“สหายอันหลิน พวกเรารีบใช้โอกาสตอนที่วานรเนตรทองต้านศัตรู หนีกันเถอะ!”
เซวียจั๋วหมิงเห็นอันหลินยืนอยู่ที่เดิม จึงตะโกนบอกเขาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
แต่ทว่า อันหลินกลับทำหูทวนลมกับเสียงตะโกนของเซวียจั๋วหมิง ยังคงจดจ้องร่างที่ขวางอยู่ข้างหน้าของตน
เมื่อเหล่าสมาชิกเห็นว่าหัวหน้าไม่หนี ก็หยุดฝีเท้า มองอันหลินอย่างงงงวย
สองรุมหนึ่ง เพียงครู่เดียวราชาวานรเนตรทองก็เสียเปรียบ
หลังสู้กันดุเดือดแล้ว ปีกของราชาปีกเงินก็ฟาดกระบองเงินของราชาวานร ราชาวัวก็อาศัยโอกาสนี้ใช้กระบองทุบหน้าอกของราชาวานร
ปึก!
หน้าอกของราชาวานรถูกกระบองเหล็กทุบจนยุบลงไป มันกระอักเลือดแล้วลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น
ตอนนั้นเอง หางตาของราชาวานรก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปหล่อข้างกาย จึงอดอัดอั้นตันใจไม่ได้ อาเจียนเลือดออกมา พูดอย่างโมโหว่า “ข้าบอกให้เจ้าหนีไม่ใช่หรือ ยืนบื้ออะไรอยู่!”
อันหลินส่ายหน้า มายืนตรงหน้าราชาวานร “คนอย่างข้า ไม่ชอบให้คนอื่นมาสละชีพเพื่อข้า ยืนขวางข้าเป็นที่สุด แม้เหตุผลของการสละชีพ จะไม่ใช่เพื่อข้าทั้งหมดก็ตาม”
“ตอนนี้ที่ข้าอยู่ แน่นอนว่าเพื่อปกป้องเจ้าอย่างไรเล่า”
อันหลินหันไปยิ้มบางๆ ให้ราชาวานร
เมื่อราชาวานรได้ยินประโยคนี้ก็ซาบซึ้งใจ จากนั้นก็ตวาดลั่น “เจ้าโง่หรือ แค่กายแห่งมรรคขั้นสิบ จะปกป้องข้าอย่างไร!”
อันหลินได้ฟังมุมปากก็กระตุก อยากใช้หมัดสะเทือนขุนเขาชกหน้าราชาวานรให้รู้แล้วรู้รอด
ให้ตายสิ! พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องด่ากันด้วย
อย่าทำลายบรรยากาศโชว์ความเท่ได้ไหม!
“ฮ่าๆ ๆ ๆ นักพรตโง่คนนี้ไม่หลบหนีเสียด้วย ประหยัดแรงตามล่าของพวกข้าไปเยอะโข” ราชาวัวระเบิดเสียงหัวเราะ สายตาที่มองอันหลิน ดุจดั่งมองคนตาย
ด้านหลังอันหลิน เซวียจั๋วหมิงหน้าถอดสี พูดกับพวกลั่วจื่อผิงอย่างร้อนใจว่า “รีบห้ามหัวหน้าของพวกเจ้าเร็วเข้า! หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาตายจริง ๆ แน่!”
เขาไม่อยากเห็นผู้มีพระคุณของเขา วิ่งออกไปตายถึงที่อย่างเสียสติเช่นนี้
ใครจะรู้ว่า เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียจั๋วหมิงแล้ว สี่คนนั้นจะไม่กระดิก
ลั่วจื่อผิงส่ายหน้าราวกับเกิดความคิดอะไรบางอย่าง “ท่าทางพี่อันจะแสดงความสามารถที่แท้จริงแล้ว”
รอยยิ้มของเหมียวเถียนงดงาม ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกาย “ได้เห็นภาพที่ลูกพี่อันท้าทายสัตว์ภูตหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางเพียงลำพังประจักษ์แก่ตา ตั้งตารอเลย!”
