ต้าไป๋ทำหน้าอมทุกข์มาตลอดทาง
“ข้าไม่ได้ชนยายแก่คนนั้น” มันพูดอยย่างไม่สบอารมณ์
“ข้ารู้” อันหลินพยักหน้า
ต้าไป๋ได้ฟังก็ชะงัก “แล้วทำไมเจ้าต้องชดใช้ห้าร้อยหินวิญญาณให้พวกเขาด้วยเล่า”
อันหลินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะพวกเขาต้องการเงินจำนวนนี้จริงๆ ยายแก่คนนั้นป่วยหนักแล้ว หากไม่ดูดำดูดีละก็ นางอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”
“เจ้าลองคิดดูสิ ทำไมคนแก่อายุปูนนี้ต้องแสดงละครกับเด็กที่เยาว์วัยแบบนี้ด้วยล่ะ หากไม่ใช่เพราะชีวิตถูกบีบคั้นจนอับจนหนทาง พวกนางคงไม่ทำเรื่องที่ต้องละทิ้งเกียรติทิ้งศักดิ์ศรีแบบนี้หรอก”
“ข้าว่าในครอบครัวคงไม่มีใครที่พึ่งพาได้แล้ว หากข้าไม่ให้หินวิญญาณหญิงแก่คนนั้นนำไปรักษา หนึ่งปีให้หลัง เกิดนางตายขึ้นมา เด็กหญิงคนนั้นจะทำอย่างไร เด็กอย่างนางจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิน ต้าไป๋ก็ทำท่าครุ่นคิด ครู่ใหญ่กว่าจะพูดว่า “ฉะนั้น พี่อันจึงตัดสินใจเป็นคนดีงั้นหรือ”
อันหลินพยักหน้า “แม้ข้อสันนิษฐานของข้าอาจจะผิดพลาด แต่หากเดาถูกจริงๆ ละก็ เช่นนั้นข้าก็ได้ช่วยพวกนางแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นถึงเศรษฐีอัน แค่ไม่กี่ร้อยหินวิญญาณไม่เป็นไรหรอก”
ต้าไป๋ทำหน้าชื่นชม เจ้าอัปลักษณ์ก็ตบบ่าอันหลินปุๆ พูดอย่างเลื่อมใสว่า “พี่อัน เยี่ยมมาก!”
พวกเขาจึงเข้าสู่การเดินทางที่มุ่งหน้าสู่สำนักเซียนหมื่นชีวิตต่อไปด้วยประการฉะนี้
……
สำนักเซียนหมื่นชีวิตตั้งอยู่ทางใต้ของแคว้นเฟิงเหยวน พวกอันหลินจึงเดินทางลงใต้ไปเรื่อยๆ ได้เห็นสัตว์หิมะน่าเอ็นดูไม่น้อย และได้กินสัตว์หิมะน่ารักรสอร่อยไม่น้อยด้วยเช่นกัน
รสชาติของแคว้นเฟิงหยวนมักจะค่อนไปทางเผ็ด ถูกปากอันหลินเป็นอย่างมาก สองสามวันนี้เข้าร้านอาหารช่างเบิกบานใจนัก หากเป็นไปได้ เขาสามารถเที่ยวเล่นในแคว้นเฟิงหยวนได้ถึงสิบกว่าปี ถุย กินสิบกว่าปีต่างหาก!
พวกเขาตระเวนกินมาตลอดทาง จนถึงประตูสำนักเซียนหมื่นชีวิตโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นสุดยอดสำนักที่สามที่อันหลินมาเยือน
อดพูดไม่ได้ว่า สำนักแห่งนี้ให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมที่สุด!
เมื่อมองผ่านประตูเข้าไป จะเห็นยอดเขาตั้งตระหง่าน โอบล้อมด้วยเมฆาขาว บ้านเรือนที่สร้างติดขุนเขาเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ และมีถ้ำเทวาสถิตมากมายซ่อนตัวอยู่ภายใน มีเซียนขี่กระบี่เหาะออกมาอยู่บ่อยครั้ง
“สวัสดี ไม่ทราบว่าสหายมาที่นี่ด้วยธุระอันใด”
เมื่อเห็นพวกอันหลิน ทหารยามเฝ้าประตูสำนักนายหนึ่งจึงยกมือขึ้นคารวะพลางเอ่ยถาม
อืม…รู้สึกว่าทัศนคติในการบริการขององครักษ์แห่งสำนักเซียนหมื่นชีวิต ก็ยอดเยี่ยมที่สุดที่เขาเคยพบเจอมาเช่นกัน!
“สวัสดี ข้าชื่ออันหลิน เป็นสหายของเซวียนหยวนเฉิง ครานี้ตั้งใจมาเยี่ยมเยียน โปรดช่วยแจ้งให้ที” อันหลินก็ตอบไปอย่างสุภาพเช่นกัน
ทหารยามได้ฟังคำอันหลิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เคารพนอบน้อมกว่าเดิม “ที่แท้ก็สหายของนายน้อยเซวียนหยวนนี่เอง ข้าจะไปรายงานเดี๋ยวนี้!”
ไม่นานเซวียนหยวนเฉิงก็ขี่กระบี่มา
เขายังคงสวมชุดขาวพลิ้วไหว ดวงตาคม ใบหน้างดงาม แค่ออกโรงก็หล่อเหลาเกินต้านทาน
“สหายอันหลิน ไม่คิดจริงๆ ว่าเจ้ามาหาข้า” เซวียนหยวนเฉิงยิ้มละมุน ใบหน้าแสดงความดีใจ
“ฮ่าๆ อย่างไรเสียปิดเทอมก็น่าเบื่อ จึงเที่ยวชมให้ทั่วสักหน่อย” อันหลินตอบยิ้มๆ
เซวียนหยวนเฉิงพยักหน้า “เช่นนี้ก็ดีนัก ข้าพาเจ้าเยี่ยมชมสำนักเซียนหมื่นชีวิตสักหน่อยก็แล้วกัน”
ด้วยเหตุนี้ อันหลินจึงขี่ต้าไป๋เหาะเข้าสำนักไปพร้อมกับเซวียนหยวนเฉิง
สำนักเซียนหมื่นชีวิตมีพื้นที่กว้างขวาง อาณาเขตติดภูเขา มียอดเขาที่สูงที่สุดทั้งสิ้นห้าแห่ง รวมถึงยอดเขาที่สูงรองลงมาอีกเก้าสิบหกแห่ง
ลูกศิษย์ภายในสำนักบำเพ็ญเพียรบนยอดเขาสูง ส่วนลูกศิษย์นอกสำนักบำเพ็ญเพียรในยอดเขารอง
อันหลินอยู่บนยอดเขาแสงสวรรค์ ได้เห็นธารน้ำตกสูงนับพันจั้ง
เสียงของมันดุจสายฟ้ากัมปนาท ประหนึ่งดาราจักรสีขาวหลั่งไหลลงมา ก่อให้เกิดคลื่นจำนวนมหาศาลตรงตีนเขา ทำให้อาณาบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยไอหมอกอบอวล
ภายใต้การสาดส่องของแสงแดด ไอน้ำแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำหลากสีสัน
มิหนำซ้ำยังมีสายรุ้งเด่นชัดพาดผ่านสันเขา ดุจดั่งเข็มขัดสีรุ้งที่เป็นของยอดเขาแสงสวรรค์โดยเฉพาะ มองดูทั้งงดงามและน่าตะลึง
ทิวทัศน์สวยงามเช่นนี้ อันหลินย่อมไม่ลืมหยิบมือถือออกมาเซลฟี เพื่อบ่งบอกว่าเคยมาเยือนแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็มาถึงยอดเขาจิตวิญญาณแห่งพสุธา
“วันนี้พวกเรากำลังจัดการประลองระหว่างนักพรตหนุ่มสาวที่มีสี่ปีครั้งของสำนักที่นี่ สหายอันหลินสนใจอยากร่วมชมหรือไม่” เซวียนหยวนเฉิงที่กำลังนำทางอยู่ข้างหน้าเอ่ยถาม
อันหลินได้ฟังนัยน์ตาก็ลุกวาว
การประลองครั้งใหญ่ของสำนักเหรอ
ช่างเป็นคำนามที่คุ้นเคยเสียนี่กระไร
“เอาสิ!” เขาตอบโดยที่แทบจะไม่ต้องคิดเลย
อันที่จริงการดูผู้อื่นชกต่อยกันก็สะใจมากทีเดียว ก็เหมือนการดูหนังแอ็กชั่นที่ตื่นตาตื่นใจเรื่องหนึ่ง ไม่สิ เป็นหนังจอมยุทธ์ที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษต่างหาก!
ลานประลองของการประลองครั้งใหญ่แห่งสำนักหรูหรายิ่งนัก ประหนึ่งสนามกีฬามหึมาที่จุนักพรตได้หลายหมื่นชีวิต เบื้องล่างมีสังเวียนประลองขนาดใหญ่หลายสังเวียน กำลังเริ่มการประลองอันดุเดือดพร้อมกัน
“คึกคักดีจังเลย!” อันหลินมาถึงลานประลอง เมื่อเห็นลูกศิษย์หลายหมื่นคนตะโกนให้กำลังใจ ก็อดอุทานไม่ได้
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้เข้าสู่ช่วงชิงชนะเลิศแล้ว ลูกศิษย์ของห้ายอดเขาสูงและเก้าสิบหกยอดเขารองต่างก็มาให้กำลังใจขวัญใจของตัวเอง”
อันหลินมองเซวียนหยวนเฉิง “พี่เฉิง คนที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้าไม่เข้าร่วมการประลองหรือ”
หลังผ่านการบำเพ็ญเพียรหนึ่งปี ตอนนี้พี่เฉิงเป็นนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว
หากเขาเข้าร่วมแข่งขัน ต้องเท่ตลอดทางจนคว้ารางวัลชนะเลิศแน่นอน
เซวียนหยวนเฉิงได้ฟังก็ส่ายหน้า “ตอนนี้ข้าถือเป็นส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์แล้ว จึงไม่เข้าร่วมการประลองของสำนัก”
สรวงสวรรค์เป็นสุดยอดอิทธิพลอยู่แล้ว นักเรียนที่ศึกษาในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนถือเป็นส่วนหนึ่งของสรวงสวรรค์
เมื่อจบการศึกษา นักเรียนเลือกได้ว่าจะอยู่ที่สรวงสวรรค์ต่อ ตอนนั้นก็จะกลายเป็นสมาชิกของสรวงสวรรค์อย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่านักเรียนเลือกกลับสำนักของตนเองได้เช่นกัน
แต่หากว่ากลับสำนักละก็ เช่นนั้นเกรงว่าความสัมพันธ์ที่มีกับสรวงสวรรค์จะเหลือเพียงใบประกาศนียบัตรเท่านั้น
อันหลินคิดว่าเซวียนหยวนเฉิงเป็นถึงนายน้อยแห่งสำนักเซียนหมื่นชีวิต หลังจบการศึกษาต้องกลับไปเสวยสุขที่บ้านเป็นแน่
โธ่ ถ้าเป็นแบบนี้…ซูเฉี่ยนอวิ๋นกับสวีเสี่ยวหลานก็อาจจะออกจากสรวงสวรรค์ทันทีหลังจบการศึกษาด้วยละมั้ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันหลินก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาชั่วขณะ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังจากระบบ ทำเอาเขาตกใจจนสะดุ้งโหยง
เกิดอะไรขึ้น!
เขาเปิดระบบด้วยสีหน้าฉงน พบว่าแถบภารกิจพิเศษกำลังเปล่งแสง
‘ตรวจสอบพบว่าโฮสต์กำลังอยู่ในลานประลองยุทธ์ จึงมีภารกิจพิเศษดังต่อไปนี้’
‘เดาว่านักพรตคนไหนในลานประลองยุทธ์จะคว้าชัยชนะจากการประลองครั้งนี้’
‘1. ทังซือหยวน 2. จางเหยียน 3.หลูเหริน 4. ข่วงเร่อ’
‘หากภารกิจสำเร็จ จะได้รับสามสิบหินปราณเป็นการตอบแทน’
‘หากภารกิจล้มเหลว หักสิบหินปราณออกจากแหวนมิติ’
‘ภารกิจนี้เป็นภารกิจด่วน เมื่อเวลาผ่านไป ภารกิจจะยกเลิกอัตโนมัติ มีเวลา 60 วินาที’
ขณะที่อันหลินกำลังงุนงงอยู่นั้น เวลาก็เริ่มนับถอยหลังแล้ว 59 58…
ถ้าภารกิจสำเร็จจะได้สามสิบหินปราณ…
มันเท่ากับสามแสนหินวิญญาณเชียวนะ! เรื่องดีแบบนี้อันหลินจะพลาดได้อย่างไร
แต่ว่าเขาไม่เคยรู้จักนักพรตทั้งสี่คนที่ระบบกล่าวมาเลย วิธีที่จะทำภารกิจให้สำเร็จมีเพียงวิธีเดียว…
อันหลินคว้าแขนเซวียนหยวนเฉิงแล้วพูดเสียงร้อนรนว่า “พี่เฉิง เจ้าคิดว่าทังซือหยวน จางเหยียน หลูเหรินกับข่วงเร่อ ในบรรดานักพรตทั้งสี่คนนี้ คนไหนมีสิทธิ์จะคว้าชัยชนะมากที่สุด!”
“เอ๊ะ สหายอันหลินรู้ชื่อของลูกศิษย์สำนักเราได้อย่างไร” เซวียนหยวนเฉิงทำหน้าประหลาดใจ
“โธ่พี่เฉิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ รีบบอกข้าเร็วว่านักพรตคนไหนเก่งที่สุด! เวลากระชั้นชิด!” อันหลินออกอาการร้อนใจ
เวลาในการตัดสินใจเหลือเพียงสิบกว่าวินาทีแล้ว!
“พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะของรุ่นหนุ่มสาวแห่งสำนักเซียนหมื่นชีวิต ต่างก็อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้น ข้าคิดว่าทังซือหยวนมีโอกาสชนะสูงมาก เพลงกระบี่เมฆาขาวของนาง…” เซวียนหยวนเฉิงวิเคราะห์อย่างจริงจัง
อ๊ะ! ทังซือหยวนงั้นเหรอ
ในขณะที่เหลือเวลาเพียงสามวินาที อันหลินก็เลือกทังซือหยวนในระบบทันที!
‘ติ้งต่อง ยอมรับภารกิจแล้ว โฮสต์เดาว่าทังซือหยวนเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายในการประลองครั้งนี้’
ยอมรับภารกิจแล้ว ในที่สุดอันหลินก็โล่งอก
เซวียนหยวนเฉิงยังคงวิเคราะห์อย่างตั้งอกตั้งใจ “…การจู่โจมของนางเรียกได้ว่าสุดยอดที่สุดในบรรดาทั้งสี่คนแล้ว แต่แม้ทังซือหยวนจะมีโอกาสชนะสูง แต่คนที่มีโอกาสชนะมากที่สุด ข้าคิดว่าไม่พ้นข่วงเร่อเป็นแน่ เพราะอะไรล่ะ เพราะว่า…”
อันหลิน “…”
…………..