บทที่ 634 มรรคาสวรรค์ตัดขาดแดนเทพหวนปัจฉิม ศึกอริยะมรรคาสวรรค์
“อีกอย่าง นับตั้งแต่นี้ไป มรรคาสวรรค์จะเป็นเอกเทศ ไม่รับความช่วยเหลือและการจัดแจงใดๆ จากแดนเทพหวนปัจฉิมอีก หากภายภาคหน้าจะคัดเลือกอริยะจากในขอบเขตมรรคาสวรรค์เท่านั้น ไม่รับอริยะที่แดนเทพหวนปัจฉิมแนะนำมาอีก”
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยต่อไป น้ำเสียงเผด็จการไม่ยอมรับคำโต้แย้ง
เหล่าอริยชนอดมองไปที่อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไม่ได้
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแค่นเสียง “เจ้าก็มาจากแดนเทพหวนปัจฉิมมิใช่หรือ”
จอมอริยะเสวียนตูตอบ “ถูกต้อง แต่พวกเราถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์ อย่าได้หลงลืมรากเหง้า ข้าขอนำร่องประกาศตัดสัมพันธ์กับนิกายเหรินแห่งแดนเทพหวนปัจฉิม นับจากนี้เป็นต้นไป นิกายเหรินจะแบ่งแยกเป็นนิกายเหรินแห่งมรรคาสวรรค์และนิกายเหรินแห่งแดนเทพหวนปัจฉิม”
เหล่าอริยชนตื่นตะลึง ช่างใจเด็ดนัก!
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็ตกตะลึงเช่นกัน เปลือกตากระตุกยิกๆ
นี่คือการประกาศสงคราม!
จอมอริยะเสวียนตูมองไปทางเทพสูงสุดหนานจี๋และเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย
“นับจากนี้เป็นต้นไป นิกายเจี๋ยจะแบ่งแยกเป็นนิกายเจี๋ยแห่งมรรคาสวรรค์และนิกายเจี๋ยแห่งแดนเทพหวนปัจฉิม นิกายเจี๋ยแห่งมรรคาสวรรค์จะอุทิศตนเพื่อมรรคาสวรรค์เท่านั้น!”
“นับจากนี้เป็นต้นไป นิกายฉ่านจะแบ่งแยกเป็นนิกายฉ่านแห่งมรรคาสวรรค์และนิกายฉ่านแห่งแดนเทพหวนปัจฉิม นิกายฉ่านแห่งมรรคาสวรรค์จะอุทิศตนเพื่อมรรคาสวรรค์เท่านั้น!”
สองอริยะประกาศจุดยืนออกมาทีละคน
ฉิวซีไหล มหาจักรพรรดิเซียวและเทพสูงสุดอู๋ฝ่าก็ทำเช่นเดียวกัน
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเงียบไป
ทั่วร่างหานเจวี๋ยมีแสงเทพบดบังไว้ ไม่มีผู้ใดมองเห็นสีหน้าสนุกสนานของเขา
เขาอยากเห็นว่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร
จะแบกรับความอัปยศต่อไป หรือจะยอมพลิกกระดาน
ฟางเหลียง หลี่เต้าคงและสือตู๋เต้าก็มองไปที่อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเช่นกัน
บรรยากาศแปลกพิลึกขึ้นมา
“ฮ่าๆ”
จู่ๆ อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็หัวเราะหยันขึ้นมา เขาหลับตาลง ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดผวาออกมา กวาดม้วนไปทั่วตำหนักเอกภพ
“พวกเจ้าคิดจะอาศัยตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์มาบีบคั้นข้าหรือ”
น้ำเสียงอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเคร่งขรึม วาจาเปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวอย่างสงบนิ่ง “อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา จะยอมเป็นตัวเบี้ย หรือจะสู้เพื่อตัวเอง เจ้าก็เลือกเอาเองเถอะ หากเจ้าอยากหลุดพ้นจากการควบคุมของศิษย์พี่เจ้า นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด”
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาลุกพรวดขึ้นมา ทำให้เหล่าอริยชนตกใจลุกตามด้วย ตั้งท่าพร้อมรับมือ
มองเห็นอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาชูมือขวาขึ้นมา เปลวเพลิงโชติช่วงลุกโหมอยู่กลางฝ่ามือ ระฆังสีดำใบหนึ่งที่แผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณค่อยๆ ลอยขึ้นมาท่ามกลางเปลวเพลิง
เหล่าอริยชนพากันเรียกสมบัติวิเศษของตนออกเตรียมพร้อมออกศึก
เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยถากถาง “จักรพรรดิบูรพา เจ้าคิดจะสังหารอริยะมรรคาสวรรค์ในเขตมรรคาสวรรค์เช่นนั้นหรือ น่าขัน!”
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพากวาดตามองเหล่าอริยชนด้วยความดูแคลน เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดแดนเทพหวนปัจฉิมถึงส่งข้ามา เป็นเพราะเจตนาทรยศของพวกเจ้าฉายชัดออกมาแต่แรกแล้ว เมื่อข้าเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ก็เท่ากับพวกเจ้าพ่ายแพ้แล้ว”
ตูม!
แรงดึงดูดอันน่าหวาดผวาปะทุออกมาจากระฆังสีดำในมือของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา ตำหนักเอกภพสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เหล่าอริยชนตื่นตะลึง พวกเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างในกายตนถูกดูดดึงออกไป
“นี่มันพลังอะไรกัน”
ฉิวซีไหลตวาดด้วยความโกรธ “เขากำลังดูดดวงชะตามรรคาสวรรค์ของพวกเราไป!”
เมื่อถูกดูดดวงชะตามรรคาสวรรค์ออกไปจนสิ้น เหลือเพียงเส้นทางเดียวที่รอคอยพวกเขาอยู่
ความตาย!
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เข้าใจแล้วกระมังว่าพวกเจ้าโง่งมมากเพียงใด เป็นแค่ตัวเบี้ยก็คิดจะหนีออกจากกระดานหมากแล้วหรือ พวกเจ้ามีคุณสมบัติพอหรือไร”
ตูม…
ระฆังสีดำสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แรงดูดดึงอันน่าหวาดผวานั้นทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เหล่าอริยชนที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดออกมาแล้วก็ยังไม่อาจขัดขืนได้
ตบะห่างชั้นกันเกินไป!
หานเจวี๋ยลุกขึ้นมา อำนาจทรงพลังแสนเผด็จการสายหนึ่งแผ่ออกมาสลายพลังดึงดูดของระฆังสีดำ เหล่าอริยชนกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง ต่างพากันเคลื่อนย้ายไปปรากฏกายอยู่ด้านหลังหานเจวี๋ย
สือตู๋เต้ามองแผ่นหลังหานเจวี๋ยด้วยความตื่นตะลึง
‘แข็งแกร่งนัก!’
แค่ลุกขึ้นมาก็สลายพลังดึงดูดที่ทำให้เขาสิ้นหวังได้แล้ว!
แววตาฟางเหลียงก็ซับซ้อนยิ่งนักเช่นกัน เขาไม่เคยกระจ่างเลยว่าอาจารย์ปู่ของตนแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
อริยะที่เหลือต่างโล่งอก โชคดีที่มีหานเจวี๋ยอยู่
ในตำหนักใหญ่ หานเจวี๋ยและอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเปิดฉากพร้อมปะทะ ทั้งสองสบตากัน กลิ่นอายของสองอริยะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้น ปรากฏการณ์บนท้องนภาของสรวงสวรรค์พลันแปลกประหลาด เมฆาครึ้มกลิ้งตลบ แรงกดดันมหาศาลแผ่ทั่วนภา
สรรพสิ่งในแดนเซียนตื่นตระหนก โลกมนุษย์นับหมื่นพันสั่นสะเทือน
บรรดาผู้แสวงหามรรควิถีบนชั้นฟ้าที่สามสิบสามต่างพากันหลบหนี มีเพียงผู้บำเพ็ญในเมืองฟ้าบุพกาลเท่านั้นที่ทำได้เพียงเฝ้าคุมเชิงต่อ
โจวฝานยืนอยู่เหนือตัวเมือง มองไปทางตำหนักเอกภพ ขมวดคิ้วแน่น
เหล่าศิษย์ของสำนักนิกายต่างๆ เริ่มหารือกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
….
ภายในตำหนักเอกภพ
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเอ่ยว่า “หานเจวี๋ย เจ้าสำนักซ่อนเร้น เจ้าคิดจะขัดขวางข้าหรือ เจ้ากล่าวว่าตนไม่ปนเปื้อนบ่วงกรรม ไม่เข้าร่วมข้อพิพาทมิใช่หรือ”
หานเจวี๋ยตอบอย่างเฉยชา “เจ้ามุ่งร้ายต่อมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องลงมือ”
“เจ้าเพิ่งบรรลุระดับเสรีระยะต้นเท่านั้น คิดว่าจะสู้ข้าได้จริงๆ น่ะหรือ”
“ในเมื่อข้ากล้ามา ก็ต้องสังหารเจ้าได้แน่”
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาขมวดคิ้ว
เขากริ่งเกรงหานเจวี๋ยยิ่ง แผนการของแดนเทพหวนปัจฉิมล้มเหลวเพราะหานเจวี๋ยครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีผู้ใดทราบตื้นลึกหนาบางของหานเจวี๋ย
ขณะที่อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพากำลังจะกล่าวอันใดต่อ หานเจวี๋ยพลันลงมือในทันใด กระบี่พิพากษาอนธการปรากฏขึ้นในมือเขา เขาตวัดกระบี่ฟันออกไปตรงๆ
พลังวิเศษ ยอดปราณกระบี่!