จงหย่งเหยียนหาวหวอดๆ “มีอะไรน่าตั้งตารอกัน แค่เรื่องง่ายดายปานจิ้มนิ้ว”
ซุนเซิ่งเหลียนส่ายหน้าหวือ หน้าอกก็ส่ายไปส่ายมา กล่าวว่า “นิ้วงั้นหรือ มันไม่แน่หรอก อย่าลืมสิ ตอนนี้เขาอยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นสิบเท่านั้น”
เซวียจั๋วหมิงร้อนใจกับความมั่นอกมั่นใจของทั้งสี่คนจนแทบร้องไห้ “ที่แท้พวกเจ้าก็รู้ว่าเขามีระดับพลังยุทธ์แค่กายแห่งมรรคขั้นสิบ…ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ภูตถึงสองตัวเชียวนะ! เขากำลังรนหาที่ตาย! พวกเจ้าช่วยทำอะไรหน่อยไม่ได้หรือ!”
“ทำอะไรหน่อยอย่างนั้นหรือ” เหมียวเถียนกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก ชูมือขาวหยวกขึ้นสูง ตะโกนเสียงดังว่า “ลูกพี่อัน สู้เขา!”
เมื่ออันหลินได้ยินก็ยิ้มอย่างงดงาม ชูนิ้วโป้งให้คนด้านหลัง เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เซวียจั๋วหมิงเห็นฉากนี้ ก็เกิดอาการหน้ามืด
เสร็จกัน คนพวกนี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
“หัวหน้า แล้วเราจะทำอย่างไรดี”
เมื่อเห็นว่าพวกอันหลินไม่หนี สมาชิกกลุ่มล่าสัตว์เองก็ใจร้อนรุ่มดั่งเปลวไฟ
เซวียจั๋วหมิงมองร่างที่ยังคงยืนอยู่ข้างหน้าสุด ทำการตัดสินใจบางอย่าง กัดฟันพูดว่า “รออีกสักเดี๋ยว ดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน!”
กระบองเหล็กในมือของราชาวัวแผ่ไอทมิฬอีกครั้ง ควงมันจะฟาดอันหลินด้วยอานุภาพอันน่าตะลึง
อันหลินล้วงยันต์อีกแผ่นออกมา “กระบี่พิฆาตชิงเหอ!”
ลำแสงกระบี่สีเขียวที่สว่างโชติช่วงจะตวัดฟันราชาวัว
เมื่อเห็นลำแสงกระบี่ที่ทรงอานุภาพ ราชาวัวก็ตกใจ รีบควงกระบองเหล็กกำบังตัวเองเป็นพัลวัน
กระบี่พิฆาตชิงเหอยิ่งใหญ่เป็นล้นพ้น แม้ราชาวัวจะเปลี่ยนจากจู่โจมเป็นตั้งรับ แต่ก็ถูกลำแสงกระบี่ฟาดฟันจนถอยกรูด เลือดลมสะดุดไปชั่วขณะ
ขณะนั้นเอง ราชาปีกเงินที่โบยบินอยู่บนนภาก็ฮึดฮัดในลำคอ “ข้าจะขอดูหน่อยว่าเจ้ามียันต์กี่แผ่น คิดจะใช้ยันต์มาเอาชนะพวกข้า เพ้อฝันชัดๆ!”
อันหลินยิ้มจางๆ “งั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นความน่ากลัวของผู้เล่นเศรษฐีก็แล้วกัน!”
“อะไรนะ” ดูเหมือนราชาปีกเงินจะไม่เข้าใจความหมายของผู้เล่นเศรษฐีที่อันหลินว่า
แต่ไม่เป็นไร ไม่นานมันจะมีประสบการณ์จดจำคำศัพท์นี้ขึ้นใจแน่นอน
“ออกมาเถอะ วิชาต้องห้าม ยันต์ต้องห้ามแห่งพลังไร้ขีดจำกัด!”
แหวนมิติสาดแสง
เพียงชั่วพริบตา ยันต์จำนวนมากเรียงรายดุจกำแพง ลอยคว้างกลางอากาศ กระจายคลื่นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!
ราชาปีกเงินกับราชาวัวเบิกตากว้าง ราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนนั้นเอง กบยักษ์บงกชที่บาดเจ็บก็ฟื้นฟูพลังอีกครา กระโดดไปหาราชาวัว “เจ้านักพรตมนุษย์ ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้า…อ๊บ”
มันยังพูดไม่จบ เมื่อเห็นยันต์ที่เรียงรายด้านหลังอันหลิน เสียงก็หยุดชะงักทันใด
บัดซบ มียันต์หลายสิบแผ่นเลยหรือ
กบยักษ์บงกชงงเป็นไก่ตาแตก มันอ้าปากกว้าง เนื้อตัวก็เริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมา
มองจากอานุภาพแล้ว นี่มันยันต์ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณหมดเลยนี่นา!
ปกตินักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณต้องพยายามแทบล้มประดาตาย กว่าจะทำยันต์แผ่นหนึ่งออกมาได้
นักพรตมนุษย์คนนี้กลับมีมากถึงหลายสิบแผ่น ต่อให้เป็นจอมขมังเวทย์ที่เขียนยันต์โดยเฉพาะ ก็ไม่มีทางน่ากลัวปานนี้!
“รู้สึกความน่ากลัวของผู้เล่นเศรษฐีแล้วใช่ไหม ตอนนี้เชิญรับบทลงทัณฑ์เสียเถอะ!”
อันหลินดีดนิ้วทีหนึ่ง ร่างกายระเบิดพลังปราณ กระตุ้นยันต์ห้าสิบกว่าแผ่นข้างหลังพร้อมกัน!
ครืน! พลังปราณฟ้าดินเริ่มหลั่งไหลอย่างบ้าคลั่ง เกิดปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่
“ออกมาเลย พันธนาการน้ำแข็งอนธการ เต่าทองกำราบ โซ่แห่งภูตลม ประตูนรก ค่ายกลจองจำสี่ทิศ…”
พลังเซียนพันธนาการหล่อเลี้ยงวิญญาณสิบกว่าวิชา ล้วนปรากฏขึ้นกลางอากาศ พันธนาการสัตว์ภูตสามตัวบนผิวดินให้ดิ้นไม่หลุด
“สังหารศัตรูเถอะ ลำแสงกระบี่ ศรพิรุณอัคคี น้ำแข็งเย็นเยือก ระเบิดปีศาจพุ่งทะยาน กระบี่กลืนวิญญาณ หมัดมังกร หอกเก้าวิญญาณ…”
พลังเซียนที่น่ากลัวและแก่กล้าสามสิบกว่าชนิด กระจายทั่วผืนฟ้า พุ่งลงมาหาสัตว์ภูตทั้งสามด้วยอานุภาพอันไร้ที่สิ้นสุด!
กบยักษ์บงกชน้ำตาไหลพราก
ปากของราชาปีกเงินสั่นระริก พึมพำไม่หยุดว่า “นี่สินะผู้เล่นเศรษฐี…”
ราชาวัวตาค้าง
ตูมๆ ๆ…
บัดนี้ แผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น
เสียงระเบิดของพลังเซียนดังสนั่น มีเมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่ปรากฏเหนือภูเขาวิเศษ
ราชาวานรเนตรทองกับพวกเซวียจั๋วหมิงต่างก็ตะลึงงัน ร่างกายแข็งทื่อไปแล้ว
แม้แต่สมาชิกทั้งสี่ของอันหลินก็อุทานอย่างตกใจเช่นกัน
ฝุ่นควันมลายไป ทุกคนทอดมองไปยังเบื้องหน้า
อานุภาพพลังเซียนอันน่ากลัว ระเบิดจนผิวดินของภูเขาวิเศษกลายเป็นหลุมใหญ่รัศมีหลายสิบจั้ง!
กบยักษ์บงกช ราชาวัวและราชาปีกเงินล่ะ
หลายคนเดินไปยืนข้างหลุมด้วยความสงสัยแล้วชะเง้อมองลงไป
อืม…ไม่เหลือ
ใช่แล้ว บัดนี้สัตว์ภูตทั้งสามตัวถูกระเบิดจนกลายเป็นเศษซากแล้ว!
“ข้าไม่เคยเห็นใครที่ใช้ยันต์ได้แปลกใหม่เช่นนี้มาก่อนเลย!” เหมียวเถียนมองอันหลินอย่างเลื่อมใส พูดด้วยความตื่นเต้น
“คำเดียวเลย อหังการ!”
คราวนี้ลั่วจื่อผิงยอมศิโรราบอย่างแท้จริง วิธีการใช้ยันต์ที่ปล่อยออกไปพร้อมกันทีเดียวหลายสิบแผ่น สร้างประสบการณ์ใหม่ให้เขา
จงหย่งเหยียนและซุนเซิ่งเหลียนก็พยักหน้ารัวๆ เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับคำพูดของลั่วจื่อผิง
อันหลินยืนมือไพล่หลัง มองหลุมลึกพลางส่ายหน้าถอนหายใจ “เฮ้อ ตอนใช้ยันต์รู้สึกสะใจทีเดียว แต่เหมือนว่าจะใช้เยอะไปหน่อย ปวดใจแฮะ…”
………………………………….
Related