บทที่ 628 การตัดสินใจของอริยะแห่งสำนักเต๋า เผ่าปีศาจเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “เรื่องต้าซั่นเทียนไม่จำเป็นต้องสนใจอีก ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเข้าร่วมสังกัดของหานเจวี๋ยหรือไม่ ก็ไม่ส่งผลกระทบถึงพวกเจ้าอยู่ดี”
ภายในตำหนักมีเพียงอริยะแห่งสามนิกายสำนักเต๋าเท่านั้น นับว่าเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ซ้อนอยู่ในแวดวงอริยะอีกที
นิกายเจี๋ย นิกายเหริน และนิกายฉ่านต่อให้ขัดขากันเองบ้าง แต่ก็ยังมีรากฐานเชื่อมโยงกัน
เทพสูงสุดหนานจี๋พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจดี ไม่ว่าอย่างไรหานเจวี๋ยก็มีสัมพันธไมตรีกับพวกเรา”
ถึงแม้สำนักซ่อนเร้นจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่เทพสูงสุดหนานจี๋กลับเปี่ยมด้วยความประทับใจในตัวหานเจวี๋ย
ท้ายที่สุดแล้วโครงสร้างของกลุ่มอิทธิพลในแดนเซียนก็เป็นเพียงความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ต่อให้สำนักซ่อนเร้นยึดครองแดนเซียนไว้แต่เพียงผู้เดียว พวกเขาก็ไม่ใส่ใจ มหาเคราะห์คือหายนะสำหรับสรรพสิ่ง แต่เป็นเพียงหมากตาหนึ่งสำหรับอริยะ
ในเกมหมากมีแพ้มีชนะ เป็นเรื่องธรรมดายิ่ง
“พูดถึงฟางเหลียงเถอะ เหตุใดเขาถึงไปหาพวกเจ้า” จอมอริยะเสวียนตูถาม
หลังจากมาถึงมรรคาสวรรค์ เขาก็ดูมีความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เฉยชาเหมือนตอนแรกที่มาถึง
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเอ่ย “ฟางเหลียงกำลังหยั่งเชิงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราและแดนเทพหวนปัจฉิม”
เทพสูงสุดหนานจี๋พยักหน้ารับ
จอมอริยะเสวียนตูหรี่ตาพลางเอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”
สองอริยะล้วนมิใช่คนโง่ ย่อมทราบถึงเจตนาของฟางเหลียง
นับตั้งแต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการดับสูญไป พวกเขาต่างก็มีความคิดต่อแดนเทพหวนปัจฉิม ได้แต่ขุ่นเคืองทว่าไม่กล้าเอื้อนเอ่ย
“ผู้อาวุโส ท่านว่ามาก่อนเถอะ!” เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยเสียงขรึม
สายตาของเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของจอมอริยะเสวียนตูเช่นกัน
จอมอริยะเสวียนตูทราบเจตนาของพวกเขาดี สองอริยะไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวาย จำเป็นจะต้องมีผู้นำ
จอมอริยะเสวียนตูคิดๆ ดูจากนั้นจึงเอ่ยว่า “นิกายเหรินส่งข้ามาดูแลมรรคาสวรรค์ ตามหลักก็สมควรต้องเชื่อฟังนิกายเหริน แต่ตัวข้าก็ถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์ ข้าหวังว่ามรรคาสวรรค์จะไม่ถูกคุกคามจากภายนอก ข้าหวังให้มรรคาสวรรค์เติบโตขยายตัวไปตามวิถีทางของตน ยิ่งไม่ปรารถนาจะเห็นคนมุ่งร้ายทำลายมรรคาสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม หากกล้าทำเช่นนี้ ข้าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนผู้นั้นแน่นอน ต่อให้ร่างสิ้นจิตมลาย ก็ไม่เสียใจภายหลัง”
น้ำเสียงนั้นหนักแน่นยิ่ง ถึงขั้นที่ทำให้คนรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาด้วย
เทพสูงสุดหนานจี๋และเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยล้วนตกตะลึง พวกเขาแค่ลองหยั่งเชิงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจอมอริยะเสวียนตูจะมีปณิธานยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
สองอริยะสบตากันแวบหนึ่ง เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยกัดฟันเอ่ย “พวกเราก็ถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์เช่นกัน ช่วงแรกที่สำเร็จเป็นอริยะก็มีปณิธานอันยิ่งใหญ่เช่นกัน จนปัญญาที่…”
ก่อนบรรพชนเต๋าจะหายตัวไป อริยะมรรคาสวรรค์ล้วนถูกคัดสรรจากภายในมรรคาสวรรค์ ต่างก็เคยมีความทะเยอทะยานล้นเหลือ จนปัญญาที่ว่าหลังจากสำเร็จเป็นอริยะแล้วถึงได้พบว่าเรื่องราวมิได้ง่ายเช่นนั้น
นอกมรรคาสวรรค์ยังมีมหามรรคอยู่!
มรรคาสวรรค์ถูกมหามรรคบงการ!
เทพสูงสุดหนานจี๋กล่าว “ในเมื่อผู้อาวุโสกล่าวมาเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่อ้อมค้อมแล้ว ถูกต้อง พวกเราก็ขัดเคืองแดนเทพหวนปัจฉิมเช่นกัน! ข้าถึงขั้นที่นึกสงสัยว่าที่พึ่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการก็คือเหล่าผู้ทรงพลังแห่งแดนเทพหวนปัจฉิมเหล่านั้น พวกเขากำลังเล่นละครอยู่!”
“ข้าสงสัยแม้กระทั่งว่าเจ้าแม่หนี่ว์วาและฝูซีเทียนอาจจะยังไม่ตาย!”
พอเอ่ยเรื่องนี้ออกมา เทพสูงสุดหนานจี๋รู้สึกโกรธเคืองยิ่งนัก
แดนเทพหวนปัจฉิมมักจะขีดเส้นกำหนดแนวทางพัฒนาการของมรรคาสวรรค์อยู่เสมอ ทุกครั้งที่มหาเคราะห์ปะทุขึ้น แดนเทพหวนปัจฉิมมักจะส่งข่าวมาเสมอ กำหนดตัวว่าใครคือผู้มีชัย
เผ่าสวรรค์ในมหาเคราะห์ที่ผ่านมาก็เป็นการจัดแจงของแดนเทพหวนปัจฉิม!
อริยะมิ่งจีและอริยะจินอันเชื่องดั่งสุนัขรับใช้ สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า
หลังจากกลายเป็นอริยะคลั่ง แดนเทพหวนปัจฉิมก็เขี่ยพวกเขาทิ้งทันที ถึงขนาดที่ริบปราณม่วงอนธการของพวกเขาไปด้วย
อย่างที่กล่าวกันว่ากระต่ายสิ้นจิ้งจอกหมอง หลังจากสองอริยะดับสูญ อริยะที่เหลือรู้เข้าย่อมเกิดความขุ่นข้องใจขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยง และนี่ก็คือเหตุผลที่พวกเขาไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับหานเจวี๋ย
พวกเขาไม่อยากเป็นเครื่องมือสังหารที่สุดท้ายก็ต้องตาย ยิ่งไปกว่านั้นคือหานเจวี๋ยยังช่วยพวกเขาปกป้องมรรคาสวรรค์ด้วย
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเจ้าต่างก็ทราบดี เช่นนั้นข้าจะเล่าแผนการออกมาตามตรง อริยะมรรคาสวรรค์แขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวกันแล้วแน่นอน ฟางเหลียงเองก็น่าจะมีความคิดเช่นนี้ หลี่เต้าคงอยู่ใต้สังกัดหานเจวี๋ย ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย เทพสูงสุดอู๋ฝ่า ฉิวซีไหล อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาและสือตู๋เต้าต่างหากที่เป็นเป้าหมายของพวกเรา”
“ต้องทำให้พวกเขารวมใจเป็นหนึ่งกับพวกเราให้ได้”
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยขมวดคิ้วถาม “อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น หากเขาไม่ยินยอมเล่า”
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยอย่างเฉยชา “หานเจวี๋ยสามารถทำลายอริยะได้ พวกเราก็ทำได้เช่นกัน!”
สองอริยะตื่นตะลึง ไม่คิดเลยว่าจอมอริยะเสวียนตูจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้
“ข้าไม่ทราบว่าเกิดอันใดขึ้นในส่วนลึกของเขตฟ้าบุพกาล แต่เจตนาสังหารที่แดนเทพหวนปัจฉิมมีต่อมรรคาสวรรค์แจ่มชัดยิ่ง อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง เพื่อสนับสนุนอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา พวกเขาถึงขั้นที่กล้าลงมือต่อปรมาจารย์ด้วยซ้ำ!” สีหน้าของจอมอริยะเสวียนตูมืดครึ้มลงเล็กน้อย
เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยขึ้นว่า “แต่พวกเรามิใช่คู่ต่อสู้ของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา…”
“พวกเราไม่อาจสังหารอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา แต่ภายใต้มรรคาสวรรค์ อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็สังหารพวกเราไม่ได้เช่นกัน สิ่งที่พวกเราทำได้คือกำราบเขาไว้ อย่าให้เขาชุบเลี้ยงกองกำลังในเขตมรรคาสวรรค์ได้ รอให้ถึงเวลาที่หานเจวี๋ยมีความมั่นใจในการสังหารอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแล้ว เขาต้องลงมือแน่นอน หานเจวี๋ยฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เขาต้องปกป้องมรรคาสวรรค์แน่”
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวอย่างหนักแน่นทรงพลังว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป สามนิกายสำนักเต๋าจะจับตามองอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาและเผ่าปีศาจ หากอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพากล้าให้การสนับสนุนเผ่าปีศาจหรือกลุ่มอิทธิพลอื่น สามนิกายสำนักเต๋าจะทำการปิดล้อมสังหาร! ไม่มอบโอกาสใดๆ ให้เขาทั้งสิ้น!”
เมื่อเทพสูงสุดหนานจี๋และเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยได้ฟังต่างก็ตกปากรับคำ
….
ต้าซั่นเทียนคุกเข่ามาหนึ่งร้อยปีเต็ม ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ยอมเคลื่อนย้ายเขาเข้ามาในอารามเต๋า
หลังจากได้พบหานเจวี๋ย ต้าซั่นเทียนปรีดานัก รีบโขกศีรษะให้
ต่อหน้าอริยะ โขกศีรษะแล้วจะอย่างไรเล่า
ไม่นับว่าขายหน้าเลย
หานเจวี๋ยถาม “ตำแหน่งอริยะเต็มแล้ว เหตุใดเจ้าถึงคิดว่ามาพึ่งข้าแล้วจะมีประโยชน์เล่า”
ต้าซั่นเทียนกัดฟันตอบ “ถ้านับรวมท่านด้วย ตำแหน่งอริยะคงเต็มไปนานแล้ว!”
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา เพียงแต่แสงเทพบนกายบดบังสีหน้าเขาไว้
“หากข้าเกื้อหนุนให้เจ้าสำเร็จเป็นอริยะ ข้าจะได้สิ่งใด” หานเจวี๋ยถาม
ต้าซั่นเทียนตอบโดยไม่ลังเลเลย “ความภักดีชั่วกัลปาวสาน!”
“โอ้ เช่นนั้นเจ้าจะถือสาหรือไม่หากข้าเล่นเล่ห์กลกับเจ้า”
“ไม่ถือสาขอรับ!”
“ดูเหมือนเจ้าจะตัดสินใจแน่วแน่ยิ่ง”
“อริยะหลอกลวงข้า ข้าเหลือเพียงทางเลือกเดียวแล้ว หากต้องไปเป็นสุนัขรับใช้ของอริยะรายอื่น ข้ายินดีเป็นสุนัขรับใช้ของท่าน แค่มองจากหลี่เต้าคงข้าก็ทราบแนวทางการปฏิบัติที่ท่านมีต่อศิษย์ในสำนักแล้ว ข้าไม่มีทางเสียใจภายหลังแน่ ขออริยะท่านโปรดให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด!”
ต้าซั่นเทียนก้มหัวหน้าผากแนบจรดพื้นอีกครั้ง
ร่างกายเขาสั่นเทา แม้จะเป็นครึ่งอริยะ ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ที่ข่มกลั้นมาเนิ่นนานได้
เพื่อให้สำเร็จเป็นอริยะ เขายอมแลกด้วยศักดิ์ศรีหน้าตาทั้งหมดของตน!
หากว่าหานเจวี๋ยปฏิเสธ อย่าว่าแต่เขาเลย ทั้งสำนักแยกนภาและโลกแยกนภาล้วนจะกลายเป็นตัวตลกของปวงสวรรค์หมื่นโลกา!
เขากำลังเดิมพันอยู่
เขาทำได้เพียงเลือกเดิมพันเช่นนี้
หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “เจ้ากลับไปจัดการทางสำนักให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาฝึกบำเพ็ญที่เขตเซียนร้อยคีรี อยากเป็นอริยะก็ย่อมได้ แต่ข้าต้องการขัดเกลาเจ้าไปอีกสักระยะ”
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
ต้าซั่นเทียนตอบรับด้วยความปีติยินดี
[ต้าซั่นเทียนเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]
หานเจวี๋ยโบกมือ ส่งตัวต้าซั่นเทียนออกไปนอกเขตเซียนร้อยคีรี
การยอมสยบของต้าซั่นเทียนเป็นเรื่องดีสำหรับหานเจวี๋ย ทว่าก็ไม่นับว่าดีมากนัก
ในมุมมองของเขา กระดานหมากมรรคาสวรรค์แห่งนี้ไม่ได้มีค่ามากมายนัก
สิ่งที่เขาใส่ใจในยามนี้คือพลังของระดับอริยะ
วันเดียวกันนั้นเอง
น้ำเสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา
“ข้าคืออริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา ปฐมบรรพชนเผ่าเทพอีกาทอง อดีตจักรพรรดิสวรรค์คนแรกแห่งเผ่าปีศาจ ระเบียบมรรคาสวรรค์พังทลาย อริยะต้องเข้าแทนที่ ข้าจึงหวนกลับมา กำหนดระเบียบกฎเกณฑ์เผ่าปีศาจ ตราระเบียบแดนเซียน พวกเราเหล่าสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ไม่ควรสู้รบเข่นฆ่ากันเองเพียงเพื่อช่วงชิงดวงชะตา สมควรกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน ขยายมรรคาสวรรค์เข้าสู่ฟ้าบุพกาล!
นับจากวันนี้เป็นต้นไป เผ่าปีศาจต้องฝึกบำเพ็ญเพื่อพัฒนามรรคาสวรรค์ ข้ายินดีสละดวงชะตาอันยิ่งใหญ่ของตนแก่เผ่าปีศาจ สิ่งมีชีวิตต่างสามารถเข้าร่วมเผ่าปีศาจ เพลิดเพลินกับดวงชะตาแห่งอริยะได้!”
………………………………………………………………