บทที่ 587 บงการวังเทพ วางแผนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงตะคอกกร้าวของหานอวี้ หานทั่วก็ส่ายหน้าพลางหลุดยิ้มออกมา
เขาไม่โกรธเลย เด็กคนนี้ไม่เข้าใจถึงความสำคัญด้านคุณสมบัติ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเทียบเขาได้
หานทั่วเองก็เข้าใจในคุณสมบัติของตนเช่นกัน เขามีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลแล้ว ในโลกมีคนเพียงน้อยนิดที่สามารถมาถึงระดับนี้ได้
ส่วนลูกหลานของตน สายเลือดผสมปนเปกับมนุษย์ธรรมดาอยู่เรื่อยๆ คุณสมบัติของหานอวี้ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็คงไม่แกร่งจนเกินไปนัก
หานทั่วถามอีกครั้ง “ไม่ไปกับข้าจริงๆ น่ะหรือ”
“ไม่ไป!”
“ตามใจ”
หานทั่วก็ไม่เซ้าซี้ หันหลังจากไป
หานอวี้มองแผ่นหลังของเขาที่จากไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน จนกระทั่งเขาหายลับไปจากอีกฟากหนึ่งของเทือกเขา
“ฮึ่ม! รอข้าก่อนเถอะ!”
หานอวี้แค่นเสียง หันหลังกลับเข้าไปในถ้ำ
เขามิได้เคียดแค้นชิงชังหานทั่ว เพียงอยากพิสูจน์ให้หานทั่วเห็นว่าเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบรรพบุรุษ!
ไม่ถูกสิ
หานอวี้ชะงักเท้า พลันนึกถึงบรรพชนของบรรพชนท่านนั้นขึ้นมา มาถึงแดนเซียนนานถึงเพียงนี้ เขาไม่เคยพบท่านบรรพชนผู้นั้นอีกเลย
เขาสังหรณ์ใจว่า บรรพชนท่านนั้นต้องเป็นตัวตนชั้นสูงผู้หนึ่งแน่นอน!
“ข้าอยากพิสูจน์ให้ท่านผู้อาวุโสเห็นด้วยเช่นกัน”
หานอวี้ฮึกเหิมคึกคัก แววตาแน่วแน่
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ ยอดเขาเทพปู้โจว ภายในตำหนักศิลาเรียบง่ายสามัญหลังหนึ่ง หลี่เต้าคงกำลังใช้ความคิด
“เด็กคนนี้คล้ายเจ้าสำนักมาก ก่อนหน้านี้ไม่สังเกตเห็นเลย ตระกูลหานถูกล้างบาง เหลือเพียงที่รอดมาได้…”
หลี่เต้าคงเคยทำนายถึงทายาทรุ่นหลังของหานทั่ว จึงทราบว่าตระกูลหานถูกล้างบาง
เขาพลันรู้สึกว่าที่หานอวี้รอดมาได้อาจจะมาจากความตั้งใจของหานเจวี๋ย
หรือว่าเด็กคนนี้มีคุณสมบัติแฝงเร้นที่เขามองไม่ออก ยิ่งคิดหลี่เต้าคงก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
หานอวี้เหมือนหานเจวี๋ยเกินไปจริงๆ!
….
ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี
หานเจวี๋ยออกจากสภาวะฝึกบำเพ็ญอย่างตรงเวลา เขานับนิ้วทำนายชะตา พบว่าหานทั่วได้พบหานอวี้แล้ว
เขานึกสนุกขึ้นมา
มีละครให้ชมแล้ว
ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ หานอวี้ไม่มีทางคุกคามหานทั่วได้
หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา ตัดสินใจจะสนับสนุนหานอวี้สักหน่อย วันหน้าจะได้ใช้หานอวี้กระตุ้นหานทั่ว
แน่นอน เขาย่อมไม่เผยความคิดนี้ออกไปตรงๆ เลี่ยงไม่ให้หานอวี้คิดมาก
เขาไม่หวั่นใจเลยว่าหากหานทั่วรู้ความจริงแล้วจะฉุนเฉียวเดือดดาล เขาคอยช่วยเหลือหานทั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้งอยู่หลายครั้ง หากเด็กคนนี้ยังเป็นหมาป่าเลี้ยงไม่เชื่องอีก ก็แค่โยนเข้าคุกสวรรค์อนธการเสีย
ในใจของหานเจวี๋ย ไม่มีวันที่ผู้อื่นจะสำคัญไปกว่าตัวเขาเอง!
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขามาถึงวันนี้ได้
หากเขาเป็นคนที่ใส่ใจกับทุกเรื่อง หานเจวี๋ยคงสิ้นชีพในเส้นทางการฝึกบำเพ็ญไปนานแล้ว
‘รอดูอนาคตต่อไปแล้วกัน ให้เขาฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเองไปก่อนสักระยะ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ วันคืนยังอีกยาวไกล เขาจะใจร้อนเกินไปไม่ได้ ใช่ว่าบอกจะสนับสนุนหานอวี้แล้วก็ต้องลงมือทันที
เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย
[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากครึ่งอริยะลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จี้เซียนเสินศิษย์ของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[จั้งกูซิงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]
[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จิ่งเทียนกงสหายของท่านเนื่องจากสาปแช่งมากเกินไป เผชิญทัณฑ์สวรรค์ บังเกิดจิตมาร]
[ตี้จวินสหายของท่านเข้าสู่แม่น้ำโชคชะตา เผชิญกับการโจมตีจากดวงจิตฟ้าบุพกาลโบราณ]
….
หวงจุนเทียนล้มเหลวอย่างที่คิดเอาไว้
หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้เขา
ยามนี้หวงจุนเทียนเป็นครึ่งอริยะแล้ว อยู่ในแดนเซียนยากจะสิ้นชีพได้ ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงไม่กังวลในความเป็นความตายของเขา
เขาไล่อ่านลงไป จิ่งเทียนกงเริ่มรนหาที่ตายแล้ว!
ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้จะสวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ได้รับผลสะท้อนกลับ
หานเจวี๋ยตัดสินใจว่าอีกสักพักจะไปหาจิ่งเทียนกงสักหน่อย
จากนั้นเขาก็เห็นว่าตี้จวินเผชิญกับการโจมตีจากดวงจิตฟ้าบุพกาลโบราณ นานทีปีหนจะได้เห็นจริงๆ
ปรมาจารย์ลัญจกรสรวง อวี้ผูถี อริยะเจ็ดวิถีและตี้จวินตัวตนที่อยู่เหนือกว่ามหามรรคเหล่านี้ปรากฏตัวในกล่องจดหมายน้อยยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการถูกโจมตีเลย
กลุ่มของพวกเขาช่างแปลกใหม่สำหรับหานเจวี๋ยจริงๆ
ไม่ทราบเช่นกันว่านอกจากฝึกบำเพ็ญแล้ว นักพรตเต๋าผู้หลุดพ้นและดวงจิตมหามรรคยังทำอะไรกันอีก
จะน่าเบื่อมากหรือไม่
หลังจากแข็งแกร่งมากพอแล้ว ไม่มีสิ่งที่ควรค่าพอให้แสวงหาอีก คงน่าเบื่อหน่ายจริงๆ
หานเจวี๋ยหัวเราะหยันตัวเอง เขากลุ้มใจไปเปล่าๆ โดยแท้
เขาไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ สหายที่อยู่ด้านนอกต่างมีความเคลื่อนไหวกันแทบทั้งสิ้น เมื่อไม่ได้ทำนายชะตาดู หานเจวี๋ยพลันเกิดจิตนาการเชื่อมโยงสถานการณ์ขึ้น รู้สึกสนุกสนานอย่างยิ่ง
หลังอ่านจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยเข้าฝันจิ่งเทียนกง ใช้รูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ภายในแดนความฝัน
จิ่งเทียนกงตื่นเต้นแทบบ้าแล้ว
ผ่านมานานเท่าไรแล้ว!
ในที่สุดเขาก็ได้พบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!
เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าหานเจวี๋ย ปลาบปลื้มจนหลั่งน้ำตา ไม่เหลือมาดของครึ่งอริยะและอดีตเจ้านิกายเจี๋ยเลย
หานเจวี๋ยใช้โทนเสียงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เอ่ยว่า “เหตุใดระยะนี้ถึงสวมรอยเป็นข้า จบด้วยการเกิดจิตมาร มันคุ้มกันหรือ”
จิ่งเทียนกงเอ่ยด้วยความละอาย “ข้าเพียงต้องการให้ความอหังการของท่านเป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง ท่านช่างเลิศล้ำโดยแท้ รับรู้ได้แม้กระทั่งว่าข้าเผชิญกับการสะท้อนกลับของมรรคาสวรรค์”
ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
“ลัทธิอันธการและวังเทพ เจ้าใคร่ครวญไว้เช่นไร” หานเจวี๋ยถาม
จิ่งเทียนกงตอบว่า “ลัทธิอันธการทำได้เพียงซ่อนตัวในมุมมืด ข้าต้องการใช้วังเทพเป็นเปลือกห่อหุ้ม อีกทั้งวังเทพก็มีศักยภาพยิ่งนัก ในวังเทพมีบุตรแห่งสวรรค์ที่มีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกายอยู่ถึงสองคนขอรับ!”
ว่าแล้วเชียว!
คนผู้นี้คิดจะไปเป็นสายลับในวังเทพ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ไม่จำเป็น เจ้าจงฝึกบำเพ็ญให้ดี ช่วยให้วังเทพแข็งแกร่งขึ้น แล้วสักวันหนึ่ง ข้าจะปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะถึงช่วงเวลานั้นอย่าได้สร้างความวุ่นวาย ห้ามทำร้ายตัวเอง”
จิ่งเทียนกงได้ฟังแล้วตื้นตันยิ่งนัก
หานเจวี๋ยเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้คือพยายามแข็งแกร่งขึ้นให้ได้”
เขาคิดดูเล็กน้อย ชี้นิ้วออกไป ถ่ายทอดแสงเทพเบญจธาตุให้
ต้นฉบับดั้งเดิมของพลังวิเศษนี้ไม่ได้เกิดจากเขา ต้นฉบับดั้งเดิมต้องสืบสาวย้อนความไปถึงผู้ทรงพลังข่งเสวียนในยุคบุพกาลดึกดำบรรพ์
นับตั้งแต่เรียนรู้พลังวิเศษนี้มา หานเจวี๋ยใช้น้อยครั้งยิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวจะถูกคนเชื่อมโยงถึงตัวเขาได้
จิ่งเทียนกงไม่ทันตั้งตัว ถูกบังคับถ่ายทอดพลังวิเศษ จึงไม่อาจขยับเขยื้อนได้
ผ่านไปสักพักใหญ่
เมื่อจิ่งเทียนกงลืมตาขึ้นมา แดนความฝันก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว
“พลังวิเศษนี้…ทรงพลังยิ่ง!”
จิ่งเทียนกงมีสีหน้าตื่นเต้นปรีดา
แสงเทพเบญจธาตุ บังคับยึดสมบัติวิเศษของศัตรูได้ บังคับทำลายค่ายกลได้!
ยึดสมบัติ!
สารพัดประโยชน์!
จิ่งเทียนกงรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ นับว่าตนประสบโชคในคราวเคราะห์แล้ว
ขณะเดียวกัน เขายิ่งมั่นใจแล้วว่า
ติดตามเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ไม่เสียเปรียบแน่นอน!
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยยังนับว่าอารมณ์ดีอยู่ ความภักดีที่จิ่งเทียนกงมีต่อเขาทำให้เขาสบายใจยิ่ง
มหาเคราะห์ผ่านพ้นไปแล้ว จิ่งเทียนกงก็ยังคงเลื่อมใสศรัทธาในตัวเขา ควรถนอมรักษาไว้ยิ่งนัก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือคนผู้นี้บ้าระห่ำเกินไป
วังเทพนับว่าอยู่ในการควบคุมของหานเจวี๋ยแล้ว ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่าจั้งกูซิงถูกเขาชักใยบงการอยู่ หากจั้งกูซิงต่อต้านเขา เขาสั่งการเพียงคำเดียว จิ่งเทียนกงและจักรพรรดิเซียนวัฏจักรย่อมจัดการจั้งกูซิงแน่นอน
สิ่งที่หานเจวี๋ยต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้
กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่แต่ละแห่งล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา แต่ผู้ปกครองในฉากหน้าหาได้เกี่ยวข้องกับเขาไม่ ต่อให้ผู้ปกครองทำงานพลาด ทัณฑ์สวรรค์ย่อมไม่ตกมาถึงตัวเขา เขายังคงเสพสุขกับอำนาจนี้ได้ตลอด
ตอนนี้หานเจวี๋ยยังไม่มีแผนการอะไร เพียงขยายเครือข่ายไปเรื่อยๆ ก็พอ
เป้าหมายต่อไป หานเจวี๋ยจับตามองวังมังกรและเผ่าปีศาจ
หลงเฮ่าศิษย์ของเขาสามารถไปที่วังมังกรได้ ส่วนเจียงอี้ เจ้าใหญ่ และเจ้ารองให้ไปที่เผ่าปีศาจ
ทว่าเผ่าเรืองนามกลับไม่มีความเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยจมอยู่ในภวังค์ความคิด
หากจะพุ่งเป้าไปที่เผ่าเรืองนาม ควรจัดส่งผู้ใดไปเป็นไส้ศึกเล่า
………………………………………………………………