เฉินชิงหางถูกจับตัวเข้าหอสยบปีศาจ ส่วนความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ และความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเมิ่งจือก็ถูกลบเลือนไปช้าๆ
ภายในหอไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงความมืดสลัว
เขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงนอนหลับใหล
เมื่อหลับไป ตื่นมาคราวหน้า เขาก็คือเฉินชิงหางอย่างแท้จริงแล้วสินะ…ไม่ใช่ปิงฝู ไม่ใช่ของเล่นของเมิ่งจู แต่มีชีวิตอยู่ต่อไปในฐานะความภาคภูมิใจของสำนักเซียนหมื่นชีวิต
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
เขาได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว สติเริ่มคืนกลับมาช้าๆ…
เฉินชิงหางฟื้นแล้ว ลุกขึ้นจากกองผลึกสีขาวที่แตกละเอียด
จากนั้นเขาก็เห็นยอดเขาแสงสวรรค์ที่ถูกพายุหิมะถล่ม ซากศพมากเหลือคณานับที่นอนเกลื่อนกลาด เห็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากมายกำลังจดจ้องเขา
เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า เมื่อเห็นร่างที่กำลังรบราฆ่าฟันกันเหล่านั้น ในที่สุดก็ตื่นจากภวังค์ ยิ้มอย่างขมขื่น “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…”
ไม่นาน ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็ก้าวออกมา ตะโกนถามเขาเสียงดังว่า
“เจ้าคือเฉินชิงหางหรือปิงฝู!”
เฉินชิงหางหรือ…ปิงฝูงั้นหรือ
ความทรงจำค่อยๆ ผุดขึ้นมาในสมอง อดีตเหล่านั้นยังคงชัดเจนแจ่มแจ้ง
เขานิ่งงัน จากนั้นก็เบิกตากว้าง จ้องเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก ตะโกนเสียงดังลั่นเช่นเดียวกันว่า “พวกท่านทำงานกันอย่างไร ไหนเล่าที่บอกว่าจะลบความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์แดนเหมันต์ให้ข้า ทำไมตอนนี้ข้าถึงยังจำได้ชัดเจนเช่นนี้!”
เหล่าผู้อาวุโสของสำนัก “…”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีธารน้ำแข็งยาวสุดลูกหูลูกตาโอบล้อมเจ้าแห่งยอดเขาสามคนไว้
หญิงผมงามที่มีรูปโฉมสะคราญคนหนึ่งเหาะลงมาจากท้องนภา มาโผล่ตรงหน้าเฉินชิงหางแล้วกอดเขาไว้แน่น
นางก็คือเมิ่งจือ สังฆราชินีองค์ปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์
“ของเล่น ข้ามารับเจ้ากลับไปแล้ว ไปกันข้าเถอะ ได้ไหม…”
สังฆราชินีที่ยืนตระหง่าน ณ ขอบฟ้า ประมือกับยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสามคนเพียงลำพังก่อนหน้านี้ บัดนี้กลับทึ้งเสื้อของเฉินชิงหางแน่นประหนึ่งหญิงสาวคนหนึ่ง ทั้งตื่นเต้นและกระวนกระวาย
เฉินชิงหางได้สติ ผลักเมิ่งจือออก “ไม่…พ่อข้ายังอยู่ที่นี่ ข้ารับปากเขาแล้วว่าจะไม่ไปจากสำนักเซียนหมื่นชีวิต”
“ใครบอกว่าพ่อเจ้าอยู่ที่นี่ ตอนนี้พ่อเจ้าถูกข้าจับไปยังวังเทพหิมะแล้ว” เมิ่งจือหลบสายตา พูดด้วยความรู้สึกผิด
“หา” เฉินชิงหางเบิกตากว้างอีกครั้ง
“อืม…คราแรกข้าตั้งใจจะใช้พ่อเจ้ามาแลกกับตัวเจ้า แต่สำนักเซียนหมื่นชีวิตไม่ยอม ข้าจึงขังพ่อเจ้ามาตลอด…” ยิ่งพูดเสียงของเมิ่งจือก็ยิ่งอ่อนลง ราวกับเป็นเด็กผู้หญิงที่กระทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น
มุมปากของเฉินชิงหางกระตุก หากความทรงจำของเขาถูกลบล้าง ต้องลงมือจัดการสังฆราชินีองค์นี้โดยไม่ลังเลแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้…
“เอาเถอะ ข้ายอมกลับไปกับเจ้า แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่า เมื่อถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์แล้ว จะปล่อยตัวพ่อข้า” เฉินชิงหางพูดเสียงเข้ม
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ในแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ นอกจากจักรพรรดินีแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้า!” เมิ่งจือยิ้มหวานหยด ดวงตาจับจ้องชายคนตรงหน้า ยังเป็นเฉกเช่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ตูม!
เจ้าแห่งยอดเขาทั้งสามบนนภาทลายธารน้ำแข็ง ได้เห็นเฉินชิงหางกับเมิ่งจือ อากัปกิริยาก็เริ่มถมึงทึงขึ้นมา
“ชิงหาง อย่าหลงงมงายอีกเลย เจ้าต้องรู้ว่า หากเจ้ายังตัดสินใจผิดพลาดอีก ต่อไปสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็ไม่มีที่ให้เจ้าอยู่อีกแล้ว!” หญิงชราแห่งยอดเขาแสงสวรรค์กำคทาแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
คนที่นางชื่นชมมากที่สุดในสำนักเซียนหมื่นชีวิตก็คือเฉินชิงหาง คนที่รู้สึกปวดใจที่สุดก็เป็นเขาเช่นกัน
เฉินชิงหางเงยหน้ามองหญิงชรา ส่งยิ้มอ่อนโยน “ยายเฒ่าเซียว ขอบคุณที่ท่านคอยดูแลเสมอมา เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ข้าจำต้องเลือกทางนี้”
“ไปกันเถอะ…” เขาหันหน้ามองเมิ่งจือ
เมิ่งจือพยักหน้ารัวๆ เรียกมังกรน้ำแข็งทั้งเก้าที่กำลังต่อสู้กับภูตพิทักษ์ค่ายกลกลับมา พาเฉินชิงหางพุ่งทะลุค่ายกล หลบหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ผู้ที่ติดตามอยู่ข้างหลัง คือเจ้าแห่งวังระดับหวนสู่ความว่างเปล่าสองนาง รวมถึงสาวหิมะที่ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลืออีกหลายสิบชีวิต
เจ้าแห่งยอดเขาและเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้ตามล่า หากพ้นจากอาณาเขตคุ้มกันของค่ายกล พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งจือ
ศึกครานี้ พวกเขาปราชัย…
ดวงอาทิตย์ลาลับเส้นขอบฟ้าแล้ว ดวงดาราพร่างพรายเต็มนภาเริ่มปรากฏให้เห็น
ยอดเขาแสงสวรรค์ถูกสงครามใหญ่ทำลายราบเป็นหน้ากลอง ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยหลุมและรอยแตก รอยแยกอันน่าตะลึงทั้งหลายแหล่ชวนให้รู้สึกเหมือนจะตกลงไป
หากเหล่าเจ้าสำนักระดับหวนสู่ความว่างเปล่าไม่ชักนำศึกขึ้นฟ้า เกรงว่ายอดเขาแสงสวรรค์ต้องสูญสิ้นเป็นแน่แท้
อันหลินในฐานะผู้สัญจรได้สัมผัสกับสงครามที่น่าสะพรึงกลัวครั้งนี้ มันเป็นความรู้สึกราวกับจะตายให้ได้ทุกเมื่อ
โชคดีที่สังฆราชินีเพียงแค่มาชิงตัว ไม่ได้รบให้ตายกันไปข้างหนึ่ง มิเช่นนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หลังสงครามสิ้นสุดลง ลูกศิษย์บางส่วนของสำนักทำหน้าที่เก็บกวาดความพินาศย่อยยับ
อันหลินทำหน้าที่ส่งเซวียนหยวนเฉิงกับทังซือหยวนไปที่สถานพยาบาลของสำนัก พวกเขาทั้งสองบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส จำต้องใช้ค่ายกลเฉพาะในการรักษา
เมื่อเห็นทุกคนเข้าสู่สถานพยาบาลแล้ว อันหลินถึงหายใจได้เต็มปอด ออกจากสถานพยาบาล
จากนั้นเขาก็เจอเจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋ ยังดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน
ต้าไป๋นอนสลบไสล ไม่รู้เรื่องสงครามสะท้านปฐพีเลยสักนิด ส่วนเจ้าอัปลักษณ์ไม่ได้รับคำสั่งจากอันหลิน จึงไม่ได้ลงมือตามอำเภอใจ
หลังรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาไม่เป็นอะไร อันหลินก็เริ่มเที่ยวเตร่
เขากลับมายังยอดเขาแสงสวรรค์อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
บ่ายวันนี้ยังเที่ยวชมทิวทัศน์ ชื่นชมว่ายอดเขาแสงสวรรค์สมกับเป็นยอดเขาที่งามที่สุดในบรรดายอดเขาทั้งห้า ไม่คิดเลยว่าเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งวัน ที่นี่จะกลายเป็นซากปรักหักพัง กลายเป็นยอดเขาที่อัปลักษณ์ที่สุดในบรรดาห้ายอดเขา
เขานอนอยู่บนเนินหินขนาดใหญ่ ทอดมองดวงดาวพราวระยับบนท้องฟ้า ปล่อยให้ความคิดโลดแล่นไปไกล
ทำไมชายผมเงินต้องบอกเรื่องระเบิดพลีชีพกับตนด้วย ทำไมความทรงจำของเฉินชิงหางถึงไม่ถูกลบเลือน เรื่องพวกนี้เขาไม่อาจรู้ได้เลย
สงครามที่เกิดขึ้นกะทันหัน มีลูกศิษย์สำนักล้มตายกันระนาว แม้แต่ผู้อาวุโสก็สิ้นชีพไปหลายคน
จางเหยียน อัจฉริยะแห่งรุ่นหนุ่มสาวที่เขาเพิ่งรู้จัก ก็กลายเป็นเถ้าธุลีท่ามกลางระเบิดพลีชีพอันน่ากลัวนั่น
อดพูดไม่ได้ว่า นี่แหละหนอความโหดเหี้ยมของศึกแห่งวงการบำเพ็ญเซียน ไม่แน่ว่าอาจมียอดฝีมือคนหนึ่งโผล่พรวดออกมา ไม่ถูกชะตากับตน ฟาดตนให้ตายในฝ่ามือเดียวก็เป็นไปได้
“เฮ้อ…ทั้งๆ ที่อยู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว ทำไมถึงยังรู้สึกอ่อนแออยู่ดี” อันหลินลอบรำพันกับตัวเอง
เขาคิดว่าตัวเองเหมือนโคนัน ไปที่ไหนเกิดเรื่องที่นั่น แถมส่วนใหญ่ก็เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงถึงชีวิตอีกด้วย
ทั้งที่อยู่ในวัยข่มระดับกายแห่งมรรค แต่ศัตรูที่พบเจอกลับเป็นยอดฝีมือระดับแปลงจิตและหวนสู่ความว่างเปล่า จะให้มีชีวิตอยู่อย่างไร
พอคิดถึงปัญหาประการนี้ เขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้
ไม่รู้เพราะเหตุใด แววตาของเขาเริ่มสังเกตเห็นดวงดาวที่ไม่กะพริบดวงหนึ่ง
ดาวดวงนั้นกลมกลึง แสงค่อนข้างนวลสว่าง ประดุจดวงจันทร์ดวงเล็กๆ มันประดับประดาอยู่บนท้องฟ้า นิ่งไม่ไหวติง
“ดาว…ดาวดวงนี้พิเศษมาก คงไม่ใช่ดาวปลอมหรอกนะ” อันหลินเผลอบ่นโดยไม่รู้ตัว