ณ หุบเหวหมื่นกาลี ที่ซึ่งถูกแสงตะวันทอดทิ้ง
ความมืดมนตลอดกาลเป็นหัวใจสำคัญของที่นี่ ไม่มีเวลา ไม่มีชีวิตชีวา มีเพียงภัยอันตรายและความเงียบสงัดที่ลึกล้ำที่สุด
ไม่มีใครรู้ว่าหุบเหวหมื่นกาลีลึกปานใด มันมีรอยแยกทั้งน้อยใหญ่มากเหลือคณานับตัดสลับกัน ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่มาผจญภัยในหุบเหวหมื่นกาลี ไม่มีใครไปถึงก้นเหว ตายอยู่ที่นี่ไม่น้อย
ทว่าภายในจุดที่ลึกที่สุดของหุบเหวหมื่นกาลี จู่ๆ ก็มีลำแสงสาดส่อง
มันเป็นลำแสงที่ละมุนละไม ซ้ำยังครอบจักรวาล หากมีใครจดจ้องมัน เขาคงคิดว่าตัวเองหลุดไปอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง
ปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน มารร้ายแห่งใต้พิภพล่าถอยเป็นพัลวัน ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะประจันหน้ากับลำแสงเส้นนั้น
บุคคลที่นำแสงสว่างมาให้หุบเหวหมื่นกาลี เป็นบุรุษที่มีรูปโฉมเคร่งขรึม มีผมยาวสลวยสีเงิน เขาเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่มีศักดิ์สูงในสรวงสวรรค์ มีพระนามว่า จักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวย ไม่เพียงแต่แตกฉานในพลังเซียนนับหมื่น ดูแลกฎธรรมชาติ หยั่งรู้ชะตาจักรวาล
จักรพรรดิจื่อเวยมายังบริเวณหนึ่งของหุบเหวหมื่นกาลี หลับตาลง ยืนนิ่งอยู่กับที่
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หุบเหวกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
“ออกมาเถอะ”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา
เสียงทะลุมิติเข้าไปในความมืดมิดแห่งหนึ่ง
ท่ามกลางความมืด เกิดคลื่นกระเพื่อมขึ้นมาระลอกหนึ่ง
ร่างดำทะมึนดุจภาพมายาเริ่มปรากฏตัวตรงหน้าจักรพรรดิจื่อเวย มันอยู่ตรงกลางระหว่างการมีอยู่และไร้ตัวตน สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่าจับต้องได้ก็คือ นัยน์ตาดุจดวงดาวพร่างพราวคู่นั้นของมัน
“เย่ตี้ เก็บสะพาน” จักรพรรดิจื่อเวยพูดเสียงเย็น น้ำเสียงปราศจากความเกรงอกเกรงใจ
“ยังไม่ถึงเวลา” สิ่งมีชีวิตที่มีนามว่าเย่ตี้ตอบอย่างหนักแน่น
จักรพรรดิจื่อเวยจ้องเย่ตี้ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “หากเจ้ายังถ่วงเวลา ข้าจะกำจัดเผ่าพันธุ์มดเสีย!”
“หากกำจัดเผ่าพันธุ์มดจริง จะให้สรวงสวรรค์มาปราบมารร้ายใต้พิภพหรือ” เย่ตี้ส่ายหน้า “เจ้าไม่กล้าหรอก”
ครืน!
ลำแสงแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศอย่างฉับพลัน เขมือบทุกสรรพสิ่ง ก้อนหิน ปีศาจร้าย มารร้ายใต้พิภพ อากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในพื้นที่อันตรธานหายไปในพริบตา กลายเป็นพื้นที่วงกลมว่างเปล่ารัศมีพันจั้ง
ศูนย์กลางมีจักรพรรดิจื่อเวยกับเย่ตี้ยืนประจันหน้ากันอยู่
สีหน้าของเย่ตี้ไร้ซึ่งอารมณ์ มองชายตรงหน้านิ่งๆ “เผ่าพันธุ์มดต้องให้กำเนิด ‘ราชัน’ นี่เป็นการเสียสละที่จำเป็น มิเช่นนั้นต่อไปแดนจิ่วโจวจะต้องสูญเสียสาหัสสากรรจ์กว่านี้”
จักรพรรดิจื่อเวยทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ “ไม่จำเป็นหรอก อย่าลืมละว่า พระแม่หนี่วาอยู่ข้างสรวงสวรรค์”
