึ้นทุกที่ ยึดครองพื้นที่ที่มีพลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ ขับไล่สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าออกไป
ได้เห็นดังนี้หานเจวี๋ยก็พลันกระจ่าง
ที่แท้มหาจักรพรรดิเซียวก็คิดจะขัดขวางพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า
ในเมื่อไม่ได้พุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ย เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก
อีกเจ็ดร้อยปีผ่านไป
นอกเขตเซียนร้อยคีรีมีผู้บำเพ็ญมาเยือน ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนปรี่เข้าไปหาฝ่ามือของจู่ถู และสร้างค่ายกลขนาดมหึมาล้อมรอบฝ่ามือนั้นไว้
ภาพนี้ดึงดูดความสนใจของบรรดาเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้น
“ศิษย์นิกายเจี๋ย”
หลงเฮ่าจำศิษย์เหล่านั้นได้จากเสื้อคลุมที่พวกเขาสวมใส่ จึงพึมพำกับตนเองด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้เจ้านิกายเจี๋ยก็เคยมาเยือนอยู่ครั้งหนึ่ง คราวนี้พาบรรดาศิษย์มาด้วย คิดจะทำการใดกันแน่
คนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองศิษย์นิกายเจี๋ยตาเขม็ง
หานเจวี๋ยที่อยู่ในอารามเต๋าก็คอยจับตาดูอยู่เช่นกัน
ไม่กี่วันต่อมา เหล่าศิษย์นิกายเจี๋ยก็ห้อมล้อมฝ่ามือของจู่ถูและเริ่มสร้างค่ายกลขึ้น ค่ายกลหนาขึ้นทีละชั้น พร้อมกับตรวนทองที่พันธนาการฝ่ามือของจู่ถูเอาไว้ เปลวไฟสีดำลุกท่วม และยังมีไอสีแดงแสนประหลาดแทรกซึมเข้าไปในฝ่ามือของจู่ถู ศิษย์นิกายเจี๋ยนับพันร่ายบริกรรมคาถาอย่างต่อเนื่อง
วงล้อสีทองวงหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ราวกับวงกลมสีทองหลายวงกำลังทับซ้อนกันอยู่ อักขระลึกลับส่องแสงเรืองรองงดงาม
ฝ่ามือของจู่ถูสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับกำลังทุรนทุราย
ตู้ม!
พลังอันแปลกประหลาดระเบิดออกมา สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สาดกระทบร่างของศิษย์นิกายเจี๋ยโดยทั่ว
ทันใดนั้น ศิษย์นิกายเจี๋ยที่อยู่ในแถวแรกก็กลายเป็นหิน สลายเป็นฝุ่นผงปลิวไป
ภาพดังกล่าวทำให้ศิษย์นิกายเจี๋ยคนอื่นๆ หนีตายกันกระเจิดกระเจิง
ฝ่ามือของจู่ถูกำแน่น เกิดเป็นลมพัดไปรอบด้าน สะเทือนจนค่ายกลที่ล้อมอยู่เกิดรอยร้าว
เหล่าศิษย์นิกายเจี๋ยคนอื่นๆ ก็คล้ายกับถูกโจมตีอย่างรุนแรง ต่างล้มลงเป็นแถบ ท่ามกลางขุนเขาลำธารโดยรอบ ร่างกายพวกเขาเหือดแห้งลงภายในพริบตา กลายสภาพเป็นมัมมี่ ทั้งตัวสั่นสะท้าน อยากจะส่งเสียงออกมาแต่ยังไม่ทันไรก็สิ้นใจไปเสียก่อน
ฟ้าดินพลันเงียบสงัด
ศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างตกตะลึง ฝ่ามือนี่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แม้แต่เต้าจื้อจุนที่เป็นถึงเซียนทองต้าหลัวก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
หานเจวี๋ยกลับมองออกว่าฝ่ามือนี้ครอบครองพลังระดับครึ่งอริยะ ในบรรดาศิษย์เหล่านี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีระดับเป็นเพียงจักรพรรดิเซียน ไหนเลยจะสามารถเอาชนะได้
“เหตุใดจิ่งเทียนกงถึงส่งพวกเขามาตายกันเช่นนี้”
หานเจวี๋ยคิดไม่ตก
ใครเลยจะรู้ว่า จิ่งเทียนกงไม่ได้ตั้งใจส่งพวกเขามาตาย ทว่าทั้งนิกายเจี๋ยต่างก็เข้ายึดครองชิ้นส่วนมนุษย์ทั้งหลายที่กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ ศิษย์กลุ่มนี้จึงอาสามาที่นี่เอง
หลังจากที่เหล่าศิษย์นิกายเจี๋ยถูกสังหารจนสิ้น ฝ่ามือของจู่ถูก็ค่อยๆ คลายออก และหันขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับยักษ์ที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน
การโจมตีครั้งนี้ทำให้ศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ แต่หานเจวี๋ยก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไร พวกเขาจึงไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อได้เห็นฝ่ามือของจู่ถู ในใจพวกเขาก็จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทุกครั้ง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
สามสิบกว่าปีต่อมา
[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุสองหมื่นปี ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกมาสู่โลกทันที ชำระล้างเศษซากจากมหาเคราะห์ จะได้รับแรงกุศลนิรคุณ ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น และหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น]
[สอง ฝึกบำเพ็ญอย่างสงบต่อไป ไม่ข้องเกี่ยวแปดเปื้อนผลกรรม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น และหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น]
หานเจวี๋ยเบิกตาโพลง ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ
มาแล้ว!
มันมาแล้ว!
หินวิญญาณมรรคาสวรรค์!
สมแล้วที่เป็นของรางวัลความสำเร็จอายุขัยสองหมื่นปี!
หนังสือแห่งความโชคร้ายสามารถเพิ่มระดับได้แล้ว!
หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเป็นสุข คล้ายว่าเขาจะได้เห็นวันตายของอริยะมิ่งจีแล้ว
เขาเลือกตัวเลือกที่สองโดยไม่ลังเล
หนังสือแห่งความโชคร้ายกลายเป็นยอดสมบัติต้าหลัวแล้ว ยกระดับเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ ก็จะเป็นอันดับหนึ่งสุดยิ่งใหญ่!
หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา และหลอมรวมเข้ากับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์
ไม่รู้มาก่อนว่าของวิเศษไม่มีระดับครึ่งอริยะ หากไม่มี เช่นนั้นก็จะกลายเป็นของวิเศษมรรคาสวรรค์ทันที แรงสาปแช่งของมันนั้น…
หานเจวี๋ยไม่กล้าคิดไปไกล!
………………………………………………..