คำพูดที่ชวนให้ตะลึงยังดังวนเวียนอยู่ในโสตประสาท อันหลินอึ้งไปนับสิบวินาที
จากนั้นเขาก็ประเมินชายคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน
อืม…รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเล็กน้อย น่าจะเป็นพี่ชายแท้ๆ…
ฉะนั้นต่อมา ปัญหามาอีกแล้ว คุณเคยเห็นพี่ชายแท้ๆ ช่วยคนอื่นจีบน้องสาวตัวเองไหม
น้องสาวคนนี้ก็ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียด กลับกันเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก จัดอยู่ในประเภทไม่ต้องกังวลว่าจะขึ้นคานเลย
ถ้าอย่างนั้น นี่เป็นความบิดเบี้ยวของสันดานมนุษย์ หรือความต่ำตมของศีลธรรมกันล่ะ
อันหลินจัดการความคิดแย่ๆ เล็กน้อย ส่งกระแสจิตตอบอย่างจริงจังว่า ‘สหายซูซิ่น เจ้ากำลังพูดเล่นใช่ไหม’
ซูซิ่น ‘…’
‘เฮ้อ…เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็ไม่ปิดบังแล้ว’ ซูซิ่นถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า ‘เจ้ารู้จักฉางเอ๋อใช่ไหม’
อันหลินพยักหน้าอย่างพินอบพิเทา
‘ข้าสงสัยว่า…ฉางเอ๋อพาเพศวิถีของอวิ๋นเล่อให้เอนเอียงแล้ว…ข้าจึงต้องการคนคนหนึ่งอย่างเร่งด่วน ให้อวิ๋นเล่อสร้างมุมมองต่อชีวิตและความรักที่ถูกต้อง’ ซูซิ่นพูดอย่างเชื่องช้า สายตาที่มองอันหลินเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
อันหลินได้ยินก็ชะงักก่อน จากนั้นก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
อดพูดไม่ได้ว่า…ความจริงอันหลินก็สังเกตเห็นปัญหานี้นานมากแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ หรือว่า ไม่กล้าใส่ใจเลยสักนิด…
ฉางเอ๋อเป็นใคร นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสรวงสวรรค์เชียวนะ! อา…ข้อนี้ข้ามไป
ฉางเอ๋อเป็นใคร นางเป็นถึงเจ้าแห่งวังจันทรา ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าขั้นสูง!
ศักดิ์ของนางในสรวงสวรรค์เป็นรองเพียงหกเทวราชเท่านั้น เป็นบุคคลที่อันหลินไม่อาจแตะต้องได้เลย
อันหลินจะมีหนทางอะไรได้ เขาไม่กล้ายุ่งกับเรื่องแบบนี้เลยสักนิด!
แม้แต่ความรู้อย่างจูบแล้วไม่ตั้งท้อง อันหลินยังไม่กล้าพูดกับซูเฉี่ยนอวิ๋นเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้กลับจะให้อันหลินไปแย่งซูซูผู้เป็นที่รักของฉางเอ๋องั้นเหรอ
อยู่ดีๆ ก็ดีมากแล้วแท้ๆ…ทำไมต้องคิดสั้นด้วยล่ะ
ซูซิ่นเห็นท่าทีลังเลของอันหลิน นึกว่าเขาน้อยเนื้อต่ำใจ จึงให้กำลังใจทันทีว่า ‘สหายอันหลิน เจ้าบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณตั้งแต่อายุยังน้อย มรรคแห่งกระบี่เป็นหนึ่งในแคว้น…มีเพียงบุรุษที่มีพรสวรรค์เหนือชั้นเช่นนี้ จึงคู่ควรกับอวิ๋นเล่อ ข้าถึงได้สนับสนุนให้พวกเจ้าคบกัน!’
ซูซิ่นชมจนอันหลินเบิกบานใจเป็นอย่างมาก แต่สุขอุรากินแทนข้าวไม่ได้ เขายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป จึงปฏิเสธความหวังดีของซูซิ่นอย่างมีเหตุมีผล
อันหลินทำหน้าหนักแน่น แต่ซูซิ่นกลับแสดงอาการผิดหวัง ซ้ำยังถอนหายใจอย่างแรงอีกด้วย
‘พี่รอง ท่านคุยกับอะไรกับสหายอันหลินน่ะ’ ซูเฉี่ยนอวิ๋นสังเกตเห็นอากัปกิริยาของซูซิ่นกับอันหลินนานแล้ว รู้ว่าพวกเขากำลังส่งกระแสจิตคุยกัน บัดนี้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
อันหลิงมองดวงหน้างดงาม พวงแก้มที่ชุ่มชื้นจนอดไม่ได้อยากจะหยิกสักทีสองที รวมไปถึงนัยน์ตาดุจห้วงความฝัน อดพูดไม่ได้ว่า มันน่าหลงใหลมากจริงๆ
แต่ทว่า ชีวิตก็สำคัญที่สุดอยู่ดี!
สำราญสามปี แม้ประหารก็ไม่เสียดายที่ผู้คนมักจะพูดกันนั้น…หากตัดสินโทษประหารจริง จะคอยดูว่าคุณจะเสียดายหรือเปล่า!
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่อันหลินเตือนตัวเองแบบนี้ จะหวั่นไหวไม่ได้
เขาผินสายตามองเจียงหย่าหนานอีกครั้ง ถ้อยคำอธิบายนั้น ให้ซูซิ่นพี่ชายคนนี้ชี้แจงก็แล้วกัน
วิธีการฝึกฝนจิตแห่งกระบี่ รวมถึงทักษะการใช้จิตแห่งกระบี่เพิ่มอานุภาพแก่เพลงกระบี่ของเจียงหย่าหนาน ก็มีประโยชน์ใช้สอยมากอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยอันหลินก็ได้ประโยชน์มากโข
สิ้นสุดการถ่ายทอดวิชาความรู้ อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นออกจากลานประลองยุทธ์
มีเวลาเหลืออีกสี่วันก่อนส่งมอบแหล่งพลังงานของหุ่นจักรกล อันหลินจึงเอาแต่เที่ยวเตร่ในวังหลวง
ตลอดสี่วันนี้ ซูซิ่นไปหาอันหลินอีกหลายครั้ง ถามอันหลินว่าอยากจีบน้องสาวเขาหรือไม่
“จีบน้องสาวเจ้าหรือ ไม่จีบ!” นี่เป็นคำตอบของอันหลิน
“ไม่จีบหรือ อ้อ เช่นนั้นอีกสักระยะข้าค่อยมาถามใหม่” ซูซิ่นไม่ยอมแพ้
วันต่อมา
“ตัดสินใจได้หรือยัง จะจีบน้องสาวข้าไหม ข้าช่วยเจ้าได้นะ” ซูซิ่นทำหน้าคาดหวัง
“ตัดสินใจแล้ว ไม่จีบ” อันหลินหนักแน่นมาก
ซูซิ่น “…”
วันที่สาม ซูซิ่นมาอีกแล้ว
ซูซิ่น “จีบไหม”
อันหลิน “ต่อให้เหลียงจิ้งหรู[1]ให้ความกล้ากับข้า ข้าก็ไม่กล้าจีบ”
ซูซิ่นทำหน้างงงวย “เจ้าพูดอะไรน่ะ”
อันหลิน “ไม่จีบ”
ซูซิ่น “…”
วันที่สี่
ได้เวลารับสินค้าแล้ว
อันหลินกับซูเฉี่ยนอวิ๋นจูงต้าไป๋กับเสี่ยวหมาน มุ่งหน้าไปที่ห้องวิจัยอย่างมีชีวิตชีวา
เมื่อเปิดประตู แสงไฟหลากสีก็เริ่มสาดส่องไปทั่ว
ศาสตราจารย์หยางสวมเสื้อกาวน์สีขาว ยืนอยู่กลางห้องวิจัยอย่างสุภาพนอบน้อบ คำนับองค์หญิง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่เจือความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดว่า “ยินดีต้อนรับทั้งสอง ลำดับต่อไปจะเป็นช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์แล้ว!”
ขณะที่พูด เขาก็ดึงผ้าขาวออก หุ่นจักรกลโลหะสีเงินก็ปรากฏสู่สายตาของอันหลิน
มันยืนตระหง่านบนผืนดิน ศูนย์กลางของโครงสร้าง แหล่งพลังงานส่องแสงสีทองอ่อน
กลิ่นอายชีวิตที่เป็นดุจชีพจรแผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้มันเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ราวกับเป็นชีวิตที่สดใหม่อย่างไรอย่างนั้น เปี่ยมด้วยพลังชีวิตและจังหวะ
“สมบูรณ์แบบ…” อันหลินจ้องหุ่นยนต์ตรงหน้าไม่วางตา เผลอเอ่ยปากชมโดยไม่รู้ตัว
หุ่นตัวนี้แปรสภาพเสร็จสิ้น เปลี่ยนจากของตายเป็นของวิเศษแล้ว!
สัมพันธ์ทางสายเลือด ทำให้เขาสามารถออกคำสั่งกับหุ่นตัวนี้ได้แล้ว นี่เป็นเค้าลางของการปลุกเครือข่ายเชื่อมจิตได้สำเร็จ
“ปล่อยหมัด!” อันหลินเริ่มออกคำสั่ง
กันดั้มรับคำสั่ง เริ่มปล่อยหมัดอย่างทรงพลังทันที ท่วงท่าคล่องแคล่ว!
หมัดที่มันปล่อยไม่ได้สะเปะสะปะไร้ระเบียบ แต่เป็นหมัดที่ประณีตลึกล้ำอย่างยิ่ง นี่อาจเป็นเพราะระบบภายในของหุ่นยนต์ มันมีวิชาหมัดที่เกี่ยวข้องถูกกักเก็บไว้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“เต้น!” อันหลินพูดต่อด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกันดั้มได้ยินคำสั่ง เนื้อตัวก็เริ่มสั่นเทา บทเพลงถูกปล่อยออกมา
จากนั้น จักรกลและข้อต่อแต่ละส่วนของร่างกายมัน ก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามเสียงดนตรี
นี่เป็นการเต้นป๊อปปิ้งที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ท่วงท่าทั้งเท่และคูล เต็มไปด้วยความรู้สึกทื่อของจักรกล
อันหลินใจเต้นระรัว สมบูรณ์แบบ…สมบูรณ์แบบเหลือเกิน!
แม้แต่ศาสตราจารย์หยางและซูเฉี่ยนอวิ๋นเองก็จ้องการเต้นของกันดั้มไม่วางตา รู้สึกทั้งแปลกใหม่และตกตะลึง
เมื่อเต้นเสร็จแล้ว อันหลินกอดกันดั้มที่มีเนื้อสัมผัสของโลหะไว้แน่น พูดอย่างตื้นตันใจว่า “ต่อไปชื่อของเจ้าก็คือต๋าอี!”
หุ่นจักรกลพยักหน้าราวกับเข้าใจ แต่ศาสตราจารย์หยางกลับอึดอัดอยู่อีกทาง
มอบผลงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบปานนี้ให้ ตั้งชื่อลวกๆ เช่นนี้ เขาช่างปวดใจเสียเหลือเกิน!
ศาสตราจารย์หยางยื่นแหล่งพลังงานอีกชิ้นให้กับอันหลิน
อันหลินติดตั้งแหล่งพลังงานให้กับหุ่นยนต์อีกตัวอย่างตื่นเต้น หุ่นยนต์ตัวนั้นก็ถูกปลุกให้ตื่นแล้วเช่นกัน
“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็คือต้าเอ้อร์!” เขาตั้งชื่อที่ทำให้ศาสตราจารย์หยางทนฟังไม่ได้อีกแล้ว
“หยามกัน หยามกันเกินไปแล้ว!” ศาสตราจารย์หยางเจ็บใจยิ่งนัก
ชื่อที่อันหลินตั้ง ก็เหมือนโมนาลิซาที่ดาวินชีวาดอย่างยากเย็น กลับตั้งชื่อภาพวาดว่าสาวดอกไม้อย่างนั้น นี่มันเป็นการลบหลู่ผลงานศิลปะกันชัดๆ!
ทว่าอันหลินกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เขาเก็บต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ใส่แหวนมิติอย่างพออกพอใจ แสดงความขอบคุณศาสตราจารย์หยางอีกครั้ง
“หากว่าหุ่นยนต์ตัวนี้ร่วมรบอย่างเป็นทางการ จะอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วยาม หลังพลังงานสะสมในแหล่งพลังงานหมดแล้ว จำต้องชาร์จด้วยหนึ่งหมื่นหินวิญญาณ” ศาสตราจารย์หยางพูดเสริม
อันหลินพยักหน้า ค่าใช้จ่ายแค่นี้ยังนับว่าจ่ายไหว
ต่อไปต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ ก็เป็นหนึ่งในไพ่ตายป้องกันตัวของเขาแล้ว
“มีอีกประการหนึ่ง แหล่งพลังงานที่ข้าประดิษฐ์ กระตุ้นพลังงานของหุ่นยนต์ได้เพียงราวๆ ร้อยละยี่สิบเท่านั้น ต่อไปข้าจะผลิตแหล่งพลังงานที่ดีกว่านี้ให้เจ้า” ศาสตราจารย์หยางพูดต่อ
อันหลินมองศาสตราจารย์อย่างซาบซึ้ง เทคโนโลยีมีจำกัดอยู่แล้ว เขาไม่คาดหวังว่าจะผลิตพลังงานที่กระตุ้นพลังงานของหุ่นยนต์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ความจริงแล้วพลังงานของหุ่นยนต์ถูกกระตุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เขาก็พอใจมากแล้ว
ตอนนี้ ศาสตราจารย์หยางกลับพูดว่าจะช่วยพัฒนาแหล่งพลังงานให้เขาต่อไป เขาย่อมต้องซาบซึ้งและปลาบปลื้มมากเป็นธรรมดา
“ดูแลย่ำรุ่งกับแสงอรุณให้ดีละ” ศาสตราจารย์หยางตบไหล่อันหลินปุๆ
“อะไรนะ” อันหลินชะงัก
“ข้าหมายถึงชื่อหุ่นยนต์สองตัวนั้นของเจ้า” ศาสตราจารย์หยางอธิบาย
เขาตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการที่อ่อนโยนบวกสัญญาณบอกเป็นนัย พาแนวความคิดของเจ้าหนุ่มคนนี้กลับมา
“อย่าตั้งชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าสิขอรับ ข้าคิดว่าต๋าอีกับต๋าเอ้อร์เพราะแล้ว” อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึม
ศาสตราจารย์หยาง “…”
…………
[1] เหลียงจิ้งหรู นักร้องชาวจีน เจ้าของผลงานเพลง ‘勇气’ (ความกล้า)