หวังเสวียนจ้านไม่คิดว่าจัดการคนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องแล้ว จะมีอีกคนโผล่มาแก้แค้นอย่างน่างุนงงอีก
ที่สำคัญคนที่มาแก้แค้น ยังมาเอาคืนให้คนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนั้น!
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
ซ้ำยังเป็นคู่หูมนุษย์สุนัข นี่มันตัวประหลาดจากแห่งหนใด
หวังเสวียนจ้านนิสัยไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน รู้สึกเหมือนตัวเองถูกสัตว์เทพนับหมื่นตัวเหยียบย่ำผ่านไป ไม่อาจบรรยายความรู้สึกเลวร้ายเช่นนั้นได้จริงๆ
“อันหลิน ปีหนึ่งห้องหนึ่ง ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย!”
“ต้าไป๋ สัตว์คู่กายอันหลิน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย โฮ่ง!”
หวังเสวียนจ้าน “…”
หวังเสวียนจ้านตัดสินใจแล้วว่า เขาจะใช้หอกทะลวงคู่หูประหลาดคู่นี้ให้เป็นหมูเสียบไม้!
ขณะที่การต่อสู้ใกล้จะเริ่มต้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาระหว่างหวังเสวียนจ้านกับอันหลิน
เมื่อหวังเสวียนจ้านกับอันหลินเห็นร่างที่โผล่มากะทันหัน ต่างก็ชะงักงัน
“ศิษย์พี่ ท่านอย่ามาห้ามข้า รีบหลบไป!” อันหลินพูดอย่างร้อนใจ
“ศิษย์น้องอันหลิน อันที่จริงข้ากับหวังเสวียนจ้านนัดกันไว้นานแล้วว่าจะต่อสู้กันที่นี่ ต่อให้ร้อนใจอย่างไร แต่ก็ต้องยึดหลักลำดับก่อนหลัง เจ้าว่าใช่หรือไม่”
ดวงตาสุกใสของเฉินเฉินจ้องมองอันหลิน พูดอย่างสุภาพ
อันหลินได้ฟัง ก็แสดงอาการเหลือเชื่อออกมา “ศิษย์พี่มีระดับพลังยุทธ์แค่กายแห่งมรรคขั้นแปด จะสู้กับศิษย์พี่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณหรือ”
เฉินเฉินพยักหน้าเป็นจริงเป็นจัง ความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่บนใบหน้า แม้จะเป็นอันหลินก็สัมผัสได้ชัดเจนเช่นกัน
อันหลินไม่เจอเหตุผลที่จะคัดค้าน จึงสะกดกลั้นอารมณ์โทสะ พาต้าไป๋ถอยไปอีกทาง
หวังเสวียนจ้านกลับลิงโลดในใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเฉินจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอรบเอง!
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ หากจะให้ยกตัวอย่าง ก็คงเป็น
เขาจะต้องแต่งงานกับหมูตัวหนึ่ง จากนั้นก็มีหญิงสาวงดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์โผล่มากะทันหัน เตะหมูตัวเมียกระเด็น จากนั้นจะลากเขาเข้าเรือนหอให้ได้…
“รุ่นพี่เฉิน คำพูดของเจ้าเมื่อครู่เป็นความจริงหรือ!”
ความฮึกเหิมของหวังเสวียนจ้านระเบิดอีกครั้ง พลังโหมซัดดุจคลื่นทะเลคลั่ง จ้องมองเฉินเฉินด้วยสายตาร้อนระอุ
“ถูกต้อง ลงมือเถอะ” เฉินเฉินถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยปาก
เขารู้ว่า หากไม่ขัดขวางอันหลิน อันหลินก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับเซวียนหยวนเฉิง
มีคนมายืนขวางหน้าเขาไม่หยุดเช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด
ตอนนี้เขารู้กระจ่างแจ้งแล้ว อย่างน้อย จะทำให้ศิษย์น้องที่น่ารักเหล่านี้ตกรอบ เพราะเรื่องของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว…
“ได้!”
เมื่อได้ฟังคำของเฉินเฉิน ในที่สุดหวังเสวียนจานก็เริ่มระเบิดพลังแล้ว
ความปรารถนาอยากต่อสู้ที่สั่งสมมาสามปีกว่า ถูกปล่อยออกมาในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง!
ตูม!
เกล็ดทั่วร่างของหวังเสวียนจ้านสั่นระริก ลูกตาสีทองเจืออานุภาพเย้ยหยันทุกสรรพสิ่ง พลังแห่งสายเลือดมังกรโบราณได้รับการปลดปล่อยแล้ว
ขณะที่ปล่อยพลัง สายลมพัดหวีดหวิว เมฆดำรวมตัวบนนภา ระคนด้วยเสียงสายฟ้าฟาดมังกรคำราม
เมื่อเซียนพสุธาชางชิงเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปี่ยมด้วยความตะลึง “มันคือ…ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือ!”
ในวังมังกรทะเลบูรพา มีเพียงพญามังกรระดับแปลงจิตเท่านั้น จึงจะอาศัยพลังแห่งสายเลือดฉวยโอกาสชักนำปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้ แต่หวังเสวียนจ้านกลับทำได้ตั้งแต่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ทำเอาเซียนพสุธาชางชิงสะดุ้งโหยง
“จะไม่ถึงตายใช่ไหม…” เซียนพสุธาชางชิงปาดเหงื่อบนหน้าผาก มองเฉินเฉินด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ความสามารถของเฉินเฉินเป็นปริศนามาโดยตลอด แม้ห้าปีมานี้เขาจะหยุดอยู่ในระดับกายแห่งมรรคขั้นแปด แต่หากบอกว่าเขามีความสามารถแค่กายแห่งมรรคขั้นแปด กลับไม่มีผู้ใดเชื่อ
แค่เพียงวิชานั้น วิชาหลีกลี้ที่สามารถรอดเงื้อมมือของนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนระดับกายแห่งมรรคขั้นแปดจะทำได้แล้ว มันเป็นวิชาหลีกลี้ที่แม้แต่เหล่าอาจารย์ก็มองไม่ออก!
แต่ทว่า หวังเสวียนจ้านที่ระเบิดพลังจนถึงขีดสุดแล้ว ยามพลังต่อสู้บรรลุระดับที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แม้เฉินเฉินจะเก็บซ่อนความสามารถ แต่ความสามารถที่แท้จริงของเขาจะทัดเทียบฟ้าได้อย่างไรกัน
หวังเสวียนจ้านจู่โจมโดยไม่ยั้งมือเลยสักนิด เกิดทำเฉินเฉินตายขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร
ตอนนี้เซียนพสุธาชางชิงปวดหัวอย่างยิ่ง หลังขบคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายของเขา บีบยันต์หยกชิ้นหนึ่งจนแตกละเอียด
เรียกหามาริโอ้!
ถุย เรียกรองผู้อำนวยการอวี้หัวต่างหาก!
ท่ามกลางเมฆดำทะมึน สายฟ้าเส้นใหญ่ฟาดเปรี้ยงลงบนหอกของหวังเสวียนจ้าน
ทันใดนั้น มังกรอัสนีก็รายล้อมหอกยาว ด้วยอานุภาพฟ้าดินอันน่ากลัว
“ท่านี้ของข้า เรียกว่าหอกแสงแห่งมังกรอัสนี เจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง”
หวังเสวียนจ้านในตอนนี้เป็นดุจเทพสงคราม ยามเอ่ยวาจาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนฟ้าดิน
เฉินเฉินเงียบไม่พูดไม่จา ทำท่าผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ
หวังเสวียนจ้านขยับแล้ว มือถือหอกที่มีมังกรอัสนีพันรอบ จะทิ่มแทงเฉินเฉิน
ไม่อาจนิยามได้ว่ามันเป็นความเร็วแบบไหน
ภายในชั่วพริบตา หวังเสวียนจ้านก็มาอยู่ตรงหน้าเฉินเฉิน ประหนึ่งสายฟ้าแลบ
ซ้ำร้ายหอกยังอยู่ในระยะประชิด มาพร้อมกับอานุภาพอันไร้เทียมทาน ชวนให้หายใจไม่ออก
สีหน้าของเฉินเฉินไม่แปรเปลี่ยน เขายกมือขึ้นมา ชูนิ้วชี้ไปที่หน้าผากของหวังเสวียนจ้าน
ปฐพีเงียบสงัดทันที ภายใต้นิ้วมือของเฉินเฉิน!