ปราณกระบี่แสนเผด็จการทำลายตำหนักเอกภพในชั่วพริบตา เหล่าอริยชนด้านหลังหานเจวี๋ยก็ถูกทำลายล้างด้วย สีหน้าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแปรเปลี่ยนมหันต์ ยกระฆังขึ้นต้านรับ แต่ก็ยังถูกโจมตีกระเด็นออกไป
อาภรณ์ของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาปลิวสะบัด เขาทรงตัวไว้ ใบหน้าฉายแววตื่นตะลึง
‘ปราณกระบี่ของคนผู้นี้…ใช่ระดับเสรีระยะต้นจริงๆ น่ะหรือ’
เขาจ้องมองเข้าไปท่ามกลางฝุ่นธุลีมหาศาลมาจากตำหนักเอกภพ มองเห็นร่างจำลองน่าหวาดผวาค่อยๆ ผงาดขึ้นมาทีละตนๆ สลายฝุ่นธุลีออกไป
ร่างจำลองเทพมารเก้าตนที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของหานเจวี๋ยเคลื่อนตัวเข้าหาอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา
เหล่าอริยชนที่ถูกลูกหลงเมื่อครู่นี้ทยอยก่อสังขารขึ้นทีละราย ต่างพากันหลบฉากออกไป ถอยห่างจากหานเจวี๋ย
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเพื่อจัดการอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาแล้วหานเจวี๋ยจะปล่อยให้พวกเขาถูกลูกหลงไปด้วย
หลี่เต้าคงก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
เจ้าสำนักโหดเหี้ยมโดยแท้!
หานเจวี๋ยชูกระบี่พิพากษาอนธการขึ้น ร่างจำลองเทพมารทั้งเก้าประสานรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นพลังอันน่าหวาดหวั่นแทรกซึมเข้าสู่คมกระบี่
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเซ่นสรวงระฆังสีดำ เสียงระฆังแว่วดังขึ้น สั่นสะเทือนวิญญาณของสรรพสิ่งในหมื่นโลกา ห้วงอวกาศฟ้าบุพกาลพลันบิดเบี้ยว
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็สัมผัสได้ว่ามีพลังลึกลับบางอย่างทะลุผ่านสายธารกาลเวลาพุ่งเป้าโจมตีตัวเขาในอดีต!
ความรู้สึกนี้พิสดารนัก แต่มีตัวตนอยู่จริง!
ผู้ทรงพลังสามารถสกัดกั้นศัตรูที่มุ่งโจมตีตนในยุคอดีตได้!
[อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]
[ตรวจสอบพบว่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาย้อนทวนสายธารกาลเวลา ต้องการโจมตีตัวท่านในอดีต ต้องการใช้ระบบป้องกันหรือไม่]
ตกลง!
แจ้งเตือนเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย เขาเลือกตกลงทันที
มีระบบอยู่ เขาก็สามารถจดจ่อกับการต่อสู้เบื้องหน้าได้
อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพามีฝีมืออยู่บ้าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคิดจะทำร้ายหานเจวี๋ยในอดีตต่อหน้าหานเจวี๋ยในปัจจุบัน
พลังแห่งกาลเวลายากจะปรากฏให้เห็นในแบบจำลองการทดสอบ หานเจวี๋ยยังคงประเมินพลังของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาต่ำเกินไป
หานเจวี๋ยตวัดกระบี่ พลังวิเศษมหามรรคโทสะเทพอนธการที่ผสานพลังของร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลเก้าตนเอาไว้ถูกฟาดฟันออกไปในแนวขวาง
ปราณกระบี่เข้าโจมตีอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาด้วยความเร็วสูงสุด ห้วงอวกาศฟ้าบุพกาลถูกกรีดฟันกลายเป็นรอยแยกมืดดำสายหนึ่งน่าพรั่นพรึงที่ไม่ทราบขนาดความยาว!
เร็วเกินไปแล้ว!
เหล่าอริยชนล้วนมองเห็นปราณกระบี่สายหนึ่งเพียงเลือนราง รุนแรงจนอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาตั้งรับไม่ทัน สลายเป็นเถ้าธุลี
ทว่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็ก่อร่างขึ้นมาใหม่แทบจะในทันที
อริยะมรรคาสวรรค์ อมตะยืนยง!
สีหน้าของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาน่าเกลียดอย่างยิ่ง เขาชูระฆังสีดำขึ้น อีกาทองนับไม่ถ้วนโผบินออกมาจากระฆังสีดำ กรูเข้าหาหานเจวี๋ย
อาณาเขตเต๋าอริยะที่อยู่สองข้างทางต่างสลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที!
เหล่าอริยชนล้วนหลีกลี้หนีห่าง ไม่กล้าเข้าใกล้
ต่อหน้าอริยะเสรี อริยะเบิกฟ้าก็เปรียบเสมือนฝุ่นผง
………………………………………………………………