ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 631 แดนเทพหวนปัจฉิมวุ่นวาย เทพมารฟ้าบุพกาลสองตน

บทที่ 631 แดนเทพหวนปัจฉิมวุ่นวาย เทพมารฟ้าบุพกาลสองตน

หลังจากสาปแช่งเทพบุพกาลจนสิ้นท่า ชีวิตของหานเจวี๋ยก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

เขาไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงในแดนเทพหวนปัจฉิม แต่แดนเซียนยังนับว่าสงบมั่นคงดี หลังจากถูกห้าอริยะขัดขวาง อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็นิ่งเงียบไป ไม่มีความเคลื่อนไหวอีก เผ่ามารตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมโจมตีจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ แตกแยกกระจัดกระจาย

ต่อมา จักรพรรดิปีศาจอีกาทองประกาศนำเผ่าเทพอีกาทองแยกตัวออกจากเผ่าปีศาจ เผ่าปีศาจไร้ผู้นำ จึงสลายตัวไปในที่สุด

ราชาปีศาจและเทพปีศาจต่างๆ ล้วนไม่เรียกขานตนว่าปีศาจอีกต่อไป

เผ่าปีศาจจึงล่มสลายลงด้วยประการฉะนี้

เหล่าปีศาจมองทุกกลุ่มอิทธิพลเป็นศัตรู และไม่คิดเข้าร่วมเผ่าเรืองนาม ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มกลับไปใช้นามเผ่าบรรพกาลในอดีตเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน

เหล่าอริยชนไม่มีความเห็นใดๆ สำหรับเรื่องนี้ เพราะศัตรูของพวกเขาคืออริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา มิใช่เผ่าปีศาจ

วันเวลาเลื่อนไหลผ่านไปดั่งกระสวยทอผ้า

ผ่านพ้นไปปีแล้วปีเล่า

พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น บิดขี้เกียจคราหนึ่ง

ความเปลี่ยนแปลงของเขตฟ้าบุพกาลไม่ส่งผลต่อมรรคาสวรรค์ ถึงขั้นที่ไม่มีสรรพสิ่งทราบด้วยซ้ำว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้านนอก

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายเล็กน้อย สีหน้าตื่นตะลึง

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x73629

[หานทั่วบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x2930

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x90293

[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล] x1594

[จอมอริยะเสวียนตูสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x928202

….

มีการโจมตีมากมายยิ่ง!

สิ่งอัปมงคล!

มารมรรคาลึกลับ!

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าจอมอริยะเสวียนตูก็เผชิญกับการโจมตีเช่นกัน เขาเงยหน้ามองขึ้นไป พบว่าจอมอริยะเสวียนตูมิได้อยู่ในอาณาเขตเต๋าบนชั้นฟ้าที่สามสิบสาม คาดว่าคงกลับไปที่แดนเทพหวนปัจฉิมช่วงก่อนหน้านี้

แดนเทพหวนปัจฉิมวุ่นวายใหญ่แล้ว!

หานเจวี๋ยรู้สึกรื่นรมย์

ไม่คิดเลยว่าการสาปแช่งเทพบุพกาลจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ถึงเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์มากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น

ถึงผู้อื่นตายแต่ข้ารอด!

ด้วยระดับความเกลียดชังของเทพบุพกาล ไม่ช้าก็เร็วต้องมาหาเรื่องหานเจวี๋ยแน่ ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วเทพบุพกาลก็ต้องตายอยู่ดี

เมื่อแดนเทพหวนปัจฉิมวุ่นวาย ภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็จะไม่มีผู้ใดปองร้ายต่อมรรคาสวรรค์อีก มิน่าเล่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาถึงได้สงบเสงี่ยมเช่นนี้

‘เฮ้อ ผู้มีคุณค้ำจุนมรรคาสวรรค์มากที่สุดก็ยังเป็นข้าอยู่ดี’

หานเจวี๋ยรู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง

บรรพชนเต๋าเอ๋ย ท่านดูไว้เถิด จดจำความดีของข้าเอาไว้ด้วย อย่าปองร้ายข้า!

หลังตรวจดูจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยก็กวาดสายตามองไปทั่วแดนเซียน

นับตั้งแต่หลี่เต้าคงพิสูจน์มรรคได้ หานอวี้ก็นับว่าลาอาจารย์แล้ว ยามนี้ออกท่องไปทั่วแดนเซียนเพียงลำพัง จึงเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา

เด็กคนนี้เป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว นับว่าไม่เลวเลย

หานอวี้เร้นกายฝึกบำเพ็ญอยู่ในป่าเขา ไม่เผชิญกับเรื่องวุ่นวายชั่วคราว

แดนเซียนในปัจจุบันนี้ก้าวข้ามแดนเซียนช่วงก่อนเกิดมหาเคราะห์ไปแล้ว ที่สำคัญคืออริยะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแสดงธรรม ทำให้ตบะของผู้บำเพ็ญเพิ่มพูนขึ้นรวดเร็วยิ่ง

