บทที่ 616 เผ่าสวรรค์วุ่นวาย ฟางเหลียงออกหน้า
“ข้า เมิ่งเซียวจากเผ่ามนุษย์ ขอร้องเรียนแม่ทัพเทพสวรรค์ สังหารล้างบางทายาทชายหลายล้านคนในตระกูลของข้า ข่มเห่งสตรีในตระกูลข้า เทพเซียนประพฤติตนไม่เป็นธรรม บรรพชนสวรรค์โปรดมอบความเป็นธรรมให้ข้าน้อยด้วย!”
“ข้า เมิ่งเซียวจากเผ่ามนุษย์ ขอร้องเรียนแม่ทัพเทพสวรรค์ สังหารล้างบางทายาทชายหลายล้านคนในตระกูลของข้า ข่มเห่งสตรีในตระกูลข้า เทพเซียนประพฤติตนไม่เป็นธรรม บรรพชนสวรรค์โปรดมอบความเป็นธรรมให้ข้าน้อยด้วย!”
….
เมิ่งเซียวตะโกนซ้ำไปซ้ำมา เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปสามครั้งก็กลายเป็นการโวยวายตีโพยตีพาย
ณ ชั้นฟ้าที่สิบสาม
ตำหนักใหญ่เผ่าสวรรค์ เหล่าเทพมารวมตัวกัน
จี้เซียนเสินกำลังฟังรายงานสถานการณ์สงครามครั้งล่าสุดของพื้นพิภพอยู่ เผ่าเรืองนามและเผ่าปีศาจร่วมมือกัน ต่อต้านการรุกรานของเผ่าสวรรค์
เวลานี้เอง จี้เซียนเสินพลันได้ยินเสียงตะโกนของเมิ่งเซียว เขาขมวดคิ้วทันที
มิใช่แค่เขาเท่านั้น เทพเซียนที่เหลือก็ได้ยินเช่นกัน
เขาเทพปู้โจว กลายสภาพมาจากสันหลังของผานกู่ เชื่อมต่อฟ้าดิน เสียงของเมิ่งเซียวดังก้องไปทั่วสามสิบสามชั้นฟ้า
เสียงรายงานของทหารสวรรค์เบาลงเรื่อยๆ เขาก็ได้ยินเสียงของเมิ่งเซียวเช่นกัน ขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในโถงตำหนัก
ทหารสวรรค์เงยหน้าขึ้นมองจี้เซียนเสิน จี้เซียนเสินโบกมือนิดๆ ทหารสวรรค์ทำเคารพแล้วถอยออกไปทันที
“ตามตัวแม่ทัพเทพสวรรค์”
จี้เซียนเสินเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ยามนี้เขาคือบรรพชนสวรรค์ ตบะระดับครึ่งอริยะ ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
เทพเซียนรายหนึ่งรีบไปตามตัวแม่ทัพเทพสวรรค์มาทันที
ไม่นานนัก แม่ทัพเทพสวรรค์ก็มาถึง คุกเข่าคารวะในห้องโถง ทำความเคารพจี้เซียนเสิน
ฟางเหลียงและยอดแม่ทัพเทพก็มาด้วย
ในอดีตแม่ทัพเทพสวรรค์เป็นหนึ่งในสามยอดแม่ทัพเทพแห่งวังสวรรค์ ฟางเหลียงเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ย่อมติดตามมาด้วย
แม่ทัพเทพสวรรค์เอ่ยเสียงขรึม “บรรพชนสวรรค์ คนผู้นี้ปรักปรำข้า ข้ามิเคยไปเยือนเผ่ามนุษย์เลย!”
เขาโกรธเคืองยิ่ง การฟ้องร้องของเมิ่งเซียวทำให้เขาต้องเสียหน้า
“โอ้ มีคนแอบอ้างเป็นเจ้าเช่นนั้นหรือ” จี้เซียนเสินถาม
เหล่าเทพเซียนต่างนับนิ้วทำนายดู พบว่าตระกูลของเมิ่งเซียวเผชิญกับการสังหารล้างตระกูลจริงๆ แต่ไม่อาจทำนายได้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด คาดว่าอีกฝ่ายคงใช้สมบัติวิเศษแบบพิเศษ ปิดกั้นการทำนายค้นหา
แม่ทัพเทพสวรรค์กัดฟันเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัด ข้ายินดีรับการสืบสวนขอรับ!”
หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แดนเซียนขาดระเบียบกฎเกณฑ์ เผ่าสวรรค์รวมถึงเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ล้วนวางตัวสูงส่งอยู่เหนือสรรพสิ่ง เทพเซียนมากมายล้วนเคยทำตัวโอหังวางอำนาจ เพียงแต่จี้เซียนเสินคร้านจะเอาเรื่องเท่านั้น ถ้าสืบสาวเอาความขึ้นมาจะวุ่นวายเกินไป
แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างกันออกไป เมิ่งเซียวร้องเรียนอยู่บนเขาเทพปู้โจว ผู้ทรงพลังในชั้นฟ้าอื่นๆ ก็คงได้ยินเช่นกัน เป็นไปได้ว่าอริยะก็อาจจะได้ยินด้วย
หากไม่จัดการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสเป็นธรรม ต้องส่งผลกระทบต่อเผ่าสวรรค์แน่นอน
เซียนชราคนหนึ่งก้าวออกมา เอ่ยขึ้นว่า “บรรพชนสวรรค์ เท่าที่ข้าทราบมา ช่วงไม่กี่พันปีมานี้มีแม่ทัพสวรรค์คนหนึ่งที่อยู่ใต้สังกัดของแม่ทัพเทพสวรรค์เคยลงไปเยือนเผ่ามนุษย์มาจริงๆ”
“ผู้ใด” จี้เซียนเสินถาม
แม่ทัพเทพสวรรค์คล้ายนึกอะไรได้ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาเงยหน้าขึ้นพลางส่งสายตาให้เซียนชราผู้นั้นไม่หยุด
เซียนชราทำเป็นมองไม่เห็น เอ่ยต่อไปว่า “แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินขอรับ”
แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซิน!
เหล่าเทพเซียนส่งเสียงฮือฮา จี้เซียนเสินขมวดคิ้วนิดๆ
แม่ทัพเทพสวรรค์เอ่ยด้วยความโกรธ “แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินไปที่เผ่ามนุษย์ด้วยคำสั่งของข้า เขาไปเพื่อปราบปรามเผ่ามังกรที่รุกรานทำร้ายเผ่ามนุษย์ เขาไปปกป้องเผ่ามนุษย์!”
เซียนชราหัวเราะหึๆ ค่อยๆ ถอยกลับไป หายเข้าไปในหมู่เซียนฝ่ายบุ๋น
ยอดแม่ทัพเทพขมวดคิ้ว จ้องมองแม่ทัพเทพสวรรค์ พลางถาม “จริงหรือ”
“จริง!”
แม่ทัพเทพสวรรค์กัดฟันกล่าว เขาชะงักไปแวบหนึ่งก่อนเอ่ยต่อว่า “หากบรรพชนสวรรค์จะลงโทษ เช่นนั้นก็นับเป็นความประมาทเลินเล่อของข้าเอง ทำให้คนร้ายฉวยโอกาสเล่นงานได้ ข้ายินดีรับผิดชอบขอรับ!”
ฟางเหลียงเอ่ยหยอกเย้า “บิดาของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินคือผู้อาวุโสแห่งนิกายเจี๋ย อีกทั้งได้ยินว่าเคยสดับธรรมจากอริยะมาก่อน นับว่าเป็นศิษย์ในสังกัดอริยะ แม่ทัพเทพสวรรค์เกรงว่าจะล่วงเกินเขาเข้ากระมัง”
ผู้อาวุโสนิกายเจี๋ย!
ศิษย์ในสังกัดอริยะ!
สองสถานะนี้ทำให้บรรยากาศภายในโถงตำหนักอึมครึมยิ่งขึ้น เหล่าเทพเซียนต่างไม่กล้าปริปาก
จี้เซียนเสินพึ่งพิงสำนักซ่อนเร้นเสริมสร้างเผ่าสวรรค์ ตอนนี้เขากุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จแล้ว แต่สำนักนิกายอื่นๆ ก็ยังไม่ล่าถอยออกไปจากเผ่าสวรรค์อย่างสมบูรณ์ จี้เซียนเสินก็จำเป็นต้องใช้เส้นสาย จึงไม่ได้ตัดขาดไป
การกระทำของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินนับว่าเปิดโปงด้านมืดของเผ่าสวรรค์ มิได้มีเพียงเขาที่ก่อกรรมทำชั่ว และเขาก็ไม่ใช่คนที่ก่อกรรมมหันต์ที่สุดด้วย
จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแน่น ลอบสำนึกเสียใจแล้ว
หลายปีมานี้มัวแต่ยุ่งกับการจัดการเผ่าปีศาจ สยบเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในแดนเซียน ละเลยการตรากฎระเบียบไปเลย
ช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนแรกที่ก่อตั้งเผ่าสวรรค์ขึ้น กลุ่มอำนาจภายในเผ่าซับซ้อนวุ่นวาย จี้เซียนเสินดูแลได้ไม่ทั่วถึงขนาดนั้น หลังจากเขากุมอำนาจได้ คิดจะจัดการขึ้นมา ก็จัดการไม่ได้แล้ว เทพเซียนเหล่านั้นที่จงรักภักดีต่อเขาล้วนมีความผิดบาปติดตัว ยากจะชำระสะสางทั้งหมดได้
กล่าวโดยสรุปคือ จี้เซียนเสินไม่ได้ให้ความสำคัญกับกฎระเบียบเลยจริงๆ เขาคือบุตรแห่งสวรรค์ที่เติบโตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยพบเห็นความทุกข์ยากในโลกมนุษย์เลย ต่อมาเข้าร่วมวังสวรรค์ก็เพราะมีความสัมพันธ์กับหานเจวี๋ย ความเป็นอยู่ของเขาจึงยอดเยี่ยมยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จี้เซียนเสินรู้จักแต่หลักการที่ว่าหมัดใครหนักที่สุดคนนั้นก็มีอำนาจอย่างแท้จริงเท่านั้น
“ข้ายินดีรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวขอรับ!” แม่ทัพเทพสวรรค์เอ่ยเสียงขรึม
เขาต่างกับจี้เซียนเสิน ไม่ได้รับการค้ำจุนจากสำนักซ่อนเร้น ล่วงเกินแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินไม่ได้ อีกอย่างแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินก็เคยมอบผลประโยชน์ให้เขามากมายยิ่ง
สีหน้าจี้เซียนเสินมืดทะมึน ตกอยู่ในห้วงความคิด
ฟางเหลียงเอ่ยขึ้นว่า “ยามนี้แดนเซียนเจริญรุ่งเรือง มีสำนักนิกายปรากฏขึ้นมากมาย สำนักนิกายแห่งอริยะต่างเริ่มตรากฎระเบียบกันแล้ว ให้ความสำคัญกับคุณธรรม เผ่าสวรรค์ของพวกเราเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มากมาย จะไร้ซึ่งกฎสวรรค์ได้อย่างไร เรื่องนี้อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ตรากฎสวรรค์ขึ้นเสียที บรรพชนสวรรค์ จะต้องลงโทษแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินให้หนัก ป้องกันมิให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”
เทพเซียนมากมายพากันเปิดปากขึ้นมา สนับสนุนความคิดเห็นของฟางเหลียง
จี้เซียนเสินมองฟางเหลียงด้วยความประหลาดใจ
ฟางเหลียงมีสีหน้าเคร่งขรึม
แม่ทัพเทพสวรรค์เอ่ยเสียงเข้ม “รองผู้นำเผ่าสวรรค์ เรื่องนี้เป็นฝีมือของข้าจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าเพียงคิดว่าจะโชคดีไม่ถูกจับได้ จึงไม่ยอมรับ!”
ยอดแม่ทัพเทพแสดงสีหน้าผิดหวัง เอ่ยไปว่า “แม่ทัพเทพสวรรค์ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน หากเรื่องนี้เป็นความจริง นับจากนี้ไปเจ้าจะกลายเป็นศัตรูของข้า อย่าลืมเสียเล่า ข้ามาจากเผ่ามนุษย์!”
“เผ่ามนุษย์หรือ ฮ่าๆ ตอนนี้เจ้าเป็นเผ่าสวรรค์ต่างหาก!”
แม่ทัพเทพสวรรค์มองยอดแม่ทัพเทพอย่างเหยียดหยาม พลางเอ่ยเสียดสี
เทพเซียนจำนวนไม่น้อยภายในโถงตำหนักมองยอดแม่ทัพด้วยสายตาที่เจือความไม่พอใจ
เทพเซียนส่วนใหญ่ในเผ่าสวรรค์ล้วนมาจากเผ่ามนุษย์ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นเผ่าสวรรค์แล้ว คำพูดของยอดแม่ทัพเทพเปรียบได้กับการพูดถึงราชวงศ์เก่าในยุคราชวงศ์ใหม่ เป็นเรื่องต้องห้ามอย่างใหญ่หลวง
ชั่วขณะนั้น ภายในโถงตำหนักแตกออกเป็นสองฝั่ง ต่างฝ่ายต่างเริ่มโต้เถียงกัน
“เผ่าสวรรค์ซุกซ่อนเรื่องผิดบาปไว้มากมายเหลือเกิน สมควรชำระสะสางได้แล้ว”
“เฮอะๆ จะสะสางอย่างไรเล่า ปีนั้นตอนที่รบกับเผ่าปีศาจ ระหว่างต่อสู้เจ้าก็พลั้งมือทำให้มนุษย์สิ้นชีพไปหลายแสนคนเช่นกัน นับเป็นบาปหรือไม่เล่า?”
“ถูกแล้ว จะตรากฎสวรรค์น่ะทำได้ แต่ไม่ควรสืบสาวราวเรื่องในกาลก่อน มิเช่นนี้เผ่าสวรรค์ต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่!”
“อย่างไรก็ตามมีปัญหาเรื่องสถานะอยู่ เผ่าสวรรค์ยังมิได้ปกครองแดนเซียนอย่างเป็นทางการ จะตรากฎสวรรค์อย่างนั้นหรือ น่าขัน เผ่าเรืองนามจะฟังหรือ เผ่าปีศาจจะฟังหรือ สำนักนิกายแห่งอริยะจะฟังหรือ”
“ยังไม่ใช่โอกาสดีจริงๆ รออีกหน่อยเถอะ แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินมีนิกายเจี๋ยหนุนหลังอยู่!”
….
จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแน่น รู้สึกหงุดหงิดใจ
เขาพลันตระหนักได้ว่า เผ่าสวรรค์ที่อยู่ใต้การปกครองของเขามิได้เป็นหนึ่งเดียวกันเลย
เหล่าเทพเซียนจากสำนักซ่อนเร้นก็ล้วนปิดปากเงียบ ไม่เข้าร่วมวง
พวกเขาล้วนทราบกันถ้วนหน้าว่าฟางเหลียงเป็นศิษย์หลานของหานเจวี๋ย ทว่าสถานะของจี้เซียนเสินยังไม่ได้รับการเปิดเผย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงเลือกจะสนับสนุนฟางเหลียง
จี้เซียนเสินเปิดปากกล่าว “ตอนนี้ไปเรียกตัวเมิ่งเซียวขึ้นมา พวกเราลองฟังคำพูดของเขาก่อน ตรวจสอบดูว่าสรุปแล้วใช่ฝีมือของแม่ทัพเทพสวรรค์หรือไม่”
พอเขาเปิดปากพูด เหล่าเทพเซียนต่างก็พากันเงียบลง
จี้เซียนเสินกวาดสายตามองแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยสั่งว่า “แม่ทัพสวรรค์หลง เจ้าไปรับตัวเมิ่งเซียวมา”
“ช้าก่อน ให้ยอดแม่ทัพเทพไปดีกว่า”
จู่ๆ ฟางเหลียงก็เอ่ยขัด เขาส่งสายตาให้ยอดแม่ทัพเทพ ยอดแม่ทัพเทพก้าวๆ ออกไปทันที
………………………………………………………………