ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 595 เผ่าเทพอีกาทองเคลื่อนไหว

บทที่ 595 เผ่าเทพอีกาทองเคลื่อนไหว

“ข้าไม่มีทางไปจากสำนักซ่อนเร้น” หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา

สิงหงเสวียนกะพริบตาปริบๆ นึกทวนดูอย่างละเอียด ดูเหมือนหานเจวี๋ยจะไม่เคยจากไปเพียงลำพังเลย ขนาดจะมาแดนเซียนก็ยังพาพวกนางมาด้วยกัน กลับเป็นพวกนางที่ออกจากสำนักไปตามลำพังกันทั้งสิ้น

มาถึงจุดนี้ สิงหงเสวียนถามด้วยความสงสัย “ท่านอยู่ในสำนักซ่อนเร้นมาตลอดไม่เบื่อบ้างหรือ”

หานเจวี๋ยย้อนถาม “เหตุใดต้องเบื่อ”

“ตอนนี้น่าจะมิมีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้แล้ว ท่านไม่อยากออกไปดูโลกภายนอกหรือ”

“ภรรยา เจ้าถูกมรรคาสวรรค์ยึดร่างไปแล้วหรือ”

หานเจวี๋ยมองสิงหงเสวียนด้วยความระแวง เขากำลังลังเลอยู่ว่าควรชำระล้างสิงหงเสวียนสักรอบดีหรือไม่

สิงหงเสวียนเอ่ยด้วยความจนปัญญา “ท่านนี่นะ ขี้ระแวงเกินไปแล้ว เป็นอริยะแล้วยังจะกลัวการออกไปข้างนอกอยู่อีก”

ตอนที่นางรู้จักหานเจวี๋ย หานเจวี๋ยยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ยามนั้นระมัดระวังตัวยิ่ง ยามนี้กลายเป็นอริยะแล้ว ก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หานเจวี๋ยสำเร็จเป็นอริยะได้

ทั้งสองพูดคุยกันต่อไป พูดถึงเรื่องในอดีต คุยเรื่องในปัจจุบัน

หลายเดือนต่อมา

หานเจวี๋ยออกจากอารามเต๋าของสิงหงเสวียน เขามาที่ใต้ต้นฝูซัง

เหล่าศิษย์พากันลุกขึ้นยืน ทำความเคารพเขา

ผ่านไปหลายหมื่นปี แม้จะย้ายมาอยู่ที่เขตเซียนร้อยคีรีแล้ว ต้นฝูซังก็ยังเป็นสถานที่ชุมนุมของเหล่าศิษย์สืบทอดอยู่

ไก่คุกรัตติกาลโฉบเข้ามา พลางร้องเรียก “นายท่าน ข้ามีเรื่องจะฟ้อง!”

หานเจวี๋ยถามมัน “ฟ้องอะไร”

ไก่คุกรัตติกาลตะโกนขึ้นมา “เจ้าใหญ่กับเจ้ารองอยากออกไป!”

เจ้าใหญ่และเจ้ารองเป็นอีกาทอง เมื่อก่อนเนื่องจากคุณสมบัติไม่ได้เรื่อง จึงถูกขับออกจากเผ่าพันธุ์ ยามนี้ล้วนเป็นตัวตนระดับเทพกันแล้ว แต่ยังอยู่ไกลจากระดับต้าหลัวอีกพอสมควร

เจ้าใหญ่รีบเอ่ยทันที “ไม่จริง มันพูดเหลวไหล แค่มีอีกาทองกระตุ้นสายเลือดเรียกหาพวกเราเท่านั้น!”

เจ้ารองตัวสั่นระริก เพลิงแท้สุริยะบนร่างลุกโชนโหมกระพือ

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู ที่แท้จักรพรรดิปีศาจอีกาทองกำลังเรียกหาอีกาทองทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา การโจมตีของนิกายเจี๋ยรุนแรงนัก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เผ่าปีศาจต้องล่มสลายแน่

เผ่าปีศาจคงไม่ถึงขั้นถูกล้างเผ่าพันธุ์ แต่เผ่าเทพอีกาทองจะไม่อาจรั้งตำแหน่งราชวงศ์แห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจต่อไป

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หลังบรรลุถึงระดับครึ่งอริยะ หากพวกเจ้าต้องการก็สามารถออกไปได้ตามใจชอบ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ผู้ใดก็อย่าได้ฝันไปเลย และห้ามยุยงปลุกปั่น”

พูดจบเขาก็เดินไปหยุดหน้าต้นฝูซัง เริ่มสอดส่องดูต้นฝูซัง

วังวนมิติภายในต้นฝูซังมีจำนวนเกินสามร้อยแห่งแล้ว

หานเจวี๋ยไม่คิดเลยว่านอกมรรคาสวรรค์จะยังมีโลกอีกมากมายถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตามโชคดีที่โลกเหล่านี้ล้วนอ่อนด้อยกว่าแดนเซียนมากนัก

ผ่านไปเนิ่นนานขนาดนี้ ตบะของต้นฝูซังบรรลุถึงระดับปฐมเทพขั้นหกแล้ว พร้อมเข้าสู่ระดับต้าหลัวได้ทุกเมื่อ

หานเจวี๋ยให้ต้นฝูซังเปิดวังวนมิติบางส่วน จากนั้นเริ่มสำรวจโลกที่อยู่ด้านใน

ศิษย์คนอื่นๆ ไม่กล้ารบกวนอีก ต่างฝึกบำเพ็ญไปตามวิถีของตน

….

เขาเทพปู้โจว

อีกาทองสามขาตัวหนึ่งที่สยายปีกกว้างไกลหลายหมื่นจั้งมุ่งหน้าจากทางทิศตะวันตก ต้องการขึ้นเขา

ตูม!

ปราณกระบี่ระเบิดขึ้นสู่นภา สั่นคลอนเมฆาให้กระจัดกระจาย สั่นสะเทือนเขาเทพปู้โจว

อีกาทองสามขาจำเป็นต้องหยุด เอ่ยขึ้นว่า “ข้าพเจ้าจักรพรรดิปีศาจอีกาทอง มาเพื่อขอเข้าพบผู้อาวุโสหลี่เต้าคง!”

“ไม่พบ”

เสียงของหลี่เต้าคงแว่วออกมา เย็นชาอย่างยิ่ง ทั้งยังแข็งกร้าวนัก

บรรดาสิ่งมีชีวิตบนเขาเทพปู้โจวล้วนประหม่ากังวลยิ่ง ชื่อเสียงของจักรพรรดิปีศาจอีกาทอง พวกเขาเคยได้ยินมานานแล้ว ถึงแม้หลี่เต้าคงจะมีชื่ออยู่ในลำดับแรกของทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ แต่จักรพรรดิปีศาจอีกาทองก็ไม่อ่อนด้อยเลย ซ้ำยังมีเผ่าปีศาจอยู่ใต้อาณัติ

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาเทพปู้โจว!”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองเอ่ยเสียงขรึม เขาไม่คิดเลยว่าหลี่เต้าคงจะไม่ไว้หน้ากันถึงขนาดนี้

“ไสหัวไป!”

เสียงของหลี่เต้าคงดังสนั่นปานฟ้าผ่า สั่นสะเทือนแก้วหูของสิ่งมีชีวิตในเขาเทพปู้โจว

“เฮอะ!”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองแค่นเสียง หันหลังจากไป

หนึ่งร้อยปีต่อมา

เผ่าปีศาจดาหน้ากันเข้ามาที่เขาเทพปู้โจวจากทั่วสารทิศ ไอปีศาจแผ่อวล ก่อตัวเป็นเมฆทะมึน ครอบคลุมเขาเทพปู้โจว ราวกับภัยพิบัติกำลังจะมาเยือน

หานเจวี๋ยที่อยู่ไกลออกไปในเขตเซียนร้อยคีรีพลันลืมตาขึ้น

เขาขมวดคิ้วนิดๆ เพ่งมองไป

มีปีศาจจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้ามาที่เขาเทพปู้โจวอย่างไม่ขาดสาย ราวกับคลื่นสมุทร ต้องการจะถล่มท่วมทับเขาเทพปู้โจว

ปีศาจเหล่านี้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ระดับจักรพรรดิเซียนเท่านั้น

เผ่าปีศาจต้องการโจมตีเขาเทพปู้โจวหรือ

แต่ปีศาจเหล่านี้อ่อนแอถึงเพียงนี้…

ช้าก่อน!

สีหน้าหานเจวี๋ยพลันมืดครึ้มลง

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

เผ่าปีศาจส่งพลทหารปีศาจกว่าร้อยล้านตนมาบุกเขาเทพปู้โจว คิดจะยั่วโทสะหลี่เต้าคง หากหลี่เต้าคงลงมือ ทำลายล้างปีศาจเหล่านี้ แรงกรรมมหาศาลจะหักล้างดวงชะตามรรคาสวรรค์ของเขา ทำให้เขายากจะรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งในทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนาย แต่ทำนายไม่ได้เลยว่าเป็นอริยะรายใดที่เกื้อหนุนเผ่าปีศาจ

ในมุมมองของเขา ต้องมีอริยะเกื้อหนุนแน่นอน มิเช่นนั้นเผ่าปีศาจที่ถูกนิกายเจี๋ยถล่ม ไหนเลยจะยังกล้าสร้างศัตรูเพิ่ม

‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดที่เกื้อหนุนจักรพรรดิปีศาจอีกาทองอยู่’ หานเจวี๋ยถามในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

มากขนาดนี้เชียว!

หานเจวี๋ยรู้สึกหนักใจแล้ว

เขาเลือกดำเนินการต่อทันที จากนั้นเขาได้เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเจวี๋ยมาโผล่ในตำหนักใหญ่สีแดงเข้มที่เต็มไปด้วยเพลิงโชติช่วง เขามองเห็นจักรพรรดิปีศาจอีกาทอง กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเงาร่างหนึ่ง

ตี้จวิน!

มองเห็นตี้จวินหลุบตามองจักรพรรดิปีศาจอีกาทอง เอ่ยอย่างเฉยชา “สถานการณ์อันยากลำบากของเผ่าปีศาจข้าทราบเรื่องแล้ว”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองกัดฟันเอ่ย “หวังว่าท่านปฐมบรรพชนจะช่วยอนุเคราะห์เผ่าเทพอีกาทองด้วย!”

ตี้จวินกล่าวว่า “ข้ามิใช่ปฐมบรรพชนของเจ้า ปฐมบรรพชนของเผ่าเทพอีกาทองเป็นเพียงร่างจำลองตนหนึ่งของข้าเท่านั้น ข้าหลุดพ้นจากบ่วงกรรมมานานแล้ว ไม่ตกอยู่ในความอนิจจัง”

“แต่ว่า…”

“เผ่าเทพอีกาทองมิมีอริยะ พวกเจ้ายากจะตั้งหลักในแดนเซียนได้ ยามนี้พวกเจ้าทำได้เพียงผงาดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกล้างเผ่าพันธุ์ครั้งแล้วครั้งเล่า วนเวียนเป็นวัฏจักรไปไม่สิ้นสุด”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองเงียบไป

ตี้จวินเอ่ยต่อว่า “อย่างไรก็ตามข้ามีหนทางหนึ่งที่ช่วยให้เผ่าเทพอีกาทองหลุดพ้นจากชะตากรรมได้ หากทำสำเร็จ เผ่าเทพอีกาทองจะมีอริยะบังเกิดขึ้น หากล้มเหลว เผ่าเทพอีกาทองจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ เจ้าห้ามเปิดเผยถึงตัวตนของข้า กล้าหรือไม่”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองเงยหน้าขึ้นทันที เอ่ยว่า “กล้าขอรับ! เผ่าเทพอีกาทองไร้หนทางแล้ว!”

“เจ้าจงส่งปีศาจทั้งหมดในเผ่าไปที่เขาเทพปู้โจว บีบคั้นให้หลี่เต้าคงลงมือ กำจัดดวงชะตามรรคาสวรรค์ของเขา จากนั้นข้าจะให้ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ชิ้นหนึ่งแก่เจ้า เจ้าต้องไปเอามันมาจากแดนต้องห้ามอันธการ ข้าจะกำหนดทิศทางให้เจ้า”

“ขอรับ!”

จักรพรรดิปีศาจอีกาทองตื่นเต้นอย่างยิ่ง ยอดสมบัติมรรคาสวรรค์ไม่กี่คำนี้ทำให้เขาตาลายเลยทีเดียว

ภาพลวงตาสิ้นสุดลงเท่านี้

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

ไม่น่าเชื่อว่าตี้จวินก็จับตามองมรรคาสวรรค์ ถึงขั้นที่ยอมมอบสมบัติมรรคาสวรรค์ให้ด้วย

ผิดปกติ

ผู้ทรงพลังเหล่านี้ก้าวข้ามมรรคาสวรรค์ไปแล้วมิใช่หรือ ถึงขั้นมหามรรคแล้ว เหตุใดยังลงมือกับมรรคาสวรรค์อีก

หานเจวี๋ยทำนายถึงสาเหตุต่อ

[เนื่องจากเกี่ยวข้องกับตัวตนที่อยู่เหนือขีดจำกัดของระบบ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]

หืม?

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว ตี้จวินมิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น

เท่าที่เขารู้ มีเพียงบรรพชนเต๋าเท่านั้นที่อยู่เหนือขีดจำกัดของระบบ

หรือว่าเหตุผลที่ตี้จวินลงมือเป็นเพราะบรรพชนเต๋า

หานเจวี๋ยคิดไม่ออกเลย เขาถ่ายทอดเสียงไปหาหลี่เต้าคงที่เขาเทพปู้โจว ห้ามไม่ให้เขาลงมือกับมวลชนเผ่าปีศาจ ให้ใช้ค่ายกลป้องกัน โอบล้อมเขาเทพปู้โจวไว้

นิกายเจี๋ยตามสังหารเผ่าปีศาจอยู่ ขอเพียงเผ่าปีศาจขึ้นสู่เขาเทพปู้โจวไม่ได้ ยืนหยัดได้ไม่นานก็จะย่อยยับไป

หลี่เต้าคงใช้พลังทันที แสงกระบี่พวยพุ่งขึ้นมาจากชายขอบเขาเทพปู้โจว ราวกับกระบี่แสงที่ลอยอยู่ในอากาศ ปลายกระบี่ชี้สู่ฟ้า งดงามตระการตา

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset