อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินในที่มืดสลัว ใช้ค่ายกลอำพรางกลิ่นอาย
ในยามที่พวกเขาเห็นเด็กหญิงกลัดกลุ้มกับเนื้อหมูป่าที่ไหม้เกรียม แววตาก็ฉายความกระจ่างแจ้ง
อันหลินพึมพำว่า “ท่าทางเหมือนนางจะเป็นจอมตะกละ ลงมือจากจุดนี้ดีไหม”
หลิวเชียนฮ่วนกะพริบตาปริบๆ “แต่พวกเราไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีฝีมือการทำอาหาร จะลงมืออย่างไร”
“เอ่อ…นี่เป็นปัญหาจริงๆ” อันหลินลำบากใจ
หลังทั้งคู่รู้ว่าเริ่มจากจุดนี้ไม่ได้ ก็ไม่ยอมแพ้ แต่ลอบสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของเด็กหญิงต่อ
เด็กหญิงไม่ถอดใจกับหมูป่าย่างตัวนั้น แต่ฉีกส่วนที่ไหม้ทิ้งแล้วลงมือกินอย่างตะกละตะกลามต่อ พลางบ่นอุบอิบ คงจะพูดว่าเสียดายหนังหมูที่กรุบกรอบนั่น
“เฮ้อ ไยใจมนุษย์อันตรายเช่นนี้ ข้าเหงาเหลือเกิน…”
เด็กหญิงอดรำพันต่อผืนฟ้า แสดงสีหน้าห่อเหี่ยวไม่ได้
อันหลิน “…”
หลิวเชียนฮ่วน “…”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อพวกเขาได้ยินเด็กหญิงพูดแบบนี้ก็แปลกใจยิ่งนัก
“ไม่รู้ว่าผู้หญิงผมชมพูคนนั้นหนีไปไหนแล้ว ของเล่นในมือนางน่าสนใจมากทีเดียว เฮ้อ…น่าเสียดาย แต่สิ่งที่นางคิดในใจคือรังแกข้าจริงๆ หากอ่านความรู้สึกไม่ได้ อาจถูกหลอกเข้าเต็มเปาแล้วก็ได้…” เด็กหญิงพร่ำบ่นด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึมอีกตามเคย
หลิวเชียนฮ่วนกับอันหลินเงียบ พวกเขาต่างก็เจอคำศัพท์ที่เป็นกุญแจสำคัญแล้ว
อ่านความรู้สึก?
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของหลิวเชียนฮ่วนเผยอเล็กน้อย “นั่นก็หมายความว่า…เด็กหญิงก็สนใจมือถืออยู่เหมือนกัน”
อันหลินพยักหน้า “นางสนใจมือถือ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะจริง แต่ความสามารถในการอ่านใจของนาง อาจจะตรวจสอบความรู้สึกของคนได้ ความคิดชั่วร้ายเช่นการหลอกลวงของพวกเราถูกนางจับได้ ถึงได้ถูกนางเอาคืนนี่อย่างไรเล่า”
หลิวเชียนฮ่วนย่นคิ้ว “แต่เรื่องที่เราจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทอง เป็นความคิดด้านลบที่ประพฤติมิชอบอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเราจะเข้าไปเจรจากับนางอย่างไร เกรงว่าสิ่งที่ต้อนรับเราคงจะมีแต่หมัดกระมัง”
ใช่แล้ว ขอเพียงเป้าหมายของพวกเขาเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงกุฎที่อยู่บนศีรษะของนาง เช่นนั้นนางต้องจับได้แน่นอน…
อันหลินเงียบไปชั่วครู่ ราวกับคิดอะไรออก จู่ๆ สีหน้าก็กลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมา “หาก…หากว่าเป้าหมายของเราไม่ใช่การชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ล่ะ!”
“ไม่ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์หรือ ใช้การหลอกตัวเองปิดบังความรู้สึกของตนหรือ แบบนี้ก็คงถูกจับได้เหมือนกันกระมัง” หลิวเชียนฮ่วนพูดอย่างไม่เห็นด้วย
อันหลินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าหมายความว่า…เราล้มเลิกการชิงจอกศักดิ์สิทธิ์! เปลี่ยนวิธีเอาชนะใหม่!”
“ล้มเลิกการชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนวิธีเอาชนะใหม่หรือ” หลิวเชียนฮ่วนพึมพำ ประหนึ่งว่ากำลังใคร่ครวญคำพูดของอันหลิน จากนั้นนัยน์ตาก็พลันเป็นประกายขึ้นมา “เจ้าหมายความว่า พวกเราไม่เอาจอกศักดิ์สิทธิ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมให้คนอื่นได้จอกศักดิ์สิทธิ์ไปหรือ!”
“ถูกต้อง!” อันหลินยิ้ม “เป้าหมายสุดท้ายของพวกเราคืออันดับหนึ่งของการประลองครั้งนี้ ตอนนี้พวกเรามีคะแนนรวมสูงสุด ขอเพียงเราทำให้คนอื่นตกรอบ ที่หนึ่งก็จะตกมาอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ มันไม่ได้ขัดต่อความตั้งใจแรกของเราเสียหน่อย!”
อันหลินพูดต่อว่า “พวกเราปรากฏตัวต่อหน้านางด้วยจิตใจที่จะช่วยนางกำจัดศัตรู เช่นนั้นสำหรับนางแล้ว พวกเราได้เปรียบ เป็นเจตนาดี ไม่ว่านางจะมีวิชาอ่านใจหรือวิชาแยกเจตนาดีหรือชั่ว พวกเราก็ไม่กลัว เพราะพวกเราตั้งใจช่วยนางอยู่แล้ว นี่เป็นความคิดที่แท้จริงของพวกเรา…”
“สุดยอด!”
นัยน์ตาคู่งามของหลิวเชียนฮ่วนวาววับ มองอันหลินอึ้งๆ เหมือนได้ทำความรู้จักเขาใหม่
“อย่างนั้นปัญหาในตอนนี้ก็คือ พวกเราจะเข้าไปแสดงท่าที หรือรอให้เกิดสงครามแล้วค่อยออกไปช่วยนาง” อันหลินยิ้มบางๆ
“เด็กผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งปานนี้ อาจไม่ต้องการการช่วยเหลือของพวกเราจริงๆ ก็ได้ บุ่มบ่ามเข้าไปอาจไม่ดี พวกเราแค่ลอบสังเกตสถานการณ์ เมื่อถึงยามที่สถานการณ์ค่อนข้างคับขัน ค่อยลงมือแล้วกัน” สุดท้ายหลิวเชียนฮ่วนก็เลือกวิธีที่ค่อนข้างเก่าแก่
อันหลินพยักหน้า ไม่พูดอะไร
ขณะเดียวกัน มีร่างหนึ่งอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากพวกเขา
ใช่แล้ว ตงเยี่ยนจากหอสร้างโลกซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพวกเขานั่นเอง
เป็นตัวแทนที่ลอบสังเกตการณ์เช่นเดียวกัน แต่มันกลับได้เปรียบกว่า
“หึๆ แม้จะไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองคนแอบกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ตรงนั้นบ้าง แต่ข้าคิดว่าน่าจะช่วยพวกเจ้าสักหน่อย…”
ใบหน้าของตงเยี่ยนเปื้อนรอยยิ้มมีเลศนัย พลังเซียนที่สำแดงได้อย่างเงียบเชียบมีไม่มาก แต่มันถนัดอยู่วิชาหนึ่งพอดี
น้ำแข็งแตกระแหง!
ก้อนหินที่อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนหลบซ่อน เริ่มแผ่ความเย็นมาจากภายใน สุดท้ายก็ปะทุออกมาทันใดประหนึ่งเป็นภูเขาไฟ!
ตูม!