ร่างของหวังเสวียนจ้านหยุดนิ่งกับที่ เขามองปลายนิ้วของเฉินเฉิน สัมผัสได้ถึงความพรั่นพรึงอันเหนือคำบรรยาย นิ้วนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อานุภาพของวิถีสวรรค์แผ่คลุมทั่วร่าง
หวังเสวียนจ้านตัวสั่นระริก เขามองเห็นนิ้วมือที่ทะลวงผืนฟ้าได้ กำลังยื่นมาทางเขา หากนิ้วนั้นสัมผัสกาย เขาต้องสูญสิ้นเป็นแน่แท้!
เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง กำลังแหงนหน้ามองนิ้วที่บดขยี้ท้องฟ้าได้!
เปรี๊ยะ…
มังกรอัสนีบนหอก ราวกับพบเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัวเป็นที่สุด กลายเป็นกระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนหนีเตลิดเปิดเปิง
ความฮึกเหิมของหวังเสวียนจ้านหยุดนิ่ง ถอยหลังกรูดด้วยความหวาดกลัว เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผาก
เมฆดำทะมึนบนนภากระจายตัว แสงตะวันสาดส่องลงมาอีกครั้ง…
เฉินเฉินถูกแสงสว่างปกคลุม ยังคงมีลักษณะบริสุทธิ์ไร้มลทินเช่นเดิม
“นี่มัน…วิชาอะไรของเจ้า!” ริมฝีปากของหวังเสวียนจ้านสั่นระริก พูดกระอึกกระอัก
“ดรรชนีวิถีสวรรค์” เฉินเฉินยกมือประสานกันแล้วตอบ
พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป
หวังเสวียนจ้านมองภาพของเฉินเฉินที่เดินจากไป แต่กลับไม่มีความคิดอยากจะหยุดยั้ง
ความฮึกเหิมของเขาถูกทำลาย เมื่อนึกถึงนิ้วที่ช่วงชิงพลังแห่งฟ้าดิน ก็นึกกริ่งเกรงในใจ…
“เหอะๆ ข้าช่างน่าขันสิ้นดี…”
หวังเสวียนจ้านหัวเราะเยาะตัวเอง นั่งลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก พึมพำเสียงเบา
ชั่วขณะที่อันหลินซึ่งชมศึกอยู่ไกลๆ มาตลอดเห็นเฉินเฉินชูนิ้วขึ้นมา ก็รู้แจ้งแก่ใจ ต่อมา หัวของเขาก็เริ่มปวดอย่างรุนแรงขึ้นมา
“อ๊าก! เจ็บจังเลย!”
อันหลินล้มลงไป กุมหัวร้องตะโกนด้วยความทรมาน
เขารู้สึกเหมือนว่าหัวของตัวเอง ถูกอะไรบางอย่างดันจนระเบิด ความเจ็บปวดแบบนั้นเหนือจินตนาการ
ระบบกำลังสาดแสงสว่างไสวในสมองของเขา
‘ดรรชนีวิถีสวรรค์ เป็นนิ้วมือที่แฝงด้วยวิถีดั้งเดิมของฟ้าดิน
บรรลุขั้นต้นสามารถทำลายสรรพสิ่งได้ เมื่อประสบผลสำเร็จขั้นสูงสามารถทลายมิติ กาลเวลา บดขยี้มรรควิถีได้นิ้วเดียว…
วิถีสวรรค์บกพร่อง สายทลายสวรรค์กับสายผนึกสวรรค์ต่างก็เป็นวิถีแห่งการบรรลุ มันเรียกว่าการทลายฟ้า…’
ข้อมูลมากมายเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในสมองของอันหลิน แต่ตอนนี้เขาเจ็บปวดจนไม่อาจย่อยข้อมูลเหล่านี้ได้ ทำได้แค่กุมหัวตัวเองด้วยความทรมาน
ต้าไป๋ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอยู่ข้างๆ มันไม่เข้าใจว่าทำไมหลังเฉินเฉินชูนิ้วธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษขึ้นมาแล้ว หวังเสวียนจ้านจะหยุดการโจมตี ตกใจจนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น
และไม่เข้าใจเช่นกันว่า ทำไมหลังอันหลินเห็นนิ้วนั่น จู่ๆ ถึงได้ลงไปกลิ้งบนพื้น
ณ จัตุรัสหยกขาว นักเรียนหลายหมื่นคนก็มึนงงเช่นกัน
เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า อย่างมากที่สุดก็แค่ขยี้ตา จากนั้นมองหน้าจอต่อด้วยความฉงนสนเท่ห์
พวกเขาอยากพูดอะไรบางอย่าง หรือทำการสันนิษฐานสักหน่อย เพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
แต่ทว่า ไม่นานพวกเขาก็พบว่า ไม่สามารถหาคำอธิบายใดมารองรับเหตุการณ์นี้ได้เลย!
พวกเขาเห็นเพียงหวังเสวียนจ้านผู้ไร้เทียมทาน ถูกนิ้วธรรมดาสามัญของเฉินเฉิน ทำให้ตกใจจนทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเท่านั้น
ภาพนี้ประหลาดเหลือเกิน พวกเขาควรเริ่มอธิบายจากจุดไหนดี
หรือจะบอกว่า เฉินเฉินลืมใช้พลังพิเศษตอนที่ใช้กระบวนท่านี้
หากว่ามีคนคาดเดาเช่นนี้ เช่นนั้นก็ยินดีกับคนคนนั้นด้วย เพราะเขาเดาถูกครึ่งหนึ่ง!
ตอนที่เฉินเฉินใช้ท่านี้ เขาใช้พลังกับหวังเสวียนจ้านเพียงผู้เดียว คนอื่นไม่มีวาสนานั้น…
และเป็นเพราะเหตุนี้เอง ยามเซียนพสุธาชางชิงที่อยู่เหนือเขตแดนเห็นฉากนี้เข้า ก็เบิกตากว้าง เคราขาวหลายเส้นถูกเขาดึงจนหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว
“บัดซบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครก็ได้มาอธิบายบอกข้าที!”
เซียนพสุธาดูด้วยความสับสนงุนงง แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
นักเรียนมึนงงยังพอว่า แต่เขาเป็นอาจารย์ผู้ประเมินพลังต่อสู้นะ!
หวังเสวียนจ้านแพ้เฉินเฉินแล้วหรือ
ถ้าอย่างนั้น ใครบอกเขาได้บ้างว่า จะคำนวณพลังต่อสู้ของเฉินเฉินอย่างไร
แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่า นิ้วนั้นของเฉินเฉินหมายความว่าอะไร จะมีสิทธิ์อะไรไปบันทึกค่าพลังของเฉินเฉินกัน!
เซียนพสุธาชางชิงใช้สายตาเจือความอ้อนวอน มองไปทางบุรุษที่ยืนอยู่กลางอากาศ
เขามีคิ้วดกดำและหนวดดำสนิทเส้นใหญ่ แลดูน่าขบขำอย่างยิ่ง
ใช่แล้ว เขาก็คือรองผู้อำนวยการอวี้หัวที่มาปรากฏกายอย่างเร่งด่วน หลังเซียนพสุธาชางชิงบีบยันต์หยกจนแตก!
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็เห็นกับตาเช่นกัน
“อะแฮ่ม…ชางชิง…เมื่อครู่ข้าใช้กระแสจิตไปมองการต่อสู้ที่อื่นแล้ว เจ้ารายงานข้าสักหน่อยแล้วกันว่า เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เซียนสวรรค์อวี้หัวพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
ใบหน้าของชางชิงกระตุก รองผู้อำนวยการช่วยหาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้หน่อยได้ไหม
แม้เคราข้าจะขาวแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นโรคสมองเสื่อมนะ!
………………………….
Related