อันหลินจ้องดาวดวงนั้นไม่วางตาอยู่สิบนาทีเต็มๆ สุดท้ายก็เริ่มง่วงงุน
อันที่จริงหลังผ่านสงครามวันนี้ เขาเหนื่อยล้ากายใจนานแล้ว ตอนนี้เมื่อผ่อนคลายแล้ว ความง่วงก็แล่นพล่าน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ขี่ก้อนอิฐกลับไปพักผ่อน
จันทราลาลับ ดวงตะวันลอยขึ้น ไม่นานก็ต้อนรับวันใหม่
เขาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือใบหน้าของเจ้าอัปลักษณ์
เมื่อได้เห็น ก็ช่างกระตุ้นสมองได้ดีเสียจริง เขาไม่ต้องล้างหน้าด้วยซ้ำ ก็กระปรี้กระเปร่าในพริบตา
“มาจ้องข้าแต่เช้าทำไม!” อันหลินสะดุ้งโหยง พูดอย่างตกใจ
เจ้าอัปลักษณ์เกาหูเกาหัว เอ่ยปากว่า “เมื่อครู่ต้าไป๋กำชับข้าไว้ว่า วันนี้มันจะไปซ่องนางโลม บอกข้าว่าให้บอกเจ้าเมื่อเจ้าตื่น”
“ซ่องนางโลมหรือ!” อันหลินถลึงตาโต “สุนัขหรือมนุษย์”
ใบหน้าของเจ้าอัปลักษณ์กระตุกแล้วตอบว่า “พี่อัน เจ้าโตจนป่านนี้ เคยเห็นสุนัขเป็นนางโลมด้วยหรือ”
เมื่ออันหลินได้ฟังก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
รสนิยมทางเพศของต้าไป๋มีปัญหาจริงๆ ด้วย ทำไมมันถึงนึกสนใจหญิงงามล่ะ นี่มันไม่ใช่โลกแห่งสัตว์แล้ว!
ตัวอย่างเช่นอันหลิน ต่อให้สุนัขตัวเมียจะงดงามดุจบุปผา เขาก็ไม่มีทางเกิดความสนใจในตัวมัน อย่างมากก็ชมว่าสุนัขตัวนี้สวยจังเลย
แต่ว่า…ต้าไป่กลับไปเที่ยวซ่องนางโลม จิตใจทำด้วยอะไรน่ะ!
“ไม่ได้การ ข้าต้องไปดูสักหน่อยว่าต้าไป๋จะทำอะไรกันแน่!” อันหลินลุกขึ้น สีหน้าขึงขัง
ในฐานะของเจ้านาย เขาคิดว่าจำเป็นต้องแก้ไขรสนิยมทางเพศของสัตว์เลี้ยง
มิเช่นนั้นเมื่อถึงเวลา ต้าไป๋พามนุษย์กลับสำนักสัตว์เทพ บอกไป๋เซียนว่าเป็นเมียของมัน เช่นนั้นอันหลินที่เป็นเจ้านาย ต้องถูกไป๋เซียนเขมือบแน่!
อันหลินพูดเสียงจริงจังว่า “ต้าไป๋ไปซ่องไหนเจ้ารู้หรือไม่”
เจ้าอัปลักษณ์ส่ายหน้าหวือ “อยู่ในละแวกเขตสือฮวา แต่เป็นซ่องไหนแน่ข้าไม่รู้”
“ดี เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ”
พูดจบ อันหลินก็กระโดดขึ้นก้อนอิฐสีดำแล้วพุ่งขึ้นฟ้า
เขตสือฮวาเป็นเขตเมืองที่ใกล้สำนักเซียนหมื่นชีวิตที่สุด ว่ากันว่าสตรีที่นี่ผิวขาวผ่องเป็นยองใย เอวบางร่างน้อย ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงเป็นเขตเมืองที่แคว้นสือหลงยอมรับว่ามีหญิงงามอยู่เนืองแน่นที่สุด
เมื่อมากด้วยหญิงงาน สถานที่พลอดรักของชายหญิงจึงมากตามไป
อันหลินคาดการณ์ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา สถานที่เช่นนี้ในเขตสือฮวาคงจะมีไม่ต่ำกว่าสามสิบแห่ง
แต่โชคดีที่ว่า เขาไม่จำเป็นต้องไล่หาที่ละแห่ง
เพราะเขากับต้าไป๋มีพันธะสัญญาสัตว์เลี้ยงกันแล้ว ขอเพียงทั้งคู่อยู่ในรัศมีสิบลี้ ก็จะรับรู้ตำแหน่งของกันและกันได้
ด้วยเหตุนี้ อันหลินจึงมายืนตรงหน้าหอธารวสันต์
เขามองหอที่กินเนื้อที่กว้างขวาง มุมปากยิ้มแสยะ “หึ…รสนิยมดีจริงๆ คงจะเป็นซ่องที่ดีที่สุดของเขตสือฮวาแล้วละมั้ง”
“โธ่ถัง คุณชายท่านนี้พูดอะไรน่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ชอบธรรม เหล่าสตรีขายศิลปะหาใช่เรือนร่าง เป็นสถานที่แสดงศิลปะ สร้างความรื่นรมย์ให้ลูกค้า!” หญิงวัยกลางคนแต่งตัวฉูดฉาดยั่วยวนเขยิบเข้ามาใกล้อันหลินแล้วพูดเช่นนี้
“สิบหินวิญญาณพอไหม” อันหลินเอ่ยถาม
“โธ่คุณชาย ท่านเข้ามาฟังสาวๆ ขับร้อง บรรเลงพิณก่อนเถอะ” แม่เล้ากล่าวพลางยิ้มกริ่ม
“หนึ่งร้อยหินวิญญาณ” อันหลินพูดต่อ
สีหน้าของนางเปลี่ยนไป กระซิบว่า “ท่านต้องการผู้หญิงแบบไหน นอกจากดาวเด่นของเราแล้ว ที่เหลือได้ทั้งหมด”
เป็นอย่างที่คิด…ที่นี่แตกต่างจากหอบุปผาวายุที่เขาเคยไปก่อนหน้านี้ ที่นี่เป็นซ่องนางโลมจริงๆ…
“ข้าขอเข้าไปดูก่อนแล้วกัน” อันหลินพยักหน้าแล้วก้าวผ่านประตูเข้าไปข้างใน
หญิงคนนั้นมองออกว่าการแต่งกายและลักษณะของอันหลินล้วนไม่ธรรมดา จึงรีบตามหลังไปติดๆ แนะนำหญิงงามแก่เขา
ขณะเดียวกันในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง สุนัขสีขาวขนปุกปุยนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ กำลังดื่มสุราสรวลเสเฮฮากับเหล่าหญิงโฉมสะคราญ
“พี่ไป๋ ทำไมข้าได้ดื่มอีกแล้วล่ะ…” หญิงชุดมรกตหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง พูดอย่างเขินอาย
“ฮ่าๆ ๆ การละเล่นอย่างไรเล่า แพ้แล้วก็ต้องยอมรับ โฮ่ง!”
ต้าไป๋นั่นเอง ดวงตากลมโตสุกใสของมันจดจ้องหญิงชุดขาวไม่วางตา ลิ้นห้อย พูดจาระริกระรี้
ต้าไป๋มองจนขาสั่นระริก ใบหน้าตื่นเต้น อุ้งมือคู่นั้นยังลอบจู่โจมแผ่นหลังของหญิงสาวคนนั้นกะทันหันอีกด้วย
“โอ๊ย พี่ไป๋ร้ายจริงๆ!” หญิงรูปร่างยวนตาโอดคราวญเสียงออดอ้อน
เมื่อต้าไป๋ได้ยินเสียงนี้ก็ฮึกเหิมใจยิ่งนัก “โฮ่ง! พวกเจ้าเล่นต่อ! เสี่ยวจื่อ อย่าหยุดบรรเลงเพลงนะ!”
หญิงชุดม่วงอีกด้านหนึ่งก็พยักหน้าอย่างขวยเขิน ขับขานบทเพลงขึ้นมาอีกครั้ง
ต้าไป๋จึงเริ่มเล่นต่อด้วยความรื่นเริง
จากนั้น…หญิงที่สวมตู้โตว[1]สีแดงแพ้
ต้าไป๋กลืนน้ำลายเอื๊อก ถามอย่างลุ้นระทึกว่า “เจ้าจะดื่มหรือว่า…”
หญิงสวมตู้โตวสีแดงหน้าแดงเรื่อ ลูบไล้เรือนร่างของตน เอ่ยถามอย่างอ้อนออดว่า “พี่ไป๋คิดว่าอย่างไรเล่า”
“โฮ่งๆ ๆ!” ขาทั้งสองข้างของต้าไป๋ยกขึ้นพลางแผดเสียงดังลั่น
โครม!
ประตูถูกแตะจนเปิดอ้า “โฮ่งบ้าโฮ่งบออะไร!”
“ใครบังอาจทำลายอารมณ์อันสุนทรีย์ของข้า โฮ่ง!” ต้าไป๋กำลังชมถึงจุดตื่นเต้นเร้าใจ แต่กลับถูกรบกวน จึงอดโกรธกริ้วไม่ได้
“ข้าเอง” ชายหนุ่มเดินเข้าไป จ้องต้าไป๋อย่างเย็นชา
เมื่อต้าไป๋เงยหน้ามอง ขาสองข้างก็สั่นระริก “พี่…พี่อัน เจ้ามาได้อย่างไร!”
ผู้มาเยือนคืออันหลินนั่นเอง เขาเข้ามาก็เห็นหญิงสาวมากมายรุมล้อมพะเน้าพะนอสุนัขสีขาวตัวเขื่อง
เหตุการณ์ในตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเอง ก็อดเหม่อลอยไม่ได้เช่นกัน
แม่เล้าที่เดินตามอันหลินมาพบว่าสุนัขที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายตัวนั้น ขานชายคนตรงหน้าว่าพี่อัน ใบหน้าก็ทอความเคารพนับถือยิ่งกว่าเดิม แถมยังแอบส่งสัญญาณให้สาวใช้ข้างตัวไปเรียกดาวเด่นแห่งหอธารวสันต์มาอีกด้วย
“ข้ามาเยี่ยมเยือนสถานที่เสวยสุขของเจ้า คงไม่ได้รบกวนเจ้าหรอกนะ” อันหลินฉีกยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับไม่สู้ดีเอาเสียเลย
“พี่อันเดินทางมาเยี่ยมเยือน จะรบกวนได้อย่างไร มาเลย มาเล่นสนุกด้วยกัน มาเสพสุขด้วยกัน!” ต้าไป๋กระโดดลงจากเก้าอี้ ใช้ขนขาวปุกปุยของมันถูไถตามตัวอันหลินอย่างประจบเอาใจ
มาเสพสุขด้วยกันงั้นเหรอ
อันหลินกุมขมับ ต้าไป๋ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ามันทำอะไรผิดน่ะ
“ว่ามา! ทำไมเจ้าต้องมาที่นี่ด้วย!” อันหลินตวาดเสียงดัง
ดวงตากลมโตของต้าไป๋กะพริบปริบๆ มันพูดว่า “มาเที่ยวซ่องนางโลมอย่างไรเล่า”
อันหลินแน่นหน้าอก แกตอบเถรตรงขนาดนี้ จะให้ฉันตอบแกว่าอย่างไร…
เขาครุ่นคิดคู่หนึ่งแล้วตัดสินใจลองถามด้วยวิธีอื่น “บอกมา! ทำไมเจ้าถึงชอบผู้หญิง แต่ไม่ใช่สุนัขตัวเมีย”
ต้าไป๋ได้ยินก็หน้าขึ้นสี ก้มหน้าอย่างเอียงอายแล้วพูดว่า “หญิงสาวมีรูปโฉมหลากหลาย อรชรอ้อนแอ้น ผิวเนียนเกลี้ยงเกลา…สุนัขตัวเมียนอกจากขนดกแล้วมีอะไรดี เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ข้าย่อมต้องเลือกมนุษย์อยู่แล้ว!”
พูดจบมันก็เหลือบมองหญิงสาวข้างกายด้วยแววตาพราวเสน่ห์
เมื่ออันหลินได้ฟังกลับหน้ามืด คำพูดของต้าไป๋ไม่มีปัญหา และเขาก็เห็นด้วยเช่นกัน
แต่ว่า…คำพูดนี้ออกมาจากปากต้าไป๋ นี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่น่ะ!
มันเป็นคำพูดที่สุนัขควรพูดหรือไง
ต้าไป๋คงไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่งถือกำเนิดใหม่ สิงอยู่ร่างของมันหรอกนะ บางทีอาจเป็นวิญญาณของยอดฝีมือบางคน…ไม่สิ! ยอดฝีมือเสียสติไปแล้วเหรอถึงต้องสิงร่างสุนัขน่ะ…
ขณะที่อันหลินกำลังคิดฟุ้งซ่านนั้น ก็มีเสียงของสาวใช้ดังมาจากด้านนอก “ดาวเด่นหลานเยว่มาแล้ว”
จากนั้น หญิงที่มีท่วงท่าการเดินอันแช่มช้อยก็ผลักประตูเข้ามา พร้อมกับสายลมโชยระลอกหนึ่ง …………..
[1] ตู้โตว คือ เสื้อชั้นในจีนโบราณ