“พระแม่หนี่วาโปรดปรานมนุษย์ ถึงขั้นบุกเบิกสร้างโลก สรรสร้างมนุษย์ขึ้นใหม่ แต่เพราะนางไม่ใช่มนุษย์…”
“หายนะของพวกเจ้า เป็นการแว้งกัดจากผืนแผ่นดิน หายนะระดับนี้ พระแม่หนี่วาจะตัดสินใจอย่างไร เจ้าไม่รู้หรือ”
“หากการเสียสละเพียงเท่ายังทำไม่ได้ พวกเจ้าจะดิ้นรนในแผ่นดินนี้ได้อย่างไร”
น้ำเสียงของเย่ตี้ยังคงเรื่อยเฉื่อย แต่ทุกประโยค ประหนึ่งลากทุกคนเข้าสู่ความมืดมิดตลอดกาล
จักรพรรดิจื่อเวยหลับตาครู่หนึ่ง ลำแสงครอบจักรวาลรอบกายก็ค่อยๆ จางหาย
เขาเป็นเหมือนชายหนุ่มสามัญธรรมดา หันหลังและเดินจากไปในความมืด
“ใช้เลือดเนื้อของมนุษย์เป็นอาหารของราชันเผ่าพันธุ์มด ข้าทำไม่ได้”
จักรพรรดิจื่อเวยทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ ร่างเริ่มเลือนหายไปในอนธการ
หุบเหวหมื่นกาลี กองทัพเผ่าพันธุ์มดระลอกที่สองกำลังทำลายแนวป้องกันที่นักพรตมนุษย์สร้างขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ณ สะพานเมฆหมอกที่มีแนวป้องกันค่อนข้างเปราะบาง หลังเผ่าพันธุ์มดทลายแนวป้องกันของนักพรตมนุษย์ เขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้าพวกมันจนสิ้นซากแล้ว นักพรตมนุษย์ทั้งหลายล้วนจมหายไปในกองทัพมด
ฐานทัพของสำนักเหวินกู่ ค่ายกลรวมปราณใหญ่โตมโหฬารปกคลุมฟ้าดิน แผ่คลุมนักพรตทั้งหมดไว้
พวกเขายืนบนภูเขาลูกใหญ่ ปล่อยพลังเซียนใส่ฝูงมดที่อยู่เบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง
ภูเขาลูกนี้ก่อตัวจากอาวุธวิเศษขั้นกลาง แข็งแรงทนทาน แม้แต่เขี้ยวของมดยักษ์ก็กัดไม่ขาด
บนพื้นธรณี ศพของมดแทบจะกองสูงเป็นภูเขา เลือดเจิ่งนอง
ขณะเดียวกัน ระดับความสูงที่ฝูงมดปีนไต่ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ดั่งเกลียวคลื่นที่ยิ่งซัดก็ยิ่งสูง
เหล่านักพรตรู้ว่า หากคลื่นสีดำลูกนี้มาถึงยอดเขาเมื่อใด นอกจากนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว คนที่เหลือต้องล้มตายที่นี่เป็นแน่
หลิวซู่ซู่กำกระบี่สีทอง ปล่อยไอกระบี่เส้นเรียวเล็กใส่ฝูงมดที่อยู่เบื้องล่าง นางมีพลังยุทธ์เพียงกายแห่งมรรคขั้นห้า แม้จะมีพลังของค่ายกลรวมปราณคอยหนุน ไอกระบี่ก็ทำให้ผิวของมดยักษ์เกิดบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังกัดฟันตวัดกระบี่ในมือไม่หยุดอยู่ดี
นางนึกถึงครอบครัวที่สิ้นชีพคาปากมดยักษ์ หวนคิดถึงผู้อาวุโสอันหลินที่มอบกระบี่ให้นาง นางรู้ว่าตนจะทำให้คนเหล่านี้ผิดหวังไม่ได้ นางต้องพยายามด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
คลื่นสีดำไต่ขึ้นสูงเรื่อยๆ อีกไม่นาน นางคงจะตายในปากมดเช่นเดียวกันกระมัง
ใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยของหลิวซู่ซู่ฉายความเสียดาย เสียดายกระบี่เล่มนี้ของผู้อาวุโสอันหลิน…
สะพานเมฆหมอกที่ใหญ่ที่สุดในหุบเหวหมื่นกาลี ฝูงมดที่นี่เคลื่อนไหวได้น่ากลัวที่สุด
ไม่ใช่เพียงมดยักษ์ดำทะมึนที่คลานบนพื้นดินเท่านั้น บนท้องนภายังมีมดบินมืดฟ้ามัวดินที่ถาโถมเข้ามาดุจตั๊กแตน
ฐานรักษาการณ์ของสรวงสวรรค์ ก้อนหินมหึมาปานเกลียวคลื่นสีดำต่อต้านกองทัพมดจำนวนนับไม่ถ้วน
พลังเซียนที่สว่างเจิดจ้าโจมตีฝูงมดครั้งแล้วครั้งเล่า แนวกำแพงสีทองถูกฝูงมดพุ่งชนจนสะเทือน มดบินบนเวหาเป็นเหมือนตั๊กแตน กระโจนใส่นักพรตอย่างบ้าคลั่ง เมื่อสัมผัสแนวป้องกันของพลังเซียน พวกมันจะฉีกทึ้งนักพรตเหนือกำแพงอย่างไม่ลังเล
ในศึกครั้งนี้ แม้แต่อาจารย์ระดับแปลงจิตก็หมดเรี่ยวแรงและบาดเจ็บได้เช่นกัน จำนวนของเผ่าพันธุ์มดมีมากเหลือเกิน พวกเขาไม่ใช่เครื่องจักร ปล่อยพลังเซียนต่อเนื่องก็ต้องหยุดพักเช่นกัน
นักพรตหลายพันคนในสมรภูมิรบเกิดความรู้สึกว่าอาจจะต้านทานไม่ไหวอยู่ทุกเมื่อ
พวกเขาไม่เคยพบเจอกับสงครามแบบนี้มาก่อน ศพกองพะเนิน เลือดกลายเป็นสายธารอาบย้อมธรณิน วิกฤตแห่งความตายแผ่คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า หากพลาดท่า อาจถูกมดบินกลางอากาศฉีกทึ้ง
พวกเขาหยุดไม่ได้ และไม่กล้าหยุด กินยาบำรุงลมปราณ ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ยาบำรุงร่างกาย ฝืนทำให้ตัวเองกระปรี้กระเปร่า ต่อสู้ต่อไป พวกเขาอาจแปรสภาพในสนามรบ หรืออาจจะหลับใหลตลอดกาลก็ได้…
ณ ฐานรักษาการณ์สำนักเหวินกู่
เผ่าพันธุ์มดบุกขึ้นภูเขาลูกนั้นแล้ว พวกมันกระโจนขย้ำ อ้าปากคาวเลือดใส่มนุษย์อย่างบ้าระห่ำ
หลิวหู่คอยปกป้องหลิวซู่ซู่อย่างไม่ลดละ แต่ร่างกายก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ในตอนนั้นเอง เผ่าพันธุ์มดที่คลุ้มคลั่งก็หยุดชะงักทันใด
นัยน์ตาของพวกมันเริ่มเลื่อนลอยสูญเสียโฟกัส นิ่งไม่ไหวติงปานรูปปั้น
ครืน…
เหล่านักพรตไม่หยุดโจมตี กวาดล้างเผ่าพันธุ์ใดบนเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง
พวกเขายังไม่ทันกระจ่างว่า ทำไมเผ่าพันธุ์มดถึงได้หยุดจู่โจม เสี้ยววินาทีต่อมา กองทัพมดก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เหล่านักพรตเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ใช้พลังเซียนโจมตีกองทัพมดที่อยู่เบื้องล่างอย่างไม่คิดชีวิต
เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในเวลานี้ จู่ๆ เผ่าพันธุ์มดก็ไม่เหมือนกองทัพ กองทัพจะมีระเบียบแบบแผน ต่อให้รบราฆ่าฟันก็มีจุดหมายปลายทาง มีเป้าหมาย แต่เผ่าพันธุ์มดในตอนนี้ กลับกลายเป็นชุลมุนวุ่นวาย พวกมันคลานสะเปะสะปะ เหยียบย่ำ เคลื่อนไหวไปทั่วทุกสารทิศอย่างไร้เป้าหมาย บางตัวถึงขั้นโจมตีมดยักษ์รอบตัว เขมือบพวกพ้องเดียวกัน…
เหล่านักพรตจ้องกองทัพมดที่คลุ้มคลั่งเสียสติ อ้าปากค้างกันระนาว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกมันบ้าไปแล้วหรือ”
หลิวซู่ซู่เบิกดวงตาสุกใสกว้าง กล่าวด้วยใบหน้าตกใจ
เผ่าพันธุ์มดขย้ำทุกอย่างแหลกลาญ แต่มดยักษ์ที่กินพวกเดียวกัน นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แม้จะไม่มีมดยักษ์เพ่งเล็งนักพรตบนยอดเขาแล้ว แต่การโจมตีของพวกเขาก็ยังไม่หยุด ด้วยเกรงว่าเผ่าพันธุ์มดจะกลับคืนสู่สภาพเดิมกะทันหัน
ณ ฐานของสรวงสวรรค์ เมื่อทุกคนเห็นกองทัพมดที่ไร้ระเบียบและวุ่นวายแล้ว เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังกึกก้องเหนือกำแพง
นางพญามดเป็นผู้ควบคุมสติของกองทัพมดแนวหน้า กองทัพมดอยู่ในสภาพไร้ระเบียบมีเพียงเหตุผลเดียวนั่นก็คือ นางพญามดตายแล้ว! ภารกิจบั่นคอนางพญามดสำเร็จแล้ว!
ขณะเดียวกัน สงครามกวาดล้างกองทัพมดขนาดใหญ่ของพวกเขา ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน