“เจ้าบอกว่ากองทัพสัตว์หรือ จำนวนเท่าใด” อันหลินได้ฟังก็ตกใจ
“ไม่แน่ใจ ทะมึนทึนทึบ ต้องมีร่วมพันตัวแน่นอน แถมกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเราด้วย” ราชาวานรเนตรทองพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณพระ! ยังไม่รีบหนีอีก!” อันหลินตะโกนลั่นอย่างร้อนรน
หากเป็นการอพยพของสัตว์ประหลาดร้อยตัว พวกเขายังพอรับมือได้ แต่การอพยพของสัตว์ประหลาดนับพันตัว ดีไม่ดีอาจมีสัตว์ปราณปะปนอยู่ก็เป็นได้!
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงรีบวิ่งย้อนกลับไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของพวกอันหลินตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม
เพราะพวกเขาพบว่า ทิศทางการเคลื่อนไหวของกองทัพสัตว์จะมุ่งหน้าไปทางเดียวกับพวกเขา เหมือนว่าจุดหมายปลายทางคือเมืองติ้งอัน…
อันหลินสังหรณ์ใจไม่ดี จึงรีบบอกราชาวานรเนตรทองทันทีว่า “เจ้าอัปลักษณ์ เจ้าเหาะได้ไม่ใช่หรือ เจ้าเหาะกลับไปแจ้งข่าวให้เซียนกระบี่หลิงเซียวกับเจ้าเมืองเจิ้งเชียนชิวก่อน!”
ราชาวานรเนตรทองก็รู้ว่าเร่งด่วน จึงขี่เมฆจะลอยขึ้นฟ้า
แต่ในตอนนั้นเอง หญิงคนหนึ่งก็ขี่กระบี่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง
“ฮาย อันหลิน!”
เสียงไพเราะเสนาะหูดังมาจากท้องนภา
อันหลินเงยหน้าขึ้นมอง ที่แท้ก็สวีเสี่ยวหลานนี่เอง!
ตอนแรกสวีเสี่ยวหลานดีใจยิ่งนักเมื่อเจออันหลิน แต่จู่ๆ นางก็เหมือนกับเห็นอะไรบางอย่าง ใบหน้าขาวผุดผ่องถมึงทึงลงทันตา
กระบี่ใต้ฝ่าเท้าลอยกลับมายังมือของนาง เปลวไฟลุกลามไปนับร้อยเมตร
“วานรปีศาจอัปลักษณ์! บังอาจไล่ล่าสหายของข้า ตายเสียเถอะ!”
เจ้าอัปลักษณ์ที่วิ่งตามหลังอันหลิน กำลังจะขี่เมฆลอยขึ้นฟ้า เห็นเปลวไฟที่พุ่งลงมาหามัน…
เจ้าอัปลักษณ์สะดุ้งโหยง ยกกระบองเงินขึ้นปะทะเปลวไฟทันที
เปลวไฟม้วนตัวไปทั่วทุกสารทิศพร้อมกับพลังอันน่ากลัว แม้แต่อันหลินที่วิ่งหลบก็เกือบจะถูกพัดให้ล้มลงไป
“สวีเสี่ยวหลาน วานรตัวนี้เป็นพวกเดียวกัน!” อันหลินตะโกนลั่น
“พวกเดียวกันหรือ” สวีเสี่ยวหลานขมวดเรียวคิ้วสวย แต่ไม่นานก็คลายตัว
ปกติอันหลินมักจะทำเรื่องแผลงๆ อยู่แล้ว มีวานรที่อัปลักษณ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ตัวหนึ่งเพิ่มมา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“จะว่าไปทำไมเจ้าถึงเหาะมาคนเดียว สมาชิกกลุ่มของเจ้าเล่า” อันหลินถามสวีเสี่ยวหลานที่อยู่กลางอากาศ
สวีเสี่ยวหลานนึกธุระขึ้นมาได้ จึงยกมือขึ้นกุมขมับ “จริงสิ ข้ามีเรื่องต้องแจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาแน่ะ!”
จากนั้นนางก็มองอันหลินแล้วพูดว่า “สมาชิกของข้านั่งอยู่บนฝาหม้อ ไม่มีอันตรายเท่าใดนัก”
“อันหลินพวกเจ้ารีบกลับเมืองติ้งอันเถอะ ถึงตอนนั้นข้ามีเรื่องน่าตื่นเต้นจะบอกพวกเจ้า!”
ปากของอันหลินขมุบขมิบ “เรื่องน่าตื่นเต้นของเจ้าคงไม่ใช่กองทัพสัตว์หรอกใช่ไหม…”
สวีเสี่ยวหลานทำหน้าตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
อันหลินถอนหายใจ “เจ้าอัปลักษณ์เห็นหมดแล้ว”
ขณะที่กำลังพูด ผิวดินก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
“อันหลิน ข้ามีธุระ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว พวกเจ้าก็รีบหนีเถอะ!”
พูดจบ สวีเสี่ยวหลานก็ขี่กระบี่เหาะออกไปอีกครั้ง
อันหลินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา วิ่งไปทางเมืองติ้งอันกับเหล่าสมาชิกกลุ่มต่อ
เพราะมีสวีเสี่ยวหลานทำหน้าที่แจ้งอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว เจ้าอัปลักษณ์ก็คร้านจะขี่เมฆ จึงวิ่งตามหลังอันหลิน
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงอบอุ่นของชายที่กำลังเหาะเหินแว่วมาจากฟ้า “เอ๊ะ สหายอันหลิน”
อันหลินที่กำลังวิ่งเต็มเหยียดเงยหน้ามอง เห็นชายสวมชุดขาวโบกพลิ้วรูปงามคนหนึ่ง เซวียนหยวนเฉิงนั่นเอง!
ตอนแรกเซวียนหยวนเฉิงดีใจที่เจออันหลิน แต่เมื่อเห็นอะไรบางอย่างเข้า สีหน้าก็ถมึงทึงโดยพลัน
“วานรปีศาจอัปลักษณ์ อย่าคิดจะทำร้ายสหายของข้า!”
เซวียนหยวนเฉิงเงื้อกระบี่ปล่อยลำแสงสีขาว จะฟาดฟันเจ้าอัปลักษณ์ที่วิ่งตามหลังอันหลิน…
“บัดซบ อีกแล้วหรือ!” เจ้าอัปลักษณ์จะร้องไห้แล้ว
จะฟันกันตั้งแต่พบหน้า มันไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือ!
เจ้าอัปลักษณ์ยกกระบี่สีเงินขึ้นรับลำแสงของเซวียนหยวนเฉิง ความสามารถของเซวียนหยวนเฉิงเหนือกว่าสวีเสี่ยวหลาน การโจมตีนี้ทำให้เจ้าอัปลักษณ์ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
คลื่นพลังอันน่ากลัวผลักอันหลินที่ยืนด้านหลังเจ้าอัปลักษณ์กระเด็น แม้แต่พวกเหมียวเถียนที่อยู่ข้างหน้าก็ทรงตัวไม่อยู่
“พี่เฉิง! เข้าใจผิดแล้ว! เจ้าอัปลักษณ์เป็นพวกเดียวกัน!”
อันหลินตะโกนเสียงดัง
“พวกเดียวกันหรือ” เซวียนหยวนเฉิงย่นคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คลายตัว
ปกติอันหลินมักจะทำเรื่องแผลงๆ อยู่แล้ว มีวานรที่อัปลักษณ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ตัวหนึ่งเพิ่มมา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซวียนหยวนเฉิงก็มองราชาวานรเนตรทองอย่างรู้สึกผิด ยกมือขึ้นคารวะ “สหายอัปลักษณ์ เมื่อครู่เป็นเพราะข้าวู่วาม ล่วงเกินเจ้าไป ต้องขออภัย”
เมื่อเห็นเซวียนหยวนเฉิงกล่าวขอโทษอย่างสุภาพและสง่างาม อารมณ์หงุดหงิดของราชาวานรเนตรทองก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่โทษเจ้าหรอก หากผิดคงผิดที่ข้าหน้าตาอัปลักษณ์ แถมยังวิ่งตามหลังพี่อัน คนทั่วไปก็เข้าใจผิดได้เหมือนกัน”
จวบจนตอนนี้ ราชาวานรเนตรทองเข้าใจแล้วว่า ทำไมถึงถูกลงไม้ลงมืออยู่เรื่อย
เมื่อพบหน้าก็เรียก ‘วานรปีศาจอัปลักษณ์’ มันจะไม่รู้ได้อย่างไร…
อันหลิน “…”
เซวียนหยวนเฉิง “…”
ประโยคนี้ของเจ้าอัปลักษณ์มีเหตุผล แต่ไยฟังแล้วถึงขมขื่นปานนี้เล่า
เหมียวเถียนที่อ่อนไหวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรได้ฟัง กระบอกตาก็ร้อนผ่าว น้ำตาเจียนจะไหลออกมา
จากนั้นเซวียนหยวนเฉิงก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ หยิบลูกกลมๆ สีเขียวมรกตออกจากแหวนมิติแล้วโยนให้อันหลิน “นี่เป็นขุมพลังสัตว์ของงูบินสามเศียร ข้าช่วยควักออกมาให้”
อันหลินรับขุมพลังสัตว์มา ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด “ขอบใจนะพี่เฉิง!”