ผู้ใดจะนึกเล่าว่าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน แดนเซียนยังรกร้างกันดารอยู่เลย

หานเจวี๋ยมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง เริ่มสอดส่องเหล่าผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพมาร

หยางตู๋ออกจากแดนเซียนแล้ว หานเจวี๋ยลองทำนายดู เด็กคนนี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเลย ถึงขั้นได้รับโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่ไม่น้อยเสียด้วยซ้ำ ดวงชะตารุ่งโรจน์ดั่งสายรุ้ง

ส่วนผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพมารคนอื่นๆ เหลือรอดอยู่เพียงสองคนเท่านั้น

ทั้งสองมีนามว่าเริ่นกังและอิ่นหงเฉิน

อิ่นหงเฉินเป็นสตรีนางหนึ่ง รูปโฉมไม่ถึงขั้นงามล่มเมือง แต่พฤติกรรมในการจัดแจงเรื่องราวเหี้ยมหาญนัก ปกติแล้วไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องใครก่อน แต่หากมีคนมาคุกคามตน คนผู้นั้นจะถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว

เริ่นกังเต็มไปด้วยความผ่าเผยชอบธรรม เป็นมิตรที่คบหาได้ง่ายยิ่ง พึ่งพาคุณธรรม รอดพ้นเคราะห์ภัยมาได้เสมอ

หานเจวี๋ยคิดๆ ดูแล้ว อยากจะไปเข้าฝันทั้งคู่ทีละคน แล้วถ่ายทอดพลังวิเศษแขนงหนึ่งให้

เช่นเดียวกับตอนที่ไปพบหยางตู๋ หานเจวี๋ยก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตน

หลังจัดการเรื่องของทั้งสองคนเสร็จ หานเจวี๋ยก็เข้าไปในอารามเต๋า ไปดูมู่หรงฉี่ จิ้งจอกชาดและเทพมารขุนพลสวรรค์

ตบะของเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งสามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง ไอวิญญาณในอาณาเขตเต๋ายังคงหนาแน่นกว่าแดนเซียน

หานเจวี๋ยเทศนาธรรมให้พวกเขาแบบตัวต่อตัว มหามรรคต้นกำเนิดรวบรวมความอัศจรรย์ของมหามรรคทั้งหมดไว้ ทำให้พวกเขาตระหนักรู้เข้าใจในตัวตน

สิบปีต่อมา หานเจวี๋ยกลับมายังเขตเซียนร้อยคีรี ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

ณ แดนต้องห้ามอันธการ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่บนอุกกาบาตขนาดมหึมาดวงหนึ่ง ไอดำล้อมพัวพัน รัศมีมืดทะมึนดูน่าหวาดกลัว

เวลานี้เอง เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา คุกเข่าลงข้างหนึ่ง

“ฝ่าบาท แดนเทพหวนปัจฉิมวุ่นวายแล้ว อริยะเจ็ดวิถีเผชิญกับการโจมตีจากมารมหามรรคทรงพลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งมีชีวิตเริ่มหลบหนีไปยังมรรคาสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เงาดำเอ่ยเสียงขรึม น้ำเสียงเจือความตื่นเต้นไว้

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่น พึมพำกับตัวเอง “เห็นทีว่าเทพบุพกาลจะดับสูญแล้วจริงๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นผู้ใดกันแน่ ไฉนจึงทรงพลังปานนี้”

เขาเคยสงสัยว่าหานเจวี๋ยคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หรือไม่ก็อาจารย์ของหานเจวี๋ยอาจเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

แต่ตอนนี้เขากลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว

เนื่องจากเทพบุพกาลแข็งแกร่งเหลือเกิน!

เทพบุพกาลผู้ควบคุมระเบียบฟ้าบุพกาลนั้นคือดวงจิตมหามรรคขนานแท้ ถึงจะเป็นอริยะมรรคาสวรรค์แต่เมื่อมาถึงฟ้าบุพกาล ก็ต้องเคารพกฎเช่นกัน

ทำให้ตัวตนเหนือชั้นเช่นนี้ดับสูญได้ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนึกถึงบรรพชนเต๋าที่หายตัวไปขึ้นมาเป็นอันดับแรก

มีเพียงฝีมือของบรรชนเต๋าเท่านั้น ถึงสามารถสังหารเทพบุพกาลได้!

“ฝ่าบาท ลงมือเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดสำหรับกะเกณฑ์ไพร่พลวังสวรรค์!” เงาดำถาม

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน รอให้แดนเทพหวนปัจฉิมโกลาหลวุ่นวายถึงที่สุดแล้วค่อยลงมือ มรรคาสวรรค์น้อยเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง”

เงาดำตอบ “หลังจากเทพบุพกาลดับสูญ สิ่งอัปมงคลทั้งปวงที่ควบคุมมรรคาสวรรค์น้อยก็แห่แหนไปที่แดนเทพหวนปัจฉิม ดวงชะตาของมรรคาสวรรค์น้อยจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพะย่ะค่ะ”

“แดนบรรพกาลล่ะ”

“ได้ยินว่ามีนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้นกว่าสิบคนคอยเฝ้าคุมแดนบรรพกาล สิ่งอัปมงคลและมารมรรคาทั้งหมดล้วนกรูกันไปที่แดนบรรพกาลอย่างบ้าคลั่ง ฝ่าบาท แดนบรรพกาลซุกซ่อนสิ่งใดไว้กันแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เงาดำรู้สึกสงสัยยิ่งนัก สถานการณ์ไม่ปกติเสียจริง

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่ตอบ ทว่าดวงตาเขากลับเจือความวิตกเอาไว้รางๆ

“จริงสิ ระยะนี้มีสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์สองรายบุกเข้ามาในอาณาเขตวังสวรรค์ กระหม่อมออกไปจับกุมมาแล้ว ดวงชะตาของสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลย คล้ายเทพมารฟ้าบุพกาลยิ่ง ข้าไม่กล้าสังหารส่งเดช ฝ่าบาทโปรดตัดสินดูเถิด”

เงาดำมองออกว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่อยากเผยข้อมูลมากนัก จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย

“โอ้ เทพมารฟ้าบุพกาลหรือ ไปพามาสิ”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เงาดำเลือนหายไปจากจุดเดิม

ผ่านไปหนึ่งก้านธูป เงาดำปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอีกครั้ง เขาสะบัดมือขวาคราหนึ่ง ร่างสองร่างร่วงลงบนพื้น

เป็นหานทั่วและอี๋เทียน

ทั้งสองถูกไอดำรัดพัน ไม่อาจขยับเขยื้อนได้

อี๋เทียนโพล่งด่าออกไป “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ จะฆ่าหรือจะแกง เจ้าพูดมาเลย! ”

หานทั่วมองสำรวจรอบข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นมองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย

รูปลักษณ์ของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามิใช่คนดี ทำให้เขาวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น

เมื่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเห็นหานทั่ว เขาก็ขมวดคิ้วแน่น

เขาโบกมือพลางเอ่ยว่า “แม่ทัพฟ้าทมิฬ เจ้าถอยไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เงาดำเลือนหายไปอีกครั้ง

อี๋เทียนก็มองจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายด้วยความวิตกเช่นกัน เขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแตกต่างจากเหล่าศัตรูที่เขาเคยพบพานมา

ลึกล้ำยากคะเน ลึบลับซับซ้อน!

หานทั่วกัดฟันถาม “ผู้อาวุโส พวกเราเพียงพลัดหลงเข้ามาในอาณาเขตของท่าน ไร้ซึ่งเจตนาร้าย ไยต้องจับตัวพวกเราไว้ไม่ยอมปล่อยด้วย”

อยู่ในกำมือผู้อื่นก็ต้องยอมก้มหัว

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามขึ้น “เจ้ามีนามว่าอะไร”

หานทั่วตอบกลับไป “ข้านามว่าถังซันจั้ง”

อี๋เทียนอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง คิดจะเอาเปรียบข้าเช่นนั้นหรือ

จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มออกมา พลันระงับกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงที่แผ่อวลอยู่รอบกาย

‘เหมือนเด็กคนนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าฝีปากเช่นนั้น’ มุมปากจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยกโค้งขึ้นนิดๆ

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เอ่ยว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าหมายจากไปอีก นับตั้งแต่วันนี้ไป พวกเจ้าต้องอยู่รับใช้เรา!”

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
Score 9.8
Status: Ongoing
อ่านระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะเนื่องจากชาติก่อนเป็นโรครักษาไม่หาย ตายก่อนวัยอันควร เมื่อได้กลับมาเกิดใหม่ในแดนบำเพ็ญเซียน เขาจึงมีเป้าหมายเดียว... ชีวิตอมตะ! หานเจวี๋ยพบว่าตนเองมีระบบของเกมวิถีชีวิตอยู่กับตัว หลังจากใช้เวลากว่าสิบเอ็ดปี ในที่สุดก็สุ่มได้ดวงชะตาและรากวิญญาณชั้นเลิศจากระบบ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่วิถีแห่งการบำเพ็ญเซียนได้อย่างมั่นใจ เพื่อเป้าหมายการมีชีวิตเป็นอมตะ เขาตัดสินใจฝึกฝนเงียบๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ให้เป็นจุดสนใจ กระทั่งพันปีต่อมา แดนบำเพ็ญเซียนเปลี่ยนไปยุคแล้วยุคเล่า เมื่อเทพเซียนจะชำระล้างโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยไม่อาจไม่ลงมือ ยามนั้นเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า... เทพเซียนมันก็แค่นี้เอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset