สำนักเซียนหมื่นชีวิตหิมะตกแล้ว
หิมะสีขาวลอยลงมาจากชั้นเมฆบนท้องนภา
แสงตะวันยามสายัณห์ย้อมแสงสีทองให้กับเหล่าหิมะสีขาวแวววาว
ลูกศิษย์หนุ่มสาวมากมายจ้องมองหิมะเหล่านี้ด้วยความตะลึงระคนแปลกใจ
ช่วงเวลาเช่นตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาหิมะตก ฤดูกาลเปลี่ยนผันรวดเร็วเกินไปแล้วกระมัง
อันหลินเองก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ก่อนหน้านี้อากาศยังสดชื่นท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทำไมจู่ๆ ถึงมีหิมะตกลงมาได้ล่ะ
แถมเขายังรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป รอบข้างเงียบเชียบเหลือเกิน
ในขณะนั้นเอง ชั้นเมฆสีแดงก่ำกลางท้องฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหว บรรยากาศหนักอึ้งน่ากลัวสุดแสนโรยตัวลงมาจากเบื้องบน อันหลินรู้สึกลมหายใจติดขัด ความรู้สึกปานจะหยุดหายใจยามเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ลุกลามไปทั่วร่าง
ความรู้สึกเช่นนี้…เป็นเหมือนครั้งที่ประจันหน้ากับราชาอ้านเย่ในคราวนั้น!
“ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
อันหลินเงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นชั้นเมฆค่อยๆ แยกออกพอดี วิหคน้ำแข็งยาวร้อยจั้งเล็ดลอดออกมาประหนึ่งเป็นกระบี่คม พุ่งตรงไปยังยอดเขาแสงสวรรค์!
“นางมารร้ายสามหาว! บังอาจบุกสำนักเซียนหมื่นชีวิตของเรา ตายเสียเถอะ!” เสียงตะโกนดุจเสียงอสนีบาต
พลังอันยิ่งใหญ่นับสิบกว่ากลุ่มบนยอดเขาแห่งสวรรค์เริ่มปะทุ พลังเซียนที่สว่างเจิดจ้าเส้นแล้วเส้นเล่าเริ่มจู่โจมวิหคน้ำแข็งตัวนั้น
ครืน!
การโจมตีที่ทรงอานุภาพฉีกทึ้งวิหคน้ำแข็งร้อยจั้งจนย่อยยับ
แต่ทว่า ผู้คนยังไม่ทันได้หายใจ มังกรน้ำแข็งยาวหลายร้อยจั้งเก้าตัวก็เริ่มพุ่งทะลวงชั้นเมฆ มาเยือนปฐพีด้วยพลังอานุภาพมหาศาล
มังกรน้ำแข็งมืดฟ้ามัวดิน ด้านหลังพวกมันมีเชือกสีทองหลายเส้นกำลังลากบัลลังก์อันเย็นเยียบอยู่
มีหญิงรูปโฉมงามสะคราญ สองตาหลับพริ้ม ถือไม้คทาวิเศษสีขาวนั่งอยู่บนบัลลังก์
ด้านหลังของนางมีผู้หญิงผมงามร่วมร้อยถืออาวุธยืนอยู่อย่างนอบน้อม แลดูแข็งแกร่ง
อันหลินมองขบวนทัพนี้ ขาเริ่มสั่นเทาขึ้นมา
หรือขบวนนี้จะยกทัพมาบุกโจมตีสำนักเซียนหมื่นชีวิต แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ชัดเจนว่าไม่ใช่สงครามที่เขาจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ จึงครุ่นคิดว่าจะหนีไปทางไหนดีทันที
ขณะนั้นเอง ก็มีผู้แข็งแกร่งจากยอดเขาอื่นๆ ขี่กระบี่เฮโลกันมา ท่าทางศึกใหญ่ครั้งนี้จะบังเกิดเป็นแน่แท้
ในบรรดาคนเหล่านี้ มีหลายคนที่มีกลิ่นอายน่ากลัวอย่างยิ่ง พวกเขาเป็นเจ้าแห่งยอดเขาของยอดเขาทั้งห้า แต่ละคนล้วนมีความสามารถระดับหวนสู่ความว่างเปล่า
ยอดเขาฟ้าสมาน ชายชราผมและเคราขาวโพลนเปิดตาฝ้าฟางขึ้น เดินเหินเวหามา มีเมฆหมอกกลุ่มใหญ่ตามมาด้านหลัง
ยอดเขาจิตวิญญาณแห่งพสุธา ชายวัยกลางคนเนื้อตัวดำเมี่ยมฉีกมิติจนเป็นรอยแยก ปรากฏตัวบนยอดเขาแสงสวรรค์ในพริบตา
บนยอดเขาเมฆสีที่มีแต่ลูกศิษย์หญิง หญิงรูปงามสวมชุดสีชาดคนหนึ่ง เท้าย่ำงูบินเพลิงทองที่ส่องแสงสีทองสว่างไสว ทุกครั้งที่ขยับ จะข้ามไปไกลหลายร้อยจั้ง มาเยือนด้วยความเร็วยิ่งปานแสงกะพริบ
ยอดเขานภาลัย ยอดเขาอันดับหนึ่งแห่งสำนัก ร่างของชายงามสง่าสวมชุดขาวคนหนึ่งเลือนหายไป จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีขาว ส่งเสียงแผดร้องดุจมังกรคำรามเก้าสวรรค์
บนยอดเขาแสงสวรรค์ หญิงชราที่มีลักษณะลุ่มลึกนางหนึ่งทอดมองบัลลังก์เย็นเยียบกลางอากาศ เอ่ยเสียงเนิบนาบว่า “สังฆราชินีเทพหิมะ ไม่คิดเลยว่าจนบัดนี้เจ้าจะยังลอบเฝ้ามองหอน้ำแข็งสยบปีศาจอยู่ ไม่เห็นหัวสำนักเซียนหมื่นชีวิตของเรางั้นหรือ”
หญิงผมเงินบนบัลลังก์น้ำแข็งลืมตาขึ้น
ดวงตาของนางเป็นสีทองบริสุทธิ์ ความน่าเกรงขามเริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วผืนแผ่นดิน ทำให้สรรพสิ่งก้มหัวศิโรราบ
เสียงเรียบดังขึ้น “เจ้าสำนักเซวียนหยวนหลุนถูกจักรพรรดินีควบคุมตัว ผู้อาวุโสเทียนอู่จวินอยู่ในช่วงสุดท้ายของการจำศีล ต่อให้หอสยบปีศาจถูกช่วงชิง เขาก็ไม่มีทางออกมาได้ ฉะนั้น…สำนักเซียนหมื่นชีวิตของพวกเจ้าไม่มีผู้มีฝีมือแล้ว!”
“สามหาว!” มีเสียงตวาดของชายคนหนึ่งแว่วมา
จากนั้นลำแสงสีขาวพาดผ่านฟากฟ้า พุ่งไปฟันมังกรน้ำแข็งทั้งเก้าพร้อมกับอานุภาพอันไร้เทียมทาน
ตูม!
ชั่วขณะที่ลำแสงสาดซัด ผืนฟ้าก็กลายเป็นสีขาวโพลน ให้แสงสว่างแก่ยามพลบค่ำ
เจ้าแห่งยอดเขานภาลัยลงมือแล้ว!
เสียงคำรามของมังกรดังก้องท้องฟ้า ใบมีดน้ำแข็งมากเหลือคณานับ พายุม้วนตัวไปทั่วฟ้าดิน
แม้แต่หิมะเต็มผืนนภาที่ลอยล่องกลางเวหา ก็กลายเป็นใบมีดคมที่อันตรายอย่างยิ่ง เริ่มพุ่งไปจู่โจมเหล่าลูกศิษย์แห่งยอดเขาแสงสวรรค์
ทั่วทุกหนแห่งเย็นเยือกไร้ชีวิตชีวา!