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “เจ้ารีบกลับเมืองติ้งอันเถอะ พวกข้าเตรียมเรื่องน่าตื่นเต้นไว้ด้วยล่ะ!”
อันหลิน “…”
เหตุการณ์นี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ทำให้เขาอดพูดค่อนแค่นไม่ได้จริงๆ “กองทัพสัตว์สินะ สมาชิกของเจ้าก็นั่งอยู่ฝาหม้อเหมือนกันหรือ”
เซวียนหยวนเฉิงทำหน้าตกใจ “เอ๊ะ เจ้ารู้ได้อย่างไร!”
“ข้าเพิ่งเจอสวีเสี่ยวหลานเมื่อครู่นี้ นางเองก็ฟันเจ้าอัปลักษณ์เหมือนกัน” อันหลินพูดอย่างหน่ายใจ
เจ้าอัปลักษณ์ปวดใจ ราวกับรอยแผลเป็นถูกเฉือนอีกครั้ง
เซวียนหยวนเฉิงมองเจ้าอัปลักษณ์ด้วยความเห็นใจแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อทันทีว่า “ไว้ค่อยคุยกัน ข้ายังต้องไปแจ้งสหายในบริเวณนี้ จะได้ไม่โดนลูกหลงจากกองทัพสัตว์”
“แล้วเจอกันพี่เฉิง!”
อันหลินกับเซวียนหยวนเฉิงโบกมืออำลา
ในตอนนี้ เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าดังสนั่นที่อยู่ไกลออกไปแล้ว
กลุ่มของอันหลินวิ่งไปทางเมืองติ้งอันอีกครั้ง
คราวนี้ราชาวานรอัปลักษณ์วิ่งนำหน้า ตามหลังอันหลินมันรับไม่ไหวแล้วจริงๆ
มันไล่ตามอันหลิน ไม่สู้ให้พวกอันหลินวิ่งตามมัน เช่นนี้คงไม่มีใครเข้าใจผิดแล้วกระมัง
ภายในคฤหาสน์ส่วนตัว ณ เมืองติ้งอัน
เซียนกระบี่หลิงเซียวกำลังดื่มชากับเจ้าเมืองเจิ้งเชียนชิวอยู่
ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มโพล้เพล้แล้ว มีนักเรียนเกือบหกสิบคนกลับมาแล้ว
เซียนกระบี่หลิงเซียวดื่มชาพลางนับจำนวนเป้าหมายที่นักเรียนทำสำเร็จ
กลางอากาศมีหญิงคนหนึ่งขี่กระบี่เหาะเข้ามาในคฤหาสน์
เมื่อเซียนกระบี่หลิงเซียวเห็นผู้มาเยือนก็ยิ้มบางๆ “สวีเสี่ยวหลาน ทำไมถึงรีบร้อนกลับมาเพียงลำพังเล่า สมาชิกกลุ่มเจ้าล่ะ”
ใบหน้าของสวีเสี่ยวหลานฉายความตื่นเต้น
นางไม่ตอบคำถามของเซียนกระบี่หลิงเซียว กลับพูดอย่างตื่นเต้นแทนว่า “อาจารย์ พวกเราเตรียมเรื่องน่าตื่นเต้นไว้ให้ท่าน!”
เซียนกระบี่หลิงเซียวเลิกคิ้ว เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “หือ เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรหรือ”
“เรื่องน่าตื่นเต้นที่ลำบากเพียงหนเดียวสบายไปตลอด!” สวีเสี่ยวหลานพูด
เซียนกระบี่หลิงเซียวได้ฟังก็ยิ่งสนใจไปกันใหญ่ เขาดื่มชาคำหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางพูดต่อไป
“พวกเราสร้างกองทัพสัตว์ หลอกล่อสัตว์ประหลาดนับพันตัว ตอนนี้กำลังวิ่งมาทางเมืองติ้งอันแน่ะ! คราวนี้รวยแล้ว!” สวีเสี่ยวหลานพูดอย่างตื่นเต้น
“พรืด…”
เซียนกระบี่หลิงเซียวพ่นชาออกมา
……………………………..
Related