สมาชิกกลุ่มอันหลินจวนจะถึงเมืองติ้งอันแล้ว
พวกเขามองเห็นกำแพงเมืองดำสนิทสูงร่วมสิบจั้งแล้ว มันโอ่อ่าน่าเกรงขามยิ่งนัก
เหนือกำแพงเมือง มีเงาคนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่ากำลังเตรียมพร้อมต่อสู้
“ใกล้ถึงแล้ว พวกเราเร่งกันอีกหน่อย!”
อันหลินให้กำลังใจสมาชิกที่อยู่ด้านหลัง
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนกร้าวดังมาจากท้องฟ้า
“สหายอันหลิน ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
อันหลินเงยหน้ามอง เห็นลู่จ้านและนักเรียนสิบกว่าคนกำลังยืนอยู่บนฝาหม้อ
ไม่สิ เป็นศาสตราวุธขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายฝาหม้อต่างหาก
เมื่อได้ยินประโยคนั้น อันหลินก็พลันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา ตะโกนเสียงดังว่า “อย่า! เจ้าลิงเป็นพวกเดียวกัน หยุด…”
“วานรปีศาจอัปลักษณ์ จะหนีไปไหน!” ลู่จ้านแผดเสียง สายฟ้าทรงกลมพุ่งออกมาจากมือของเขา
ตูม!
สายฟ้าระเบิด!
เจ้าอัปลักษณ์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้าสุด ไม่ทันระวังถูกโจมตีที่แผ่นหลัง ล้มคะมำลงไป
“นะ…” ริมฝีปากของอันหลินสั่นระริก
ยังพูดไม่ทันจบ เจ้าอัปลักษณ์ก็โดนโจมตีเข้าอย่างจังจนล้มลงไปแล้ว
ลู่จ้านเพิ่งรู้สึกตัวจากคำพูดของอันหลิน เขาชะงักงัน
วานรอัปลักษณ์เป็นพวกเดียวกันหรือ
ก็จริง อันหลินพิลึกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เก็บวานรอัปลักษณ์ตัวหนึ่งมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…
เขารีบบังคับให้ฝาหม้อเหาะไปหยุดอยู่ข้างๆ ราชาวานร เอ่ยปากขอโทษทันที “ขอโทษนะ มันฉุกละหุก ไม่คิดว่าจะเป็นการเข้าใจผิด ลู่จ้านคนนี้วู่วามเอง”
เจ้าอัปลักษณ์ลุกขึ้น ดวงตาสุกใสดุจโคมไฟคู่นั้นมีน้ำตาคลอหน่วย
ให้ตายสิ เข้าใจผิดอีกแล้ว!
โลกใบนี้เป็นอะไรไป หน้าอัปลักษณ์ก็เป็นความผิดด้วยหรือ!
กองทัพสัตว์ด้านหลังเข้ามาใกล้แล้ว พวกอันหลินกระโดดขึ้นฝาหม้อของลู่จ้านตามคำเชิญชวน
ส่วนทหารทั้งหลายที่ตามหลังพวกเขา กลับเลือกเลี้ยวเป็นมุมฉากเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว หลบหลีกความรุนแรงจากกองทัพสัตว์
อันหลินยืนอยู่บนฝาหม้อ บนศาสตราวุธเหาะเหินมีนักเรียนยืนอยู่ร่วมสิบกว่าชีวิต
แม้จะเหาะได้ไม่เร็ว แต่เหนือกว่าตรงที่จุคนได้เยอะ
บนฝาหม้อเนื้อที่หนึ่งจั้ง เบียดกันสักหน่อย จุคนสิบกว่าคนนั้นไม่ใช่ปัญหา
หากไม่ใช่เพราะการเหาะเหินแบบบรรจุคนต้องจ่ายด้วยหินวิญญาณ แถมยังเป็นจำนวนมหาศาลด้วยละก็ ตอนที่วิ่งมาราธอนเมื่อหลายวันก่อน ลู่จ้านคงจะเอาฝาหม้อออกมารับสหายหลายๆ คนไปด้วยกันแล้ว
บนฝาหม้อ เฉินจื่อซียืนอยู่ด้านหลังสุด
ในมือของนางถือดอกไม้สีม่วง ละอองเกสรโปรยปรายตามแรงลม ลอยไปหากองทัพสัตว์ที่ไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ลู่จ้านอธิบายกับอันหลินว่า “ดอกไม้มีชื่อว่าดอกรักอนธการ เป็นดอกวิเศษขั้นสาม ละอองเกสรของมันจะสร้างความลุ่มหลงให้กับเหล่าสัตว์ประหลาดอย่างรุนแรง มันสามารถสร้างกองทัพสัตว์ได้อย่างง่ายดาย! ส่วนสำคัญของดอกรักอนธการอยู่ที่ละอองเกสรของมัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของห้องเรา สหายเฉินจื่อซีทุ่มเทสุดตัวเชียวล่ะ”
เฉินจื่อซีได้ฟังก็ยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไร กวนละอองเกสรของดอกรักอนธการต่อ
“แต่ข้าเป็นคนเสนอความคิดให้สร้างกองทัพสัตว์นะ!” ลู่จ้านพูดอย่างกระหยิ่มใจ
อันหลินได้ยินปากก็ขมุบขมิบ พูดเสริมว่า “สหายลู่สุดยอดไปเลย!”
ได้รับคำชมจากอันหลินบุคคลระดับตำนานของสำนัก ลู่จ้านอารมณ์ดี จากนั้นก็เริ่มคุยโวถึงที่มาของแรงบันดาลใจของเขา รวมถึงวีรกรรมที่ลากสวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงเข้าร่วมกลุ่มด้วย…
อันหลินมองกองทัพสัตว์มืดฟ้ามัวดินที่อยู่ด้านหลัง เกรงว่าจำนวนคงจะเกินสองพันตัวแล้ว…
ทั้งพลังอันท่วมท้นท้องฟ้า ฝุ่นตลบอบอวลที่เกิดจากการที่กองทัพสัตว์เคลื่อนไหว ขับความน่ากลัวของกองทัพสัตว์ในครั้งนี้ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
เขาอยากพูดเหลือเกินว่า “กองทัพสัตว์ขนาดนี้ ห้องเราจะต้านได้จริงหรือ…”
บนกำแพงเมืองติ้งอัน เซียนกระบี่หลิงเซียวกับเจิ้งเชียนชิวกำลังทอดมองกองทัพสัตว์ที่เคลื่อนตัวอยู่เบื้องหน้า ทอดถอนหายใจอย่างจนใจ
“ไม่คิดเลยว่าลูกศิษย์ของข้าจะทำเรื่องที่เหลวไหลเช่นนี้ ลำบากท่านเจ้าเมืองเสียแล้ว” เซียนกระบี่หลิงเซียวพูดอย่างรู้สึกผิด
เจิ้งเชียนชิวส่ายหน้า “มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอก อย่างไรเสียเมืองติ้งอันก็ประสบกับกองทัพสัตว์บ่อยๆ อยู่แล้ว ครั้งนี้ก็แค่มาก่อนล่วงหน้าเท่านั้น”
“ปิดกั้นไม่สู้ขุดลอกคลอง[1] จัดการล่วงหน้าก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
“และครั้งนี้ มีนักเรียนหัวกะทิร่วมร้อยชีวิตของพวกเจ้าคอยช่วยเหลือ สามารถลดความเสียหายยามกำจัดกองทัพสัตว์ให้เหลือน้อยที่สุดได้ มิหนำซ้ำยังได้ซากสัตว์ประหลาดนับพันตัว สรุปแล้ว ประโยชน์ก็มากกว่าผลเสียอยู่ดี”
อันที่จริงคำพูดของเจิ้งเชียนชิวก็มีเหตุผล เซียนกระบี่หลิงเซียวจึงทำได้เพียงเอือมระอาในใจ
ความจริงแล้วเขายังคงโกรธอยู่ดี โมโหที่ลูกศิษย์ทำเรื่องใหญ่แต่กลับไม่แจ้งเขาล่วงหน้า
ตอนที่สวีเสี่ยวหลานแจ้งเรื่องนี้กับเขา มันทำให้เขาตกใจจริงๆ
นับว่าโชคดีที่หากมองจากรายงานแล้ว ไม่มีสัตว์ประเภทที่น่ากลัวอย่างสัตว์ปราณ มิเช่นนั้นนักเรียนบนฝาหม้อ ต้องถูกสัตว์ปราณตะปบตายคาที่แน่นอน…
ฝาหม้อลอยมาบนกำแพงเมือง พวกอันหลินเริ่มกระโดดลงมา
ลู่จ้านเดินไปยืนตรงหน้าเซียนกระบี่หลิงเซียวด้วยอารมณ์ที่คึกคัก “อาจารย์ ข้าล่อกองทัพสัตว์มาถึงเมืองติ้งอันแล้ว กรุณาตรวจดูได้เลย!”
ปัง!
ลู่จ้านถูกเซียนกระบี่หลิงเซียวชกจนล้มลง บริเวณหัวปูดขึ้นมา
“ตรวจดูกับผีอะไร! เจ้ากำลังรนหาที่ตายรู้บ้างไหม!”
เซียนกระบี่ที่กำลังหงุดหงิดหาที่ระบายไม่ได้เจอตัวบงการแล้ว ไม่ลงมือตอนนี้จะรอเมื่อใด
ลู่จ้านกุมหัวลุกขึ้นด้วยความน้อยใจ จากนั้นก็ถูกเซียนกระบี่หลิงเซียวดุด่าปาวๆ
รายละเอียดก็คือ แม้วิธีสร้างกองทัพสัตว์จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของนักเรียนจะเพิ่มขึ้นอะไรทำนองนั้น ทำเอาลู่จ้านได้แต่พยักหน้ารัวๆ รับปากว่าจะไม่ทำอีก
แต่อีกด้านหนึ่ง เฉินจื่อซียังคงยืนอยู่ริมกำแพงเมือง ใช้พลังเซียนแห่งสายลม เป่าละอองเกสรของดอกรักอนธการอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย…
ครืน…
ฝูงสัตว์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
“เตรียมค่ายกลสังหารสัตว์!”
เจิ้นเชียนชิวตะโกนลั่น เลือดลมของเหล่าทหารหลายพันนายบนกำแพงเมืองพลุ่งพล่านโดยพลัน แผดเสียงพร้อมเพรียงกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ระดับพลังยุทธ์ของพวกเขาไม่สูง ส่วนใหญ่อาจจะอยู่แค่เพียงระดับกายแห่งมรรคขั้นสี่หรือห้าเท่านั้น
แต่ค่ายกลโจมตีหมู่อันนี้ กลับสามารถรวบรวมพลังของพวกเขาไว้ด้วยกันได้
ค่ายกลสีขาวขนาดใหญ่เริ่มก่อตัว แผ่คลุมไปทั่วกำแพงเมือง
“ธนู!”
ทหารหลายพันนายต่างก็ชักลูกศรออกมา ง้างคันธนูจนเป็นรูปจันทร์เต็มดวง
พลังแห่งค่ายกลซึมซับลงในลูกธนู ทำให้มันปล่อยลำแสงสีขาวที่แฝงด้วยอานุภาพของของค่ายกล
อันหลินเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกว่า กองทัพที่รวมตัวจากนักพรตสู้รบอย่างไร จึงอดสงสัยไม่ได้
“ยิง!”
ซิ่วๆ ๆ…
ลูกศรที่แฝงด้วยอานุภาพแห่งค่ายกลหลายพันด้ามพุ่งตัวออกไป ส่องแสงสีขาวระยิบระยับ ประดุจดาราจักรสีขาว เทกระหน่ำใส่ฝูงสัตว์ที่อยู่ไกลออกไปพันเมตร
ลูกศรกลายเป็นลำแสงสีขาว ทะลวงผิวหนังของสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนของสัตว์ประหลาดก็ดังต่อเนื่อง สัตว์ประหลาดหลายร้อยตัวบาดเจ็บ หลายสิบตัวล้มลงเมื่อต้องศร ถูกฝูงสัตว์ด้านหลังเหยียบจนเละไม่เป็นชิ้นดี
“ง้างธนู!”
เหล่าทหารง้างธนูอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์จำนวนมหาศาลที่กำลังบุกเข้าจู่โจม
อานุภาพของค่ายกลแทรกซึมอยู่ในลูกศร จำต้องใช้เวลาสักระยะ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถปล่อยได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“ยิง!”
ครั้งนี้ ลูกศรหลายพันด้ามถูกปล่อยออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะเหตุผลจากระยะใกล้ หนนี้ทำให้สัตว์ประหลาดร่วมพันตัวบาดเจ็บ สัตว์ประหลาดร้อยตัวล้มลงทันที!
“พลทหารหอกระยะประชิดกับจอมขมังเวทย์เตรียมตัว!”
เสียงตะโกนของเจิ้งเชียนชิวดังก้องกำแพงเมือง เหล่าทหารเปลี่ยนอาวุธกันระนาว
บัดนี้ กองทัพสัตว์อยู่ห่างจากกำแพงเมืองไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร ผิวดินเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาแล้ว!
“พวกเราก็ควรลงมือแล้ว” เซียนกระบี่หลิงเซียวพูด
นักเรียนร่วมร้อยคนรอบตัวเขาแผ่พลังปราณอันแข็งแกร่งออกมา
…………………………..
[1] ปิดกั้นไม่สู้ขุดลอกคลอง ในสมัยราชวงศ์เซี่ยของจีน เกิดอุทกภัยเรื้อรัง พระเจ้าหยาวได้มอบหมายให้กุ่น ผู้เป็นบิดาของอวี่แก้ไขปัญหา เขาใช้วิธีกั้นน้ำ แต่ทำอยู่เก้าปีก็ไม่ได้ผล ต่อมาอวี่ก็ได้รับมอบหมายให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมต่อจากผู้เป็นพ่อ เขาใช้วิธีขุดลอกคลอง ใช้เวลาอยู่สามปีก็แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ จึงเป็นที่มาของสำนวนนี้ ซึ่งหมายถึง ควรแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ
Related