หญิงผมเงินยาวสลวยคนแล้วคนเล่ากระโดดลงมาจากเบื้องบน พวกนางงดงามหยาดเยิ้ม ท่วงท่าอรชรอ้อนแอ้น แต่ละนางล้วนมีพลังระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณและระดับแปลงจิต
อันหลินเห็นว่าสงครามปะทุแล้ว จึงตั้งใจว่าจะขี่ก้อนอิฐสีดำหนีออกจากยอดเขาแสงสวรรค์โดยไม่ลังเล!
ศึกระดับนี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงผมเงินไม่ทราบชื่อคนไหน ก็อาจจะฆ่าเขาได้ทั้งนั้น
ขณะที่เขากำลังจะกระโดดขึ้นก้อนอิฐ ก็เห็นชายผมเงินที่พบเจอก่อนหน้านี้ กำลังไต่ขึ้นไปตามทางเขาอย่างเชื่องช้า
เห็นแก่ที่ชายคนนี้เคยมอบดอกไม้ให้เขา จึงเอ่ยปากทันควันว่า “สหาย สงครามข้างบนน่ากลัวเหลือเกิน เจ้าจะไปทำไมอีก”
หากจะเข้าร่วมสงครามจริง ต้องขี่กระบี่ขึ้นไปเป็นแน่ ถ้าแม้แต่กระบี่ยังขี่ไม่เป็น จะไปร่วมรบทำบ้าอะไร ไปถึงที่นั่น แม้แต่หิมะกลางอากาศก็ฆ่าเขาได้
ชายหนุ่มผมเงินเห็นอันหลิน จึงยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ข้าแค่ขึ้นไประเบิดพลีชีพ ทำหน้าที่ระเบิดหอสยบปีศาจของสำนักเซียนหมื่นชีวิตเท่านั้น”
อันหลินอ้าปากหวอ ใบหน้าตื่นตะลึง
การคาดเดาที่น่ากลัวอย่างยิ่งผุดขึ้นในใจเขา ไม่…มันไม่ใช่การคาดเดาแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วไม่เหมือนว่าชายผมเงินกำลังล้อเล่น!
“อะแฮ่ม…ถ้างั้นพี่ชาย เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ ข้าขอตัวก่อนล่ะ…” มุมปากของอันหลินกระตุก พูดอย่างลุกลี้ลุกลน
ขณะที่เขากำลังขี่ก้อนอิฐลอยขึ้นนั้น เสียงของชายผมเงินก็ดังขึ้นข้างหลังอีกครั้ง “เดี๋ยว”
อันหลินสะดุ้ง หยุดลงแต่โดยดี
เขาไม่กล้าไปต่อนี่นา ผู้ก่อการร้ายที่รับผิดชอบภารกิจสำคัญอย่างการระเบิดพลีชีพแบบนี้ อย่างน้อยๆ ก็คงจะพอมีความสามารถอยู่บ้างละมั้ง เขายอมเชื่อฟังแต่โดยดีดีกว่า
อันหลินเหลียวมองอย่างสั่นๆ พูดอย่างเชื่องช้าว่า “พี่ชาย…มีธุระอะไรอีกหรือ”
“ขอบใจที่เป็นห่วง” ชายผมเงินพยักหน้าให้อันหลินอย่างจริงจัง
อันหลิน “…”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก อันที่จริง…การมีชีวิตอยู่มันดีมากไม่ใช่หรือ ไยต้องระเบิดพลีชีพด้วยเล่า” อันหลินรู้สึกว่าศัตรูคนนี้จะคุยง่ายมากทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงอยากพยายามให้ถึงที่สุดสักหน่อย
ชายผมเงินส่ายหน้า “การมีชีวิตอยู่ดีมากก็จริง แต่ข้าไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง”
เขาพยักหน้าให้อันหลินตามมารยาท จากนั้นก็เดินขึ้นเขาต่อไป
พลังอันน่ากลัวกลางท้องฟ้า ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง จะเห็นหญิงที่ถูกขนานนามว่าสังฆราชินีเทพหิมะคนนั้นกลางเวหาอันไกลโพ้นอยู่รำไร ความสามารถน่ากลัวยิ่งนัก ประมือกับเจ้าแห่งยอดเขาระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสามคนเพียงลำพัง แต่กลับไม่เสียเปรียบเลย
ผู้หญิงที่มีท่าทางเหมือนองครักษ์สองคนข้างกายนาง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหวนสู่ความว่างเปล่าเช่นกัน สู้รบปรบมือกับเจ้าแห่งยอดเขาสองคนอย่างไม่มีใครยอมใคร
ค่ายกลพิทักษ์สำนักถูกกระตุ้น แสงทองปกคลุมไปทั่วสำนักเซียนหมื่นชีวิต ปกป้องลูกศิษย์ภายในสำนัก
แสงทองคุ้มกันแบบนี้ ทำให้เหล่าศิษยานุศิษย์ได้รับพลังปราณธรรมชาติอย่างรวดเร็ว และเสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับภูมิต้านทานของพวกเขา เพิ่มพลังต่อสู้ของพวกเขาในระดับหนึ่ง
ภูตพิทักษ์ค่ายกลเป็นกิเลนสีทองตัวหนึ่ง และเปิดฉากต่อสู้อันสะเทือนปฐพีกับมังกรน้ำแข็งทั้งเก้าด้วยเช่นกัน
อันหลินรู้ว่าสงครามที่ดูคล้ายขิงก็ราข่าก็แรงเช่นนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะการระเบิดพลีชีพของชายผมเงินคนนั้น
เพียงแต่ว่า…ข้อมูลสำคัญที่กำหนดชะตาของสงครามแบบนี้ ทำไมถึงได้บอกให้คนที่อยู่ฝ่ายศัตรูอย่างเขาฟังล่ะ
อันหลินส่ายหน้าหวือ ไม่ว่าจะมีอุบายซุกซ่อนอยู่หรือไม่ เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องนี้กับเซวียนหยวนเฉิงก่อน หากสายไปจะไม่ทันการ
เมื่อนึกได้ดังนั้น เขาจึงรีบหยิบยันต์สื่อจิตออกมา ติดต่อเซวียนหยวนเฉิงทันที
เมื่อติดต่อได้แล้ว ก็มีเสียงต่อสู้ดังอึกทึกแว่วมาจากปลายทาง
อันหลินยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของเซวียนหยวนเฉิงก็ดังขึ้นมา
“นี่ อันหลิน ตอนนี้สาวหิมะบุกมา เพื่อความปลอดภัย เจ้ารีบหนีออกจากสำนักเซียนหมื่นชีวิตให้เร็วที่สุด!”
“พี่เฉิง เจ้าฟังข้าพูดก่อน มีชายผมเงินคนหนึ่งจะขึ้นยอดเขาแสงสวรรค์เพื่อ…”
ตูม!
เสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังลอดยันต์สื่อจิตมา จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย…
มุมปากของอันหลินกระตุก “ต้องโอเวอร์ขนาดนี้เลยเหรอ”
เขาเหลียวมองยอดเขาแสงสวรรค์ ที่นั่นมีพลังเซียนนับไม่ถ้วนส่องแสงเจิดจ้า งดงามยิ่งกว่าแสงแดด ณ ขอบฟ้ามากโข แต่มันเป็นความงามที่อันตรายถึงชีวิต
จะไปดีไหม
เมื่อนึกถึงคำพูดของเซวียนหยวนเฉิงที่ลอดผ่านยันต์สื่อจิต อันหลินก็กัดฟัน แววตาฉายความเด็ดเดี่ยว สุดท้ายก็ตัดสินใจขี่ก้อนอิฐมุ่งหน้าไปทางยอดเขาแสงสวรรค์