จู่ๆ ก้อนหินก็ระเบิด กลายเป็นเศษหินนับไม่ถ้วนลอยล่อง
“ใครน่ะ!” นัยน์ตาของเด็กหญิงวาวโรจน์ เจอมนุษย์สองคนด้านหลังเศษหิน
“ท่านราชินี พวกเราเอง!” อันหลินยกมือขึ้น ก้าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
ให้ตายสิ! ถูกลอบทำร้ายเสียแล้ว…
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาว่าเป็นฝีมือใคร ทว่าหากเขาบุ่มบ่าม สิ่งที่เขาจะเผชิญหน้าก็คือหมัดอันร้ายแรงถึงชีวิต…
“ฮาย ท่านราชินี…” หลิวเชียนฮ่วนเองก็เดินยิ้มแย้มออกมา อากัปกิริยานิ่งเฉย
เด็กหญิงยิ้ม ประเมินสองคนที่อยู่ไม่ไกลอย่างสนอกสนใจ “ไม่คิดเลยจริงๆ ว่า พวกเจ้าจะกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก”
มุมปากของอันหลินกระตุก อยากพูดเหลือเกินว่าแท้จริงแล้วไม่กล้าหรอก
ในตอนนั้นเอง หลิวเชียนฮ่วนก็พูดขึ้นมาว่า “พวกเรามาที่นี่เพราะอยากช่วยท่านราชินี…”
เด็กหญิงชะงักไป “ช่วยข้าหรือ”
อันหลินพยักหน้า พูดเสียงหนักแน่นว่า “ใช่แล้ว ช่วยท่านกำจัดศัตรูที่ต้องการมงกุฎบนศีรษะของท่านอย่างไรเล่า!”
สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไป หันหน้าจ้องอันหลินด้วยนัยน์ตาที่สุกใส ทำท่าเหมือนครุ่นคิด
“ทำไมกัน ข้ากำจัดเพื่อนของเจ้ากับมือเชียวนะ” นางถามอย่างสงสัย
“เพราะพวกเรากำลังแข่งขันกันอยู่ หากช่วยรักษามงกุฎให้ท่านได้ พวกเราก็จะคว้าชัยชนะมาได้!” หลิวเชียนฮ่วนตอบตามความสัตย์จริง
อันหลินพยักหน้าเช่นกัน สีหน้าของทั้งคู่เป็นธรรมชาติและจริงใจมาก
เพราะนี่เป็นความคิดที่แท้จริงในใจพวกเขา
เด็กหญิงออกอาการแปลกใจ นางจดจ้องสองคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่พูดอะไร
หลังเงียบไปชั่วครู่ นางก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าขาวปลอดอ่อนวัยปราศจากความไร้เดียงสา มันเป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างสดใสและน่ารัก
“ที่แท้นี่ก็คือความคิดที่แท้จริงของพวกเจ้านี่เอง ดีมาก…” เสียงกังวานดังขึ้น
อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนโค้งตัวคำนับพร้อมกันราวกับรู้ใจ “ขอให้ท่านราชินีให้โอกาสพวกเราได้ถวายความจงรักภักดีด้วย!”
“ดี! ตอนนี้พวกเจ้าก็คือองครักษ์ซ้ายขวาของข้าแล้ว!” เด็กหญิงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพึงพอใจ
ด้วยเหตุนี้ อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนจึงกลายเป็นองครักษ์ของเด็กหญิงไปโดยปริยาย…
ตงเยี่ยนที่หลบซ่อนตัวอยู่มึนงง มันจ้องมองฉากนี้อึ้งๆ คิดว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนลวงโลก
องครักษ์ซ้ายขวาหรือ ให้ตายสิ! ควรจะต่อสู้กันไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นสุนัขรับใช้ของจอกศักดิ์สิทธิ์ทองไปได้ล่ะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!
ตงเยี่ยนคิดว่ามุมมองของตนได้รับการกระทบกระเทือน พึมพำว่า “ของปลอม ทุกอย่างล้วนเป็นของปลอม…”
ในจัตุรัสฟ้าคราม หวังเสวียนจ้านที่นอนหายใจรวยรินบนค่ายกลรักษามองฉากนี้บนหน้าจอผลึกหิน มุมปากกระตุก รู้สึกเหมือนเลือดลมเดินไม่สะดวก จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา
พับผ่าสิ! ข้าเพิ่งถูกเด็กหญิงคนนี้จัดการปางตาย เพียงครู่เดียว พวกเจ้ากลับกลายเป็นสุนัขรับใช้ของเด็กหญิงไปแล้วหรือ นี่…นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้